เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 112: อย่าแม้แต่จะคิด!
เฉินเยี่ยนกำลังคิดจะพูดอะไรออกไป แต่ซินห้าวหัวเราะเธอ “เมื่อกี้เพิ่งคิดถึงเรื่องนิดหน่อย ไปเถอะ จะเลี้ยงข้าวผมไม่ใช่เหรอ?”
เห็นซินห้าวแบบนี้แล้ว เฉินเยี่ยนถอนหายใจยาว ค่อยยังชั่ว ซินห้าวไม่ได้ทำกับเธอ
เพราะว่าซินห้าวขี่จักรยาน ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยให้ซินห้าวไปก่อน ยังไงเขาก็รู้ว่าบ้านตัวเองอยู่ไหน เธอกับหวางจวนค่อยๆ เดินกลับไป
เพราะว่าไม่ได้กลับไปพร้อมกัน ถึงแม้จะมีคนพูดถึงซินห้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าซินห้าวไปบ้านเฉิน ดังนั้นคนในหมู่บ้านจึงไม่ได้พูดนินทาเรื่องนี้กัน
เฉินเยี่ยนและหวางจวนกลับมาถึงบ้าน ซินห้าวอยู่ในสนามบ้านเฉินเรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่ได้เข้าไปในบ้าน
เฉินเยี่ยนมองดู พ่อแม่ยังไม่กลับมา เธอเชิญให้ซินห้าวนั่ง เทน้ำให้ เสิร์ฟเมล็ดแตงโม ถั่วและน้ำตาลให้ซินห้าว เธอเข้าไปในห้องเอาเงินออกมา
“จะเชิญผมมากินข้าวไม่ใช่หรือ? ให้ผมกินอันนี้? ถึงแม้จะเป็นของดี แต่ผมกินไม่ไหวแล้ว”
ซินห้าวเห็นเฉินเยี่ยนยื่นเงินมาให้ เขาเลิกคิ้วพูด
เฉินเยี่ยนอดไม่ไหวหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้เล่นมุขตลกด้วย
“ใครให้คุณกินอันนี้ นี่คือเงินที่ฉันให้”
เฉินเยี่ยนไม่ดูถูกใคร ถ้าไม่เจอก็ทำอะไรไม่ได้ เจอแล้วต้องคืนเงินเขาแน่นอน
“วันนี้วันปีใหม่ ครั้งหน้าค่อยว่ากัน”
ซินห้าวไม่ได้อยากได้เงินที่เฉินเยี่ยนยื่นให้เขาเลย เห็นแววตาเฉินเยี่ยนดูลึกซึ้ง
“วันขึ้นปีใหม่ทำไมเหรอ?”
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจ เงินนี่เกี่ยวอะไรกับวันขึ้นปีใหม่
“พี่ วันขึ้นปีใหม่ไม่ควรใช้เงิน”
หวางจวนอธิบายอยู่ข้างๆ เฉินเยี่ยนค่อยเข้าใจ หมู่บ้านที่นี่จะไม่ใช้เงินในวันขึ้นปีใหม่ ไม่อย่างนั้นทั้งปีจะใช้เงินมากมาย ไม่มงคล แต่วันที่สองต้องไปบ้านตัวเอง ไปเยี่ยมญาติ แล้วถึงค่อยเริ่มใช้เงิน เฉินเยี่ยนไม่ค่อยเข้าใจประเพณีนี้ ดังนั้นเธอเลยไม่ถือ
เห็นสายตาซินห้าว เฉินเยี่ยนรู้ เขาก็แค่ใช้ข้ออ้างให้ตัวเองไม่ต้องคืนเงินเขา
“งั้นก็ได้ ครั้งหน้าแล้วกัน”
เฉินเยี่ยนคิดแล้วก็เก็บเงินกลับไป ในเมื่อตอนนี้ซินห้าวไม่ต้องการ ยังไงก็ต้องมีโอกาส ไม่จำเป็นต้องบังคับเขาตอนนี้ จะยิ่งแสดงถึงความไม่มีเหตุผล
เฉินเยี่ยนให้ซินห้าวนั่งรออยู่ในสนาม เธอและหวางจวนไปเตรียมกับข้าว
เพราะเป็นวันปีใหม่ บ้านส่วนใหญ่ปิดหมดเลย ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยรีบทำกับข้าวหกอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่าง
หวางนิวกลับมาก่อน กลับมาเห็นในสนามบ้านตัวเองมีผู้ชายยืนอยู่ก็ตกใจ พึมพำอยู่ในใจว่าใครกันหล่อขนาดนี้มาอยู่ในบ้านเธอ เธอถามซินห้าวว่าเป็นใคร เพราะเธอไม่รู้จัก
เฉินเยี่ยนออกมาแนะนำให้หวางนิว พอได้ยินว่าเขาคือซินห้าว หวางนิวก็ร้องด้วยความดีใจ พูดขอบคุณซินห้าวหลายครั้ง มองดูซินห้าวแล้วชอบใจ ขณะเดียวกันในใจก็เสียดาย ถ้าเป็นลูกเขยเธอก็ดี เสียดายลูกสาวเธอไม่คู่ควรกับเขา
เสียดายไป หวางนิวก็ออกมาเรียกเฉินจงกลับมา ที่บ้านมีคนมา สามีต้องกลับมาบ้านต้อนรับแขก ผ่านไปสักพักเฉินหู่ก็กลับมา เห็นซินห้าวก็ดีใจมาก พูดคุยกับซินห้าวมากมาย
ถึงแม้ซินห้าวจะดูเหมือนเข้ากับคนได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักเข้าสังคม ไม่ว่าจะกับเฉินจง หวางนิว และเฉินหู่ เขาคุยได้หมด ไม่มีใครรู้สึกว่าเขาหยิ่งเลย
มานั่งที่โต๊ะ เห็นอาหารบนโต๊ะซินห้าวมองเฉินเยี่ยนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะมีฝีมือทำอาหารแบบนี้ อาหารนี่ดูดีกว่าในร้านอาหารอีก
ทุกคนกินกันไปพูดคุยกันไป ซินห้าวคิดในใจ มิน่าเฉินเยี่ยนถึงไม่ได้สนใจข้าวอบเนื้อแกะที่ร้านนั้น เทียบกับฝีมือทำอาหารของเธอ อาหารนี้มีรสชาติสีสันครบ อร่อยจริงๆ แต่ขณะเดียวกันเขาก็สงสัย ดูจากฐานะบ้านเฉินแล้ว เฉินเยี่ยนไปเรียนทำอาหารมาจากที่ไหน?
เฉินเยี่ยนหน้าตาดี แล้วยังมีความสามารถอีก ยอมลำบาก นิสัยก็ดี แล้วยังทำอาหารเก่งอีกด้วย ใครได้เธอไปเป็นภรรยา ช่างโชคดีจริงๆ
“อาห้าว กินเยอะหน่อย เยี่ยนจื่อทำอาหารอร่อยนะ ถือเสียว่าที่นี่เป็นบ้านเธอ ไม่ต้องเกรงใจ”
หวางนิวเห็นซินห้าวหยุดตะเกียบเหมือนกำลังคิดอะไร นึกว่าอีกฝ่ายเขิน เลยรีบเรียกให้ซินห้าวคีบกับข้าว
ซินห้าวขอบคุณ ไม่เหม่ออีก ตั้งใจกินข้าว
หลังกินข้าว เฉินจงและหวางนิวอยู่พูดคุยกับซินห้าว นานๆ ทีเฉินเยี่ยนจะแทรกขึ้นมาประโยคสองประโยค แต่ไม่พูดตามใจเหมือนเวลาคุยกันสองคน อย่างจะพูดอะไรก็พูด
ซินห้าวนั่งสักพักก็ลากลับ เดิมทีหวางนิวอยากจะให้เขาอยู่กิยข้าวเย็น แต่เดี๋ยวซินห้าวต้องกลับเข้าอำเภอแล้ว อยู่เย็นมากไม่ได้ เลยไม่ได้อยู่ต่อ
ที่หน้าประตู ซินห้าวขี่รถออกไปแล้ว ตอนที่กำลังจะเลี้ยวเขามองที่ประตูบ้านเฉินแวบหนึ่ง คนบ้านเฉินยังอยู่ที่ประตู เขามองเห็นชุดสีชมพูอ่อนนั้น สีชมพูนั้นเหมือนต้นดอกเหมยที่กำลังผลิบานในฤดูหนาว โชยกลิ่นหอมอ่อนๆ ภาพงดงามแบบนั้น ทำให้อดใจไม่ไหวอยากเข้าใกล้
เขาคิด สีชมพูหน้าหนาวนี้ได้หยุดอยู่ในใจเขาแล้ว ไม่ว่านานเท่าใดก็จะไม่จืดจาง
“เยี่ยนจื่อ ซินห้าวนี่ยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหม?”
รอจนซินห้าวลับตาไปแล้ว หวางนิวดึงเฉินเยี่ยนเข้ามากระซิบถาม
“ยังไม่มีมั้ง หนูไม่ได้ถาม”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ก่อนหน้านี้ไม่เห็นซินห้าวพูด สองเดือนกว่านี้เธอไม่ได้เจอซินห้าว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าซินห้าวมีคู่หมั้นหมายแล้วหรือยัง แล้วแม่มาถามแบบนี้หมายความว่ายังไง? หรือว่าคิดจะจับคู่ให้เธอกับซินห้าว?
“ถึงเวลาค่อยให้พ่อลูกไปสืบดู คราวหน้าถ้าซินห้าวยังมาอีก เรียกเสี่ยวเวยมาด้วยสิ ถึงแม้เสี่ยวเวยจะยังอายุน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้ว เธอเป็นเด็กดี หน้าตาก็ไม่แย่ ไม่แน่ว่า…”
หวางนิวพูดยังไม่ทันจบ สายตาเฉินเยี่ยนเย็นชาขึ้นมา เธอดึงแขนออกจากมือของหวางนิวแล้วพูดขึ้นมา “อย่าแม้แต่จะคิด!”
ท่าทางเฉินเยี่ยนเย็นชา เธอรู้ความตั้งใจของหวางนิว หวางนิวคิดว่าซินห้าวดี อยากจะได้ซินห้าวมาเป็นลูกเขย เธอไม่ได้คิดถึงเฉินเยี่ยน เพราะเฉินเยี่ยนมีชื่อเสียแบบนั้นอยู่ ดังนั้นคนที่ดีหน่อยจะไม่เลือกเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนไม่โทษหวางนิว เพราะเธอรู้ว่าเป็นแบบนี้จริงๆ ชื่อเสียงสำคัญมาก สองเดือนนี้ เพราะว่าบ้านเฉินหาเงินได้แล้ว เลยมีคนมาคุยเรื่องแต่งงานไม่น้อย แต่คนที่มาสู่ขอไม่มีดีเลย ถึงแม้บ้านเธอหาเงินได้ แต่คนทั่วไปก็ยังถืออยู่ ไม่ยอมแต่งกับเธอ
ดังนั้นหวางนิวคิดว่าซินห้าวดี คิดว่าลูกสาวคนโตของตัวเองไม่คู่ควรกับเขา แต่หวางนิวไม่ควรเอาความตั้งใจนี้ให้กับเฉินเวย
เฉินเวยนั่นเป็นอะไร! เธอคู่ควรกับซินห้าวที่ไหน ให้เฉินเวยทำลายซินห้าว คิดถึงข้อนี้แล้วเฉินเยี่ยนก็รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกโกรธแล้ว ดังนั้นเธอเลยพูดด้วยอารมณ์แบบนั้น
“ดูลูกสิ แม่ก็แค่พูด ไม่ได้ก็ไม่ได้ ลูกโกรธอะไร เสี่ยวเวยเป็นน้องสาวลูก ลูกไม่อยากให้เธอคบกับอวี๋เหวยหมิน อยากให้เธอแต่งงานกับคนดี ตอนนี้เจ้าหนูซินห้าวก็ดีขนาดนี้ แม่ก็แค่คิดเอง แม่รู้ว่าบ้านเราเทียบกับเขาไม่ได้ แม่ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว”
หวางนิวมองออกว่าลูกสาวโกรธ อาจจะเป็นเพราะลูกสาวก็มีใจให้เขาสินะ แต่ลูกสาวคนโตเคยหมั้นหมายมาก่อน เกิดเรื่องแบบนั้น แล้วยังถอนหมั้น บ้านห้าวต้องไม่ยอมแน่นอน ดังนั้นเธอเลยคิดถึงลูกสาวคนเล็ก ตอนนี้ลูกสาวคนโตเป็นแบบนี้ เธอเลยไม่พูดดีว่า จะได้ไม่ขัดแย้งกัน
—————-