เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 260: คนเสเพลกลับตัว
“ได้สิ”
เฉินจงพยักหน้า ถ้าหัวหน้าไม่เอาเงินคืนมา พวกเขาก็จะยืดเยื้อออกไป สภาพแบบนี้ไม่สามารถให้ยืดเยื้อได้
หัวหน้าจ้าวเห็นสองพ่อลูกคู่นี้แล้ว เขาโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครให้เขาต้องอาศัยสูตรยาเส้นของครอบครัวเฉินอยู่ล่ะ ใครให้คนบ้านเฉินไม่แตกแยกกันนะ
ในใจเขา เฉินจง เฉินกุ้ยและเฉินเยี่ยน พวกเขาล้วนเป็นคนหัวแข็ง
เขาเคยไปหาเฉินจงมาก่อน บอกว่าเขาเป็นหัวหน้าโรงงาน เฉินเยี่ยนเป็นลูกสาว แต่งงานออกไปแล้ว ขอแค่เฉินจงยอมบอกสูตรยาเส้นให้เขา เฉินจงก็จะได้เป็นหัวหน้าโรงงานต่อ เขาจะเอาโบนัสของเฉินเยี่ยนให้เฉินจง
เขาพูดกับเฉินจง เฉินเยี่ยนเป็นผู้หญิง เป็นภรรยาของคนอื่น เงินนี้ได้ไม่ถึงบ้านเฉินหรอก
แต่ถ้าให้เฉินจงก็ไม่เหมือนกันแล้ว เงินจะเป็นของบ้านเฉิน เฉินจงจะให้ลูกชายคนโต ลูกชายคนเล็ก หรือหลานในอนาคตก็ได้หมด เพราะเป็นของบ้านเฉิน
แต่เฉินจงคนโง่นั่นกลับบอกเขาโดยไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นไปไม่ได้
สูตรของยาเส้นเป็นของลูกสาวเขา เขาไม่ให้ และจะไม่บอกคนอื่นด้วย ส่วนกำไรก็เป็นของลูกสาวเขา เขาจะไม่แบ่งมา
ตำแหน่งหัวหน้าโรงงานนี้ก็เป็นลูกสาวที่ให้เขา เขาแค่ทำหน้าที่แทนลูกสาว ยังไงเขาก็ไม่มีวันทำร้ายลูกสาว
พูดกับฝั่งเฉินจงไม่ได้ เขาเลยแอบไปคุยส่วนตัวกับเฉินกุ้ย บอกว่าขอแค่เฉินกุ้บยอมเอาสูตรยาเส้นให้เขา เขาจะให้เฉินกุ้ยเป็นหัวหน้าโรงงาน เอาเงินโบนัสของเฉินเยี่ยนให้เฉินกุ้ย นั่นเป็นเงินจำนวนมากเลย เอาให้เฉินกุ้ยฟรีๆ แบบนี้เฉินกุ้ยก็ไม่ต้องอาศัยน้องสาวแล้ว
แต่เฉินกุ้ยนี่ก็ทึ่ม เอาแต่ส่ายหัวบอกว่าไม่ได้ บอกว่าน้องสาวเขาบอกแล้ว สูตรยาเส้นนี่ไม่ให้บอกใคร ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่บอก
ถ้าพ่อกับน้องสาวเขาไม่ทำ เขาก็ไม่ทำเหมือนกัน
เฉินกุ้ยนี่ทำเขาโมโหจริงๆ
แต่โมโหยังไงเขาก็ทำอะไรคนบ้านเฉินไม่ได้ หัวรั้นกันทุกคน ทำให้แตกแยกไม่ได้ พูดจาโน้มน้าวไม่ได้ผล เขาจึงทำได้แค่ยอมรับ
สุดท้ายหัวหน้าจ้าวโมโหฮึดฮัดออกไป
“เยี่ยนจื่อ ลูกว่าหัวหน้าจ้าวนั่นจะเอาเงินมาไหม?”
เฉินจงเห็นตอนที่หัวหน้าออกไปไม่ได้พูดรับปากอะไร ในใจรู้สึกไม่มั่นคง
“เขาสามารถมาถึงตำแหน่งนี้ได้ เขาไม่โง่ เขายังอยากจะให้โรงงานบุหรี่ทำเงินได้มากกว่านี้อีก เขาต้องเอาเงินมาคืนแน่นอน ไม่ใช่ว่าคอมมูนไม่มีเงิน โบนัสพวกนั้น เขาไม่มีทางใช้หมด เขาแค่กำลังหยั่งเชิงความอดกลั้นของพวกเราทีละนิดทีละนิด ถ้าวันนี้พวกเราถอย ยอมเขาทุกอย่าง พรุ่งนี้เขาจะกลืนกินกระดูกเราหมดไม่เหลือซาก ดังนั้นไม่สามารถถอยได้แม้แต่ก้าวเดียว เขาเอาเงินมาให้เมื่อไร ก็เริ่มงานได้เมื่อนั้น ไม่อย่างนั้น สุดท้ายพวกเราจะไม่ได้อะไรเลย”
เฉินเยี่ยนคิดว่าถ้าหัวหน้าจ้าวไม่โง่ เขาจะต้องเอาเงินมาคืน
เป็นอย่างที่คิด วันรุ่งขึ้นหัวหน้าจ้าวส่งคนเอาเงินมาให้ แล้วยังให้คนมาบอกเฉินเยี่ยนด้วยว่าให้รีบเรียกคนงานกลับมาทำงาน
เงินมาแล้ว หลังเฉินจงบอกเฉินเยี่ยน ก็ไปแจ้งให้คนงานกลับมาทำงานได้
ส่วนออเดอร์ เฉินเยี่ยนจะปฏิเสธไปได้ยังไง เธอตอบรับแต่แรกแล้ว แต่รอให้หัวหน้าเอาเงินมาก่อน คนงานถึงค่อยผลิต หยุดไปหลายวัน ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
คนงานเริ่มทำงานแล้ว แต่เฉินเยี่ยนกลับกำลังกลุ้มใจในการเลือกนักบัญชี
เฉินจงเป็นหัวหน้าโรงงาน มาทำบัญชีไม่ได้
ส่วนหัวหน้าจ้าวไม่ให้เฉินเยี่ยนควบตำแหน่งบัญชี เขาบอกว่าเขาเห็นเฉินเยี่ยนก็ปวดหัวแล้ว ไม่ให้เฉินเยี่ยนเข้ามายุ่งมากมาย แค่ทำตัวดีๆ พอแล้ว
แต่นักบัญชีต้องหาคนที่ไว้ใจได้ แล้วยังต้องหาคนที่ความจำดีอีกด้วยมาคิดบัญชี
แต่ปรึกษากับบ้านเฉินแล้ว เธอก็ยังหาคนไม่ได้จริงๆ
ส่วนฝั่งซินห้าว เพราะตอนนั้นซินชานพี่ชายลุงสองเรียนหนังสือ เขาต้องช่วยที่บ้านทำงานมาตลอด เขาเลยคิดบัญชีไม่เป็น
คนอื่นเฉินเยี่ยนก็ไม่สนิท ส่วนคนในหมู่บ้านที่จะเป็นนักบัญชีได้ก็น้อยมาก
ฝั่งซินห้าวก็ไม่มีคนที่เหมาะสม โรงงานเขาก็มีนักบัญชี แต่นั่นเป็นคนของโรงงาน ไม่ใช่คนของเขา เขายืมมาให้เฉินเยี่ยนไม่ได้
ถึงแม้จะยืมได้ ก็ไม่ใช่เรื่อง เฉินเยี่ยนยังต้องหาคนที่เหมาะสมอยู่ดี
ซินห้าวบอกว่าไม่อย่างนั้นจะหาคนในเมืองมาให้เฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนบอกไม่ให้ซินห้าวเป็นกังวล คนนี้เธอจะหาในหมู่บ้าน เพราะเรื่องนี้เฉินเยี่ยนเลยไปบ้านเฉิน เธอต้องตัดสินใจเรื่องคนกับเฉินจง
เพียงแต่เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึง เธอยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน ก็โดนคนดักไว้แล้ว
คนที่ดักเธอคืออวี๋เหวยหมิน
เฉินเยี่ยนขมวดคิ้วมองผู้ชายคนนั้น
ท่อนบนอวี๋เหวยหมินสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายบางๆ สีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงผ้าฝ้ายสีดำ เท้าเขาสวมรองเท้าผ้าฝ้ายคู่ใหญ่ เสื้อผ้าดูสกปรก ไม่รู้ว่าไม่ได้ซักมานานเท่าไรแล้ว ใบหน้ายังมีรอยแผลสองแผลที่ยังไม่สมานกันดี
แต่งตัวเหมือนเกษตรกร นี่ใช่อวี๋เหวยหมินคนที่ใส่ใจในเรื่องการแต่งตัว ไปที่ไหนก็ต้องแต่งตัวดูดีเสมอหรือ?
เมื่อก่อนเสื้อผ้าเขาเปลี่ยนซักทุกวัน ไม่ซักวันหนึ่งเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว บางครั้งตัวเองซักช้า เขายังบ่นตัวเองเลย แต่ตัวนี้ดูเสื้อผ้าบนตัวเขา บอกว่าใส่มาเดือนหนึ่งยังไม่ได้ซัก เธอก็เชื่อ
ไม่ต้องพูดถึงรอบแผลบนใบหน้าเขา ผิวก็เสียไปมาก ถึงแม้จะหนุ่ม แต่เฉินเยี่ยนกลับรู้สึกว่าเขาไม่มีกำลังวังชา เทียบกับอวี๋เหวยหมินในยุคปัจจุบันแล้ว อวี๋เหวยหมินคนนี้ดูน่าสมเพช น่าเวทนาเหลือเกิน
อวี๋เหวยหมินกลายเป็นคนที่เธอไม่รู้จักไปนานแล้ว
“เฉินเยี่ยน ได้ยินว่าคุณหานักบัญชีอยู่?”
อวี๋เหวยหมินรู้สึกว่าสายตาเฉินเยี่ยนที่มองประเมินเขาทำให้เขารู้สึกขัดลูกหูลูกตา เขาเลยถามตรงประเด็นเลย
“ใช่”
เฉินเยี่ยนไม่ปิดบัง
“งั้นจ้างผมเถอะ เฉินเยี่ยน พวกเราเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน ผลการเรียนมหาวิทยาลัยของผมเป็นยังไงคุณก็รู้ หลังเรียนจบผมมีประสบการณ์ทำงาน ให้ผมเป็นนักบัญชีนี่ไม่มีปัญหาเลย”
อวี๋เหวยหมินคิดว่าเฉินเยี่ยนน่าจะเข้าใจเขา
มองดูความหวังริบหรี่ในสายตาของอวี๋เหวยหมินแล้ว เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังมาหาเธอ? หรือว่าเขาไม่มีเกียรติเลย?
“เฉินเยี่ยน ผมรู้ว่าคุณโกรธผม แต่ตอนนั้นที่ผมทำแบบนั้นเพราะเฉินเวยยั่วผม ไม่ใช่ผมตั้งใจทำเอง คุณก็รู้คนนิสัยอย่างเฉินเวย เธอเห็นผู้ชายแบบไหนเธอก็จะโปรยเสน่ห์ เธอคิดจะแย่งคุณ เธอกระโจนเข้ามาในอ้อมกอดผมเอง คุณก็รู้ ผู้ชาย มีผู้หญิงสวยๆ มาส่งให้ถึงหน้าประตู ยังไงก็ต้องทำผิด แต่ขอแค่แก้ตัวก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ! ว่ากันว่าคนเสเพลที่กลับตัวใหม่มีค่ายิ่งกว่าทองคำอีก ตอนนี้ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว คุณเป็นภรรยาที่ดี ตอนนั้นคุณดีกับผมขนาดนั้น เป็นผมเองที่ไม่เห็นค่าคุณ ผมทำผิดต่อคุณ ผมเสียใจ จริงๆ คุณเชื่อผม เฉินเวยติดคุกก็สมควรแล้ว คุณก็ควรหายโกรธได้แล้ว ผมรู้ว่าตอนนี้คุณไม่ชอบผม ซินห้าวนั่นดีกว่าผม ผมไม่เทียบกับเขา ผมไปเป็นนักบัญชีให้คุณ ผมจะทำบัญชีให้คุณดีอย่างแน่นอน ถ้าคุณไม่สั่ง ผมจะไม่ฟังใครทั้งสิ้น คุณไว้ใจผมได้เลย ถือว่าให้ผมช่วยคุณบ้าง ทำเพื่อคุณบ้าง คุณว่าได้ไหม?”
อวี๋เหวยหมินพูดอย่างจริงใจ เหมือนเขาเป็นคนเสเพลที่กลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ คาดหวังให้เฉินเยี่ยนให้อภัย
เฉินเยี่ยนมองอวี๋เหวยหมิน สายตามีความไตร่ตรอง เหมือนกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในคำพูดอวี๋เหวยหมิน