เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 181: ชีวิตที่สุขสบาย
พอหวางนิวได้ยินก็รู้สึกชอบ ลูกสะใภ้คนนี้ช่างไม่เหมือนกับลูกสะใภ้คนก่อนเลย
“ได้สิ ทำกับข้าวนี้ไม่มีอะไรยากเลย กินได้ก็ได้แล้ว ฉันทำมาหลายปีขนาดนี้ ยังเทียบกับน้องสาวเธอไม่ได้เลย เยี่ยนจื่อทำอาหารอร่อยมาก แต่เธอยุ่งทั้งวัน ไม่มีเวลาทำ จวนเอ๋อร์ก็ทำอาหารเก่งกว่าฉัน ฉันพอนึ่งหมั่นโถวได้ ใช่แล้ว เดี๋ยวฉันจะเอาซาลาเปามาให้เธอลองชิมดู เยี่ยนจื่อเป็นคนทำไส้ ไส้เจ แต่ฉันคิดว่าอร่อยกว่าไส้เนื้ออีก ไม่กลัวว่าเธอจะหัวเราะเยอะนะ เมื่อกี้นึ่งออกมาฉันกินไปสามอัน สามีกินไปห้าอัน กุ้ยเอ๋อร์กินไปหกอัน แม้แต่หู่จื่อยังกินตั้งสี่อัน อร่อยจริงๆ”
หวางนิวรู้สึกว่าสามารถคุยกันได้ดีกับลูกสะใภ้คนนี้
“เยี่ยนจื่อเป็นคนมีฝีมือ หนูอยู่บ้านก็ได้ยินว่าเธอมีความสามารถ คิดไม่ถึงว่าอาหารเธอก็ทำเก่ง หนูยังไม่เคยกินข้าวที่เยี่ยนจื่อทำเลย เดี๋ยวต้องลองดู ต้องเรียนรู้จากเธอ”
หลัวเหมยให้หน้ามาก จนตอนที่กินข้าวเสร็จเธอได้กินซาลาเปาเจของเฉินเยี่ยนจริงๆ ข้างในไม่มีเนื้อ แต่กินแล้วอร่อยมาก เธอไม่เคยกินซาลาเปาที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย มิน่าแม่สามีถึงชมใหญ่เลย
เห็นแต่ละคนกินเสร็จก็ไปหยิบอีก จนหินข้าวเช้าเสร็จ ซาลาเปาในเข่งก็ไม่เหลือแล้ว หลัวเหวยอึ้งไปเล็กน้อย คนบ้านเฉินกินกันเก่งมาก ไม่เหมือนกับบ้านหลัวเลย ปกติหลัวเหมยจะได้กินซาลาเปาแป้งขาวใส่ไส้แบบนี้น้อยมาก ถึงแม้ว่าจะนึ่งตอนปีใหม่ ก็ไม่สามารถกินได้อย่างเต็มที่ เธอได้แบ่งมากสุดแค่หนึ่งอัน พ่อเธอ พี่ชายเธอ น้องชายเธอได้แบ่งสองอัน แล้วได้กินแค่มื้อเดียว กินไม่อิ่มก็ต้องกินเส้นธัญพืช
แต่บ้านเฉินกลับไม่ใช่แบบนี้ ไม่แบ่ง ใครอยากกินเท่าไรก็กินตามใจชอบเลย ไม่จำกัด เธอกินไปสามอัน หวางนิวยังเรียกให้เธอกิน เธอกินไม่ลงแล้วจริงๆ แล้วยังต้องกินโจ๊กธัญพืชอีกหนึ่งชาม ยังมีผักอีก นี่เป็นอีกอย่างที่บ้านเฉินกับบ้านหลัวไม่เหมือนกัน ปกติตอนเช้าบ้านหลัวจะกินโจ๊กธัญพืชปกติ อย่างมากก็มีผักดองอะไรพวกนี้ แต่บ้านเฉินไม่เหมือนกัน มีผักสองอย่าง แล้วยังใช้อ่างบรรจุ กินได้ตามใจชอบ นี่ทำให้เธอรู้สึกถึงความเหลือเฟือ บ้านเฉินนี่กินดีเกินไปแล้ว!
เธอมองเฉินเยี่ยน แล้วมองเฉินเวย สองพี่น้องนี้ไม่ถือว่ากินน้อย แต่พวกเธอไม่มีใครอ้วนเลย พูดได้ว่าผอม และไม่รู้ว่ากินแล้วไปเก็บไว้ที่ไหน
เธอละสายตาจากสองพี่น้องบ้านเฉิน มองมาที่หวางจวน หวางจวนใบหน้ารูปไข่ มองดูแล้วอ้วนกว่าเฉินเยี่ยนและเฉินเวยไม่น้อย ดูน่ารักอยู่ เธอคิดถึงก่อนหน้าที่เธอแต่งงานแม่เธอเล่าเรื่องพวกนั้นให้เธอฟัง แม่เธอบอกให้เธอระวังหวางจวน บอกว่ามีหลายคนพูดนินทากันเรื่องเฉินกุ้ยกับหวางจวน เพราะว่าหวางจวนไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์แล้ว บ้านเฉินเลยไม่สู่ขอเธอ แต่หวางจวนต้องมีแผนในใจแน่ ให้เธอระวังไว้ อย่าโดนหวางจวนฉวยโอกาส ถ้ามีโอกาสให้ไล่หวางจวนออกจากบ้านเฉิน
อันที่จริงเธอไม่คิดจะทำแบบนี้ หวางจวนไม่ได้ขัดขวางอะไรเธอเลย อีกอย่างเธอก็เชื่อว่าเฉินกุ้ยและหวางจวนกับคนบ้านเฉินเป็นคนมีคุณธรรม ถ้ามีอะไรจริงๆ เฉินกุ้ยต้องขอหวางจวนแต่งงานอยู่แล้ว ไม่ขอแปลว่าพวกเขาบริสุทธิ์ ถ้าเธอสงสัยเฉินกุ้ยและหวางจวน นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวแล้ว
คิดเรื่องหวางจวนจบ หลัวเหมยก็มองไปที่สองพี่น้องบ้านเฉินอีกครั้ง เทียบกันแล้วกับเฉินเวย เธอชอบเฉินเยี่ยนมากกว่า เพราะเธอรู้สึกว่าเฉินเยี่ยนคนนี้เก่ง มีอะไรก็พูดบอกได้ชัดเจน ไม่ปิดบัง ส่วนเฉินเวยดูเหมือนอ่อนแอ เธอกลับไม่ชอบ เธอมักจะรู้สึกว่าในแววตาเฉินเวยมีอะไรหลายอย่าง ทำให้เธออยากอยู่ห่างๆ
แต่เทียบเฉินเยี่ยนกับหวางจวนแล้ว เธอรู้สึกสนิทกับหวางจวนมากกว่า ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกซาบซึ้งเฉินเยี่ยน รู้สึกนับถือ แต่เธอยังมีความกลัวอยู่ เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนเก่งเกินไป ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับเธอ ส่วนหวางจวนไม่เหมือนกัน หวางจวนเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบ ทำดีกับคนอื่น เป้นคนประเภทเดียวกันกับเธอ ดังนั้นเธอชอบพูดคุยกับหวางจวน ไม่ได้คิดจะให้หวางจวนออกจากบ้านเฉิน อีกอย่าง หวางจวนอยู่บ้านเฉินไม่ใช่เพราะเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิ์นั้นเหมือนกัน
เธอแค่อยากจะอยู่บ้านเฉินอย่างสงบ ไม่ก่อเรื่อง อีกหน่อยจะดูแลลูกๆ และคนแก่ เธอเชื่อว่าบ้านเฉินจะไม่ทำให้เธอลำบาก แค่นี้ก็พอแล้ว
กินข้าวเสร็จ ไม่มีเรื่องอะไร ครอบครัวเฉินก็มาล้อมรอบกองไฟ พูดคุยกัน
ปีนี้ยุ่งมากจริงๆ ควรจะพักผ่อนกันบ้าง
เฉินเยี่ยนฝังมันเทศไว้ข้างใต้กองไฟ
มันเทศส่งกลิ่นหอมมาเป็นระยะ ตอนที่เอาออกมาข้างนอกเผาเป็นสีดำ ตอนกินทั้งมือและปากดำไปหมด แต่เฉินเยี่ยนไม่สนใจ กินกับเฉินหู่อย่างเอร็ดอร่อย
หวางนิวยิ้มส่ายหน้า ลูกสาวคนนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบกินมันเทศเป็นพิเศษ ไม่ใช่ของที่หายากเสียหน่อย
มันเทศนี้พวกเขาปลูกเองในดิน เก็บเสร็จก็ใส่ปุ๋ยในมันเทศอีก แบบนี้เก็บเกี่ยวสะดวก สามารถกินได้ถึงปีที่สอง เก็บดีๆ สามารถกินได้ประมาณหกเดือนเลย
มันเทศตอนนี้กับยุคต่อมาไม่เหมือนกัน ทั้งแห้งและนิ่ม น้ำตาลไม่มาก ดังนั้นเลยไม่หวานมาก ส่วนใหญ่เอามาบดทำแป้ง ทำเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่ถึงแม้ว่าจะมีก็ไม่ได้ดีไปกว่าไม่มีสักเท่าไร นานๆ ทีเฉินเยี่ยนจะเอามาทำกิน มันเทศเผา ชามันเทศ โจ๊กมันเทศ สายไหมมันเทศ คิดอยากจะกินแบบไหน เธอก็ทำได้หมด
เฉินเยี่ยนกินมันเทศจนหมด จากนั้นเช็ดมือกับหน้าจนสะอาดดื่มน้ำร้อน ถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ อยู่ที่นี่ดีจัง ในยุคหลังจะมีชีวิตที่สุขสบายแบบนี้ที่ไหน
“โอ้ย พรุ่งนี้จะปีใหม่แล้ว ลูกบอกมาสิเมื่อไรซินห้าวจะมาสู่ขอ เยี่ยนจื่อก็อายุไม่น้อยแล้ว เลยไปอีกหนึ่งปีก็เป็นสาวใหญ่แล้ว บ้านเขานี่ยังไงกัน”
หวางนิวอดไม่ได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ลูกชายคนโตสู่ขอภรรยาได้แล้ว ก็เหลือลูกสาวคนโตแล้ว
พอได้ยินเรื่องซินห้าว เฉินเวยดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เดิมทีตาที่หลับอยู่ก็ลืมขึ้นมา เหมือนไฟฉายที่สว่างขึ้นมา เธอมองเฉินเยี่ยน เธอก็อยากรู้ว่าเมื่อไรซินห้าวจะมา
“เขาไม่ได้บอกว่าเมื่อไร เดือนหนึ่งยังไม่มาแน่นอน รอก่อนค่ะ มาเมื่อไรก็เมื่อนั้น ยังไงหนูก็ไม่รีบ”
เฉินเยี่ยนเห็นสายตาเฉินเวย แต่เธอไม่อยากจะสนใจเฉินเวย
“ลูกไม่รีบแต่แม่รีบนะ เขายืดออกไปได้ แต่พวกเรายืดไม่ได้นะ ถ้ายกเลิกขึ้นมา แม่จะเห็นลูกร้องไห้”
หวางนิวโมโหเล็กน้อย
ใช่แล้ว เฉินเวยพยักหน้า หวางนิวพูดความในใจของเธอออกมา เธอรีบ แต่เธอก็หวังว่าเฉินเยี่ยนกับซินห้าวจะไม่ได้คู่กัน ไม่! ต้องไม่ได้ลงเอยกัน เพราะซินห้าวเป็นของเธอ
“รีบก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกเขาก็บอกแล้วนี่ ว่าเขายุ่งช่วงก่อนปีใหม่ ไม่ต้องรีบ เยี่ยนจื่อไม่หนีไปไหน”
เฉินจงปลอบหวางนิว
“ใช่แล้ว แม่ ผมก็ว่ารีบร้อนไม่ได้ เยี่ยนจื่อของพวกเราดี ซินห้าวก็ดูเป็นคนดี เรื่องของบ้านเราเขาก็ช่วยไว้ไม่น้อย เขามีใจให้เฉินเยี่ยน จะต้องมาแน่นอน”
เฉินกุ้ยก็พูด ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เห็นคนมามาก ตอนนี้มีภรรยาแล้วด้วย เขารู้สึกว่าจิตใจเขามั่นคงแล้ว มองเรื่องราวแล้วมีความคิดเห็นมากกว่าแต่ก่อน
“ใช่แล้ว พวกเธอไม่รีบ แล้วฉันจะรีบทำไม รอไป รอไป”
หวางนิวว่าหลายคนนี้
เฉินเวยก้มหน้าลงอีก ดูเหมือนซินห้าวจะมาก่อนปีใหม่ไม่ได้แล้ว เดือนหนึ่งก็ไม่น่ามาได้ เธอไม่ได้เจอซินห้าวแล้ว พอคิดแบบนี้เฉินเวยก็เหมือนลูกบอลที่ปล่อยลมออกไม่มีชีวิตชีวา ในใจเธอผิดหวังมาก