เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 141: สร้างบ้านใหม่
เรื่องของเฉินกุ้ยและหวางจวนสิ้นสุดลงเท่านี้ กินข้าวเสร็จแล้ว เดิมทีจะไปไร่ถอนหญ้า แต่ฝนดันตกลงมา ไม่นานฝนก็เทกระหน่ำลงมา ตกจนท้องฟ้ามืดไปหมด ดูไม่เหมือนตอนกลางวัน เหมือนตอนพลบค่ำ
“ฝนตกหนักขนาดนี้ไม่รู้ว่าต้นอ่อนจะหักหรือเปล่า”
หวางนิวมองไปยังท้องฟ้ามืดครึ้มข้างนอก ได้ยินเสียงฝนแล้วเป็นกังวล
กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงแม้จะกังวล ก็ต้องรอให้ฟ้าใสก่อนแล้วค่อยออกไปดู ฟ้าข้างนอกมืดขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงในบ้านเลย เฉินเยี่ยนกับหวางจวนไม่สามารถห่อบุหรี่ได้ ได้แต่นอนคุยเล่นกันบนเตียง
“พี่ พี่ ตื่นเร็ว หลังคารั่วแล้ว คุณลุงบอกว่าจะขึ้นไปซ่อมบนหลังคา คุณป้าไม่ให้เขาขึ้นไป บอกว่าฝนตกหนักขนาดนี้เดี๋ยวเป็นอะไรไป พี่รีบไปบอก อย่าให้คุณลุงขึ้นไปซ่อมเลย ถ้าลื่นตกลงมา จะทำยังไง”
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่างีบหลับไปตั้งแต่เมื่อไร โดนหวางจวนปลุกตื่น เธอนั่งทิ้งตัวลงมา ดูสับสนงุนงง รอจนฟังคำพูดหวางจวนเข้าใจแล้ว เธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่โถงบ้าน
ห้องเธออยู่ใกล้โถงบ้านมาก ห่างกันแค่นี้ยังเปียกไปหมดทั้งตัวเลย ฝนตกหนักมากจริงๆ เห็นเฉินจงใส่ชุดกันฝน สวมหมวกฟาง สวมรองเท้าบู้ทยาง มือถือผ้าสักหลาด เฉินเยี่ยนรู้ว่าเขาน่าจะปีนขึ้นไปบนหลังคาอุดรูรั่ว
แต่ฝนตกหนัก บ้านเฉินก็อายุเก่าแก่หลายปีแล้ว เฉินเยี่ยนวางแผนว่าหาเงินอีกหน่อยแล้วจะสร้างบ้านใหม่ ดังนั้นเลยยังไม่ได้ซ่อม ฝนตกหนักขนาดนี้ให้เฉินจงปีนขึ้นไป ถ้าลื่นแล้วตกลงมา นั่นไม่ใช่เรื่องตลกเลย
“พ่อ อย่าให้แม่กับพวกเราเป็นห่วง ฝนรั่วลงมาพวกเรารองไว้ก็ได้แล้ว ถึงแม้บ้านจะเปียก ก็ไม่เป็นไร รอฝนหยุดแล้วค่อยเช็ดก็ได้ พ่อมั่นใจปีนขึ้นไปข้างบน ไม่เป็นอะไรก็ดี แต่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
เฉินเยี่ยนเดินไปรับผ้าสักหลาดจากมือเฉินจง แสดงจุดยืน ไม่ให้ขึ้นไปข้างบน
เฉินหู่เห็นพี่สาวเอาผ้าสักหลาดในมือพ่อไป เขารีบเข้าไปอุ้มไว้ แล้วหันหลังเข้าไปวางไว้ในห้อง เขาไม่กล้าแย่งจากมือพ่อ แต่เขายังพอซ่อนไว้ได้
เฉินจงทำอะไรไม่ได้ เขาอยากจะขึ้นไปอุดรอยรั่วไว้ คิดไม่ถึงว่าภรรยาไม่ให้ ลูกสาว ลูกชายก็ไม่ให้เหมือนกัน เขารู้ พวกเขากลัว ช่างเถอะ อย่าทำให้พวกเขาเป็นห่วงก็พอ
เห็นเฉินจงไม่ไปแล้ว หวางนิวค่อยสบายใจ ถอนหายใจออกมา ยังดีที่คำพูดลูกสาวได้ผล แล้วรีบวิ่งไป ผ่านไปไม่นานถังที่ใส่น้ำรั่วก็เต็มแล้ว
หวางนิวหยิบอ่างมา ยังไม่ทันที่เฉินจงจะเอาถังไปเทในสนาม น้ำก็เต็มอ่างนั้นแล้ว เห็นเลยว่าฝนตกหนักขนาดไหน
คนในบ้านเฉินรองน้ำกันไม่หยุด ผลัดกันไปเทน้ำข้างนอก หลายชั่วโมงผ่านไปฝนหยุดแล้ว แต่ละคนเหนื่อยจนขยับตัวไม่ไหว
“พรุ่งนี้เราสร้างบ้านกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องสร้างบ้านใหม่!”
เฉินเยี่ยนล้มลงนอนแล้วพูดออกมาเป็นคำแรก เธอไม่อยากเป็นแบบนี้รอบที่สองแล้ว
แน่นอนวันรุ่งขึ้นยังไม่สามารถสร้างบ้านได้ แต่เฉินเยี่ยนยืนยัน อีกทั้งบ้านฝั่งนี้ก็ผุพังมากแล้ว เฉินจงและหวางนิวไปดูที่ไร่ หลังจากไปซ่อมต้นอ่อนข้าวโพดที่โดนฝนตกจนหักแล้วก็เริ่มหาคน ซื้ออุปกรณ์ เตรียมจะสร้างบ้าน
บ้านที่บ้านเฉินจะสร้าง เฉินกุ้ยก็จะมาช่วยด้วย เขาเสนอให้เฉินจง หวางนิว เฉินเยี่ยนและคนอื่นๆ ย้ายมาอยู่ฝั่งโน้น รอจนสร้างเสร็จแล้วค่อยย้ายไป
เฉินจงถามทุกคน ทุกคนไม่ว่าอะไร ถ้าไม่ย้ายไป ทุกคนต้องมาอัดกันอยู่ในห้องเดียว ไม่สะดวก ย้ายไปยังมีที่อยู่ เฉินเยี่ยนและหวางจวนก็ยังห่อบุหรี่ต่อและสร้างบ้านต่อไปได้ ไม่เสียเวลา
ฝั่งนั้นไม่มีช่างเหลียน และไม่มีคนนินทา เฉินเยี่ยนก็ไม่ติดอะไร
ส่วนเฉินเวย หลายวันนี้เฉินเวยยุ่งไม่เจอเธอเลย เฉินเยี่ยนรู้ ช่วงนี้เฉินเวยไปอำเภอบ่อยๆ เธอไปทำอะไร ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
ฝั่งเฉินเยี่ยนก็นับถือเฉินเวยเหมือนกัน เธอไปหาเวยหลายชุน แล้วยังปลอบให้อวี๋เหวยหมินไม่ว่าอะไรด้วย หลังเฉินเยี่ยนย้ายมา มีวันหนึ่งออกไปข้างนอกบังเอิญเจออวี๋เหวยหมิน อวี๋เหวยหมินยังมาแขวะเธอ บอกว่าแม้แต่ผู้ชายเธอยังรั้งไว้ไม่อยู่ คนอื่นไม่ชอบเธอ เธอก็ไม่กลัวขายขี้หน้าคนอื่น ยังกล้าออกมาข้างนอก แล้วยังบอกว่าเฉินเยี่ยนทนไม่ไหวออกมาหาผู้ชาย ใจง่าย หลายใจ หัวเราะเยาะใส่เฉินเยี่ยนเป็นชุด
เฉินเยี่ยนไม่รู้จะว่าเขายังไง อวี๋เหวยหมินไม่โกรธที่เฉินเวยไปหาเวยหลายชุน แต่กลับคิดว่าเธอใจง่าย หลายใจ สมองอวี๋เหวยหมินนี่ไปโดนประตูหนีบมาหรือไง! แต่นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเฉินเวย ถ้าเป็นตัวเฉินเยี่ยนเธอทำไม่ได้
ทุกวันไม่เจอเฉินเวยก็ดีเหมือนกัน จะไม่ได้ต้องมานั่งมองเบื่อขี้หน้าใส่กัน ย้ายมาเธอกับหวางจวนก็ยังอยู่ห้องเดียวกัน เฉินเวยก็ย้ายกลับไปอยู่ที่เดิมที่เธอเคยอยู่ เฉินเวยไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เธอแสดงตัวว่าผิดต่อเฉินเยี่ยนต่อหน้าหวางนิวเป็นประจำล่ะ พอเฉินเยี่ยนมา เธอก็พูดขึ้นมาก่อนเลยว่าจะยกห้องให้ เฉินเยี่ยนไม่พูดอะไรตอบตกลงทันที เฉินเวยอยากจะกลับคำก็ไม่ทันแล้ว
ทุกวันเฉินเวยออกไปข้างนอก หวางนิวยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเธอ ยุ่งงานบ้านทุกวัน เธอยังต้องทำกับข้าวให้คนที่มาช่วยสร้างบ้านอีกด้วย อาหารสำหรับคนสิบกว่าคน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
เหล่าคนที่มาช่วยงานก็ไม่ได้มีค่าแรงอะไร มาช่วยเพราะเห็นแก่หน้าบ้านเฉิน แน่นอน ถ้าบ้านใครมีเรื่องอะไร บ้านเฉินก็จะไปช่วย
ไม่ให้ค่าแรง แต่ต้องดูแลเรื่องอาหาร บ้านเฉินใจกว้าง ในอาหารมีเนื้อชิ้นใหญ่ทุกวัน หมั่นโถวก็มีพอกิน คนที่มาช่วยต่างยินดีกันมาก บอกว่ามีอาหารแบบนี้ พวกเขายอมมาช่วยทุกวันเลย
เฉินเยี่ยนเห็นหวางนิวยุ่งอยู่แต่ในครัวทุกวัน เดิมทีจะช่วย แต่หวางนิวไม่ให้ บอกว่าสร้างบ้านต้องใช้เงิน รอสร้างบ้านเสร็จ เงินที่บ้านก็น่าจะใช้หมดแล้ว ให้เฉินเยี่ยนแหละหวางจวนตั้งใจห่อบุหรี่ก็พอแล้ว แบบนี้สร้างบ้านเสร็จที่บ้านก็ยังมีกินอยู่
ตอนที่เฉินเยี่ยนว่างก็จะไปดูความคืบหน้าการสร้างบ้าน ถ้าสร้างแบบเดิมก็จะเร็วมาก แต่ครั้งนี้เฉินเยี่ยนให้เฉินจงหาคนมาสร้างไม่เหมือนแบบเดิม เป็นบ้านหลังคามุงกระเบื้องเจ็ดห้อง
ยุคนี้บ้านหลังคามุงกระเบื้องเป็นบ้านคนชนชั้นสูง แต่ในยุคหลังกลายเป็นบ้านที่เลี้ยงแกะอยู่ด้วยกัน หมู่บ้านเกษตรกรไม่มีบ้านหลังคามุงกระเบื้องหรอก
จะสร้างบ้านหลังคามุงกระเบื้อง เฉินเยี่ยนก็ต้องลงเงินเหมือนกัน โชคดีที่หมู่บ้านข้างเขามีเตาเผา หาคนที่รู้จักมาก่ออิฐ แบบนี้ค่อยสะดวก ไม่อย่างนั้นไปซื้ออิฐก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยุคนี้ถนนไม่ดี ถ้าจะไปที่ไกลๆ ลากอิฐกลับมา จะต้องสิ้นเปลืองแรงงานมาก
เพราะว่าบ้านหลังใหญ่ แล้วยังเป็นบ้านมุงหลังคากระเบื้องด้วย แบบนี้ต้องใช้แรงเงินแรงงานมากมาย
แต่เฉินเยี่ยนไม่รีบ ออกแรงสร้างบ้านถึงจะแน่นหนา บ้านหลังคามุงกระเบื้องนี้สร้างเสร็จแล้วใช้เวลานานหน่อย แต่อยู่ได้นาน ดังนั้นเสียเงินนิดออกแรงหน่อยก็ยังคุ้ม
คิดว่าได้อยู่บ้านหลังคามุงกระเบื้องหลังใหญ่เฉินเยี่ยนก็ดีใจแล้ว บ้านสร้างเสร็จ เธอจะได้อยู่กันคนละห้องกับจวน เฉินหู่ก็มีห้องของตัวเอง ไม่ต้องไปแออัดอยู่ด้วยกันแล้ว ครัวก็ใหญ่มาก สว่างขึ้นมาก ตอนทำอาหารหลายคนก็ได้เดินไปมาได้
ใช้เงินแบบนี้ เอามาสร้างบ้าน ปรับปรุงคุณภาพชีวิตที่บ้านนี่ดีจริงๆ เธอภาคภูมิใจ รู้สึกว่าชีวิตมีความหวัง อยู่อย่างมีรสชาติ
ดูความคืบหน้าการสร้างบ้านเสร็จ เฉินเยี่ยนก็กลับบ้าน เพิ่งมาถึงหน้าบ้านก็เจอเฉินเวย
————–