เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 173: ลงมือเท่าไรก็ได้มากเท่านั้น
มาบอกว่าตัวเองตบ? เฉินเยี่ยนมองเฉินเวย เฉินเวยยักคิ้วหลิ่วตาให้เฉินเยี่ยน รอบนี้เธอไม่ยอมโดนทำร้ายฟรีๆ
“มือเธอเล็กกว่ามือหนูตั้งเยอะ บนใบหน้ามีรอยตบอยู่ เทียบดูก็รู้แล้วว่าเธอตบตัวเองหรือหนูเป็นคนตบ”
เฉินเยี่ยนพูดเสียงเรียบ ความผิดนี้เธอไม่รับ
ตัวเฉินเวยแข็งทื่อ ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องนี้
เห็นลูกสาวคนเล็กที่กำลังร้องไห้อยู่ หวางนิวลูบรอยตบ ดูแล้วลูกสาวคนเล็กตบตัวเองหรือ? แต่ลูกสาวคนเล็กก็ไม่ได้บ้า ทำไมต้องตบตัวเอง? ตบเสร็จยังมาฟ้องตัวเองว่าเยี่ยนจื่อตบเธอ? นี่เล่นอะไรกันเนี่ย!
“ลูกสองคนนี่เป็นอะไรกันอีก? เสี่ยวเวยทำไมต้องตบตัวเอง?”
ในใจหวางนิวเชื่อเฉินเยี่ยน
“เธอมาหาหนูถามว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน ให้หนูบอกเธอ บอกว่าเธอชอบซินห้าว ให้หนูอย่าแย่งเธอ แล้วยังบอกว่าเมื่อก่อนที่เธอทำผิดต่อหนู เธอคิดว่าเธอทำไม่ดี ตัวเองเลยตบตัวเองเพื่อเป็นการไถ่โทษให้หนู หนูห้ามก็ไม่ได้ จากนั้นเธอเลยตบตัวเอง แต่หนูไม่ได้บอกเธอว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน หนูไม่อยากให้เธอไปหาซินห้าว กลัวว่าซินห้าวจะบิดแขนขาเธออีก พอได้ยินเธอก็รีบวิ่งออกมา จากนั้นก็มาฟ้องแม่”
คำพูดเฉินเยี่ยนจริงกึ่งหนึ่งไม่จริงกึ่งหนึ่ง ใส่ร้ายเฉินเวยเธอไม่รู้สึกเครียดเลย
เฉินเวยโกรธจนตัวสั่น เฉินเยี่ยนนี่ทำไมถึงได้พูดจามั่วซั่ว เห็นอยู่ว่าเธอเป็นคนให้ตบตัวเอง
“ลูกก็ใช่ พูดมาสิ ซินห้าวเขาชอบพี่สาวลูก ลูกจะตามไปรังควานทำไม ครั้งที่แล้วเขาบิดแขนลูกจนเป็นแบบนั้น ลูกยังคิดไปหาเขาอีก เป็นสาวเป็นแส้ จะไปแย่งของพี่สาวได้ยังไง? เรื่องนี้ลูกทำไม่ถูก แม่จะบอกลูกไว้นะเสี่ยวเวย อีกหน่อยอย่าคิดไปทำเรื่องวุ่นวายพวกนี้อีก อยู่นิ่งๆ และไม่ต้องไปหาอวี๋เหวยหมินแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ใช่คนดี รอพี่สาวลูกแต่งงานออกไป แม่กับพ่อจะหาคนที่ดีให้ ลูกจะได้ใช้ชีวิตเป็นสุขเสียที”
หวางนิวว่าลูกสาวคนเล็ก ลูกสาวคนเล็กทำไม่ถูกจริงๆ แต่หน้าเธอเป็นแบบนั้นแล้ว หวางนิวก็ทำอะไรไม่ได้
กลายเป็นว่าตัวเองตบฟรีเลย แล้วยังโดนว่าอีกเป็นชุด เป็นเพราะเฉินเยี่ยน! เฉินเวยโกรธจนกระทืบเท้า แต่เธอจะพูดอะไรได้? ได้แต่ร้องไห้ฮือๆ
เฉินเยี่ยนแบมือ เธอไม่ปลอบเฉินเวยหรอกนะ เฉินเวยทำตัวเอง ยังไงก็ถือว่าพูดกระจ่างแล้ว เฉินเยี่ยนกลับห้อง เฉินเวยอยากจะร้องก็ร้องไป
เฉินเวยจะทำอะไรได้ นอกจากหวางนิวแล้วก็ไม่มีใครที่สนใจเธอเลย ไม่ว่าจะเฉินจง เฉินเยี่ยน ทุกวันต่างยุ่งจนไม่มีเวลา
ฝั่งคอมมูนโดนซินห้าวเร่งจนในที่สุดก็ตอบตกลงแล้ว คอมมูนเซ็นสัญญากับเฉินจง เพราะเฉินเยี่ยนยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีความน่าเชื่อถือ ส่วนเฉินจงยังมีเครดิตกว่า
คอมมูนก็เหมือนคณะกรรมการปฏิรูปในอำเภอเสนอเงื่อนไขแล้ว คณะเห็นชอบ แบบนี้คอมมูนก็ลงชื่อ ฝั่งเฉินเยี่ยนก็สามารถทำโรงงานม้วนบุหรี่ได้แล้ว
วันที่เซ็นสัญญาเฉินเยี่ยนไปกับเฉินจง ซินห้าวก็ไปเหมือนกัน บ้านเฉินและคอมมูนตกลงกัน โรงงานบุหรี่ชื่อโรงงานม้วนบุหรี่หงเซียงคอมมูน ยี่ห้อเขาก็ใช่ชื่อบุหรี่ยี่ห้อหง แบบนี้จะได้จำง่าย ส่วนเรื่องการผลิต คอมมูนจะออกเงินให้ก้อนหนึ่ง ถือว่าเป็นการลงทุนให้โรงงาน แต่เงินไม่มาก ส่วนบ้านเฉินออกโดยใช้สูตร อีกหน่อยมีกำไร หลังจากหักต้นทุนทุกอย่างแล้วบ้านเฉินกับคอมมูนแบ่งกันสามสิบเจ็ดสิบ คอมมูนได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ บ้านเฉินได้สามสิบเปอร์เซ็นต์ เดิมทีคอมมูนต้องการยี่สิบแปดสิบ แต่เพราะซินห้าวช่วยเจรจาให้ เลยตกลงกันได้ที่สามสิบเจ็ดสิบ
ส่วนเรื่องคนงาน คอมมูนจะช่วยหาคนให้ บ้านเฉินก็สามารถหาคนได้ ไม่จำเป็นต้องผ่านการยอมรับจากคอมมูนถึงค่อยหาคนได้ เพราะขนาดตอนเริ่มไม่ใหญ่ ดังนั้นใช้ไม่กี่คนก็พอ ถ้าอีกหน่อยจะขยายขึ้นมา คอมมูนก็จะส่งคนให้อีก
เรื่องบัญชีก็ต้องเป็นคนที่คอมมูนจัดให้ จดบัญชีก็ต้องเป็นคนของคอมมูน เรื่องนี้เฉินเยี่ยนเข้าไปแทรกไม่ได้
โดยรวมแล้วเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไม่น้อยเลย เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร ยุคสมัยนี้ก็เป็นแบบนี้ กฎเกณฑ์พวกนี้คุณต้องเคารพ มหาบุรุษยังไม่ได้มาจากทางใต้[1] ยังไม่ได้ปฏิรูป ยังไม่สามารถครอบครองเป็นของตนเองได้ เธอและซินห้าวสามารถช้อนซื้อโรงงานแบบนี้ได้ถือว่าสุดยอดแล้ว จะเอามากกว่านี้อย่าได้คิด
ตกลงกันชัดเจนแล้ว เฉินจงและเฉินเยี่ยนถือสัญญาที่เซ็นกับคอมมูนออกมา ซินห้าวก็ออกมาด้วย
เฉินจงรู้ว่าเรื่องนี้ซินห้าวช่วยไว้มาก ไม่อยากนั้นไม่มีทางที่จะราบรื่นแบบนี้ได้ เขาขอบคุณซินห้าว จากนั้นพูดกับเฉินเยี่ยนหนึ่งคำ แล้วไปยืนอีกฝั่ง ปล่อยให้ซินห้าวและเฉินเยี่ยนได้คุยกันตามลำพัง
ซินห้าวบอกเรื่องที่ต้องระวังมากมายให้เฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนพยักหน้า นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมเธอไม่อยากช้อนซื้อโรงงาน รายละเอียดเยอะ ทุกที่ต้องได้รับการตรวจสอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ฝั่งคุณเป็นยังไงบ้าง?”
เฉินเยี่ยนถามซินห้าว
“ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ เดิมทีผลประกอบการก็ไม่ดีอยู่แล้ว ไม่มีเงินเดือนให้คนงานมาหลายเดือน ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีความกระตือรือร้น มีผู้นำคนงานอยู่หลายคน แล้วยังบอกว่าของที่ผลิตออกมาไม่แน่ว่าจะขายได้ บางคนเห็นคนอื่นไม่ทำงาน พวกเขาก็แอบอู้ไปด้วย คิดว่าทุกคนได้รับเงินเท่ากันหมด ทำไมพวกเขาไม่ทำก็ได้เงินเหมือนกัน? งั้นก็แอบอู้งานเหมือนกันก็ได้ ที่จริงแล้วผมรู้ว่าหลักๆ พวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นในอนาคต ผมกำลังคิดหาวิธีอยู่”
สำหรับเฉินเยี่ยนแล้วเขาไม่ปิดบัง เล่าสถานการณ์ที่เขาเจอตอนนี้ให้ฟัง
เฉินเยี่ยนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเดิมทีโรงงานนั้นก็ผลประกอบการไม่ดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญญาจ่ายค่าแรงคนงาน คนงานก็มองไม่เห็นอนาคต อีกทั้งซินห้าวยังเด็กอยู่ หลายคนก็ถือว่าตัวเองเก่าแก่กว่ารังแกคนใหม่ ดังนั้นเกิดเรื่องแบบนี้ถือว่าปกติ
“แบบนี้ ซินห้าว ฉันมีวิธี เดี๋ยวคุณกลับไปตั้งกฎการจ่ายเงินให้ตามจำนวนชิ้นที่ทำออกมา หมายความว่าเดือนนี้คุณทำไปกี่ชิ้น เดือนหน้าคุณก็จะได้เงินเท่าจำนวนที่ทำ ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้มาก ถ้าคุณไม่ทำ ขอโทษด้วย เดือนหน้าคุณก็ไม่ได้ค่าแรง เงินค่าแรงมีไว้ให้กับคนที่ทำมาก ตอนแรกอาจจะมีคนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจ อาจจะมีคนโวยวาย คุณต้องเตรียมรับมือ ไม่ต้องไปสนใจพวกคนที่โวยวาย ไม่อย่างนั้นคุณต้องมีการปราบปรามที่เข้มแข็ง รอเดือนหน้าพวกคนที่ทำมากได้ค่าแรงมากกว่า แบบนี้เป็นวิธีการโน้มน้าวที่ดี พวกเขาเห็นคนได้เงิน ก็จะทำงานเอง แต่ละคนไม่มีใครเป็นศัตรูกับเงิน ย่อมต้องขยันทำงานแน่นอน อีกอย่างคุณยังสามารถให้รางวัลกับคนงานที่ทำได้มาก ทำงานดีเยี่ยมได้อีก เช่นแบ่งรางวัลให้พวกเขา พวกเขาต้องแย่งกันทำผลงานแน่นอน จะไม่เมินเฉยแล้ว พวกผู้นำคนงานก็โวยวายไม่ได้แล้ว ถ้าพวกเขายังโวยวายอยู่ ก็บอกพวกเขาว่า ไม่อยากทำก็ออกไป มีคนอยากทำมากมาย พวกเขาเห็นคุณเข้มแข็ง พวกเขาก็จะอ่อนเอง”
เฉินเยี่ยนบอกวิธีการคิดค่าแรงให้ซินห้าว ในยุคนี้ปกติแล้วค่าแรงคนงานจะเท่ากันหมด การคิดค่าแรง คนที่ทำงานก็ได้มากแทบจะไม่มีแบบนี้เลย ซินห้าวสามารถทำก่อนได้ ขอแค่คนงานได้เงิน ได้ผลประโยชน์ ก็จะไม่มีคนมาคัดค้านแล้ว แล้วก็จะไม่มีใครมาดูถูกอายุของซินห้าว พวกผู้นำพวกนั้น ไม่ต้องให้ซินห้าวลงมือ พวกเขาก็เงียบกันไปเอง
[1] เติ้งเสี่ยวผิงยังไม่ได้ปฏิรูปประเทศจีน
———————