เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 303
ตอนที่ 303 ทางซ้ายทางขวา
ตาอ้วนหลิวโทรศัพท์ไปหาอวี่เหวิน ไม่นานก็มีการตอบกลับมา ” เขาอยู่ในละแวกนี้ เขาบอกว่าจะรีบมาที่นี่ในไม่ช้านี้ ! “
ทุกคนที่นั่งด้วยกันที่นี่ต่างมองหน้ากัน ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ
หยางโปมองไปทางลัวซือเต๋อก่อนจะพูดขึ้นว่า ” อาลัวครับ คุณไม่ต้องไปกับพวกเราแล้วนะครับ “
” ไม่ได้ ฉันต้องไป ” ลัวซือเต๋อยืนหยัดต่อไป
” พ่อจะไปทำไมอีก ? พ่อคิดว่าทุกคนอยากพาพ่อลงไปงั้นเหรอ พ่อเองก็แก่มากแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางปฏิเสธความแก่ชราได้ พ่อลงไปก็รั้งแต่จะสร้างความยุ่งยากให้กับทุกคน พ่ออย่าสร้างความวุ่นวายเลยจะดีกว่านะ ! ” ลัวย่าวหัวพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
ลัวซือเต๋อสั่นด้วยความโกรธ ” ไอ้ลูกนอกคอกคนนี้ “
” ถ้าผมเป็นลูกนอกคอก แล้วพ่อเป็นอะไรละ ? ” ลัวย่าวหัวพูดโต้กลับไป
หยางโปก็หลุดขำออกมาทันที เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนต่างก็เบะปากจะหัวเราะออกมา หยางโปจึงทำได้เพียงแค่ข่มอาการนั้นเอาไว้
ลัวซือเต๋อชี้ไปทางลัวย่าวหัว ด้วยความโกรธเคือง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เฉาหยวนเต๋อรีบลากเขาออกมาปลอบทันที ” ถึงยังไงพวกเขาก็มีเจตนารมณ์ที่ดี เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของนาย นายคอยสั่งการอยู่ข้างบนดีกว่า ไม่ต้องลงไปข้างล่างหรอก ” ลัวซือเต๋อครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า ” ฉันจะส่งคนลงไปเอง หยางโปบอกว่าข้างล่างนั้นอาจจะเป็นเขาวงกต ฉันเองก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียว ดังนั้นอย่าหลงทางก็พอ “
เฉาหยวนเต๋อพยักหน้า ” ก็ได้ “
หลังจากเวลาผ่านร่วงเลยไปประมาณครึ่งชั่วโมง รถออฟโรดสีเขียวคันหนึ่งก็ได้แล่นเข้ามาจากประตูใหญ่ เมื่อมองออกไปไกลๆ หยางโปก็เห็นอวี้เหวินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ เมื่อรถจอดลง อวี่เหวินก็กระโดดลงมาจากรถ
ลัวซือเต๋อมองไปทางอวี่เหวิน ก็เห็นผมที่สยายของเขา มองดูท่าทางเหมือนกับคนป่าเถื่อนไม่มีกาลเทศะยังไงอย่างนั้น เขาจึงเกิดความรู้สึกไม่ชอบขึ้นมาในใจ จากนั้นก็หันไปถามหยางโปด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า ” เขาจะทำได้จริงเหรอ ? “
หยางโปส่ายหน้า ” ผมเองก็ไม่รู้ “
ดูเหมือนอวี่เหวินจะได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน เขาจึงหันไปมองคนทั้งสองแวบหนึ่ง
” ตาอ้วน นายโดนพิษเข้าให้แล้ว ! ” อวี่เหวินมองไปทางตาอ้วนหลิวแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงตกใจกันยกใหญ่ พวกเขาทุกคนออกมาจากข้างล่างนั้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงฟื้นคืนกลับมาสภาพเดิมเกือบจะทั้งหมดแล้วด้วย ถึงแม้ว่าใบหน้าของตาอ้วนหลิวจะยังซีดเผือดอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เห็นชัดมากขนาดนั้น ใครจะไปนึกว่าอวี่เหวินจะมองออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
ตาอ้วนหลิวรีบเดินขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” อวี่เหวิน นายไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันจะโดนพิษได้ยังไง ? “
อวี่เหวินถอยออกไปด้านหลังก้าวหนึ่ง พร้อมกับสังเกตการณ์ด้วยตาทั้งสองข้าง ก่อนจะหัวเราะและพูดออกมาว่า ” ฉันเห็นใบหน้าของนายซีดเผือด ตาทั้งสองข้างแดงเล็กน้อย ขอบตาคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ก็เห็นๆอยู่ว่านายต้องโดนพิษมาแน่ ! ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายน่าจะเข้าไปในสุสาน แล้วไปดมกลิ่นหอมวิญญาณเข้าไปแน่ๆ ! “
” กลิ่นหอมวิญญาณ ! ” ตาอ้วนหลิวตื่นตกใจยกใหญ่ เขาถอยออกไปด้านหลังสองก้าวราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ จนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น
อวี่เหวินส่ายหน้า ” นายวางใจเถอะ ถึงแม้จะบอกว่ากลิ่นหอมวิญญาณสามารถคร่าชีวิตได้ก็ตาม แต่นายก็น่าจะดมในปริมาณไม่มากพอ อีกทั้งยังออกมาได้ทัน นั่นหมายความว่านายไม่ต้องกังวลอะไรมาก “
ตาอ้วนหลิวรู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อย ” จริงเหรอ ? “
” ฉันจะหลอกนายไปทำไม ? “อวี่เหวินพูด
หยางโปมองไปทางอวี่เหวิน ถึงได้เชื่อว่าอีกฝ่ายนั้นต้องมีฝีมือที่เก่งกาจมากแน่ๆ
” สถานการณ์ในนั้นเป็นยังไงบ้าง ? ” อวี่เหวินถามขึ้น
ตาอ้วนหลิวจึงได้เล่าเหตการณ์ที่พวกเขาเพิ่งจะพบเจอมาเมื่อสักครู่ให้กับเขาฟังรอบหนึ่ง
อวี่เหวินมองไปข้างในแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ฉันเข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ เราเข้าไปข้างในกัน ! “
เมื่อพูดจบ อวี่เหวินก็เดินนำไป จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามกันเข้าไป ครั้งนี้ลัวซือเต๋ออยู่ที่นี่ ส่วนเฉาหยวนเต๋อยังคงยืนหยัดที่จะตามไปด้วย
เมื่อพบเจอกับทางแยกอีกครั้ง ทุกคนต่างก็มองไปทางอวี่เหวิน
อวี่เหวินยกแขนขึ้นมา จากนั้นก็นำนาฬิกาข้อมือเล็งเป้าไปทางปากถ้ำที่ไม่เหมือนกัน หยางโปจึงได้เพ่งมองออกไป แล้วก็เห็นเข้ากับเข็มที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนบนนาฬิกาข้อมือนั้นมีราศีบนและราศีล่างแออัดกันอย่างหนาแน่น ดูคล้ายกับตัวอักษรขนาดเล็กมาก จำเป็นจะต้องใช้แว่นขยายเพื่อส่องดูถึงจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น
หลังจากที่ทำการวัดทั้งซ้ายและขวาของทางแยกทั้ง 2 ทางแล้ว อวี่เหวินก็ได้พูดขึ้นว่า ” เจี่ย ซวี อี่ ฮ่าย ภูเขาไฟ ปิ่ง จื่อ ติง โฉ่ว ล่องน้ำ ไปทางซ้าย ! “
ทางซ้ายเป็นทางที่ทุกคนเพิ่งจะเลือกไปมาเมื่อสักครู่ เฉาหยวนเต๋อยังคงหวาดผวาอยู่ไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นว่า ” นายมั่นใจได้ยังไงว่าทางซ้ายนั้นปลอดภัย ? เมื่อกี้เราก็เพิ่งเดินไปทางซ้ายนั้นแหละ จนได้พบกับกับดัก ! “
อวี่เหวินมองไปทางเฉาหยวนเจ๋อแวบหนึ่ง ก่อนอธิบายขึ้นว่า ” ที่พวกนายเดินไปทางซ้ายแล้วพบเจอกับอันตรายนั้นเป็นเพราะว่าพวกนายระวังไม่มากพอ เพียงแค่ต้องระมัดระวังให้มากพอ ทางซ้ายจึงเป็นทางที่ปลอดภัยมากกว่าทางขวาอย่างแน่นอน !
เมื่อพูดจบ อวี่เหวินก็ไม่พูดอะไรอีก นอกจากเดินตรงเข้าไปทางซ้ายนั้นทันที
เฉาหยวนเต๋ออดที่จะขมวดคิ้วออกมาไม่ได้ หยางโปเองก็รีบเดินตามเข้าไป พร้อมกับส่ายหน้าไปทางเขา
เฉาหยวนเต๋อเห็นแบบนั้นจึงทำได้เพียงแค่เดินตามไป
ไม่นาน ก็มาถึงตำแหน่งของเชิงเทียนอีกครั้ง ทุกคนต่างหยุดก้าวเท้าลง ดูเหมือนว่าอวี่เหวินนั้นจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขานำนาฬิกาข้อมือชูขึ้นมาตรงหน้า เมื่อเห็นว่าเข็มสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาก็หยุดก้าวเท้าลง
เมื่ออวี่เหวินค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เข็มก็ดีดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็หมุนกลับมาอย่างรุนแรง เขาถึงหยุดก้าวเท้าลงจากนั้นก็มองลงไปบนพื้นดิน แล้วก็เดินอ้อมกับดักนั้นไป
ทุกคนต่างพากันตื่นตกใจ แต่นี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อีกเรื่องหนึ่งว่าอีกฝ่ายนั้นมีความสามารถมากจริงๆ
เมื่อเดินต่อไปข้างหน้า ไม่นาน ก็เจอเข้ากับทางแยกอีกครั้ง อวี่เหวินเกิดความลังเลอยู่ด้านหน้าทางเข้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า ” เจี่ย ซวี อี่ ฮ่าย ภูเขาไฟ ปิ่ง จื่อ ติง โฉ่ว ล่องน้ำ ไปทางซ้าย ! “
เมื่อพูดจบ เขาก็เลือกเดินไปทางซ้ายทันที
แล้วก็พบกับเชิงเทียนอีกครั้ง อวี่เหวินหยุดลง ” มีคนเคยมาถึงที่นี่ก่อนหน้าเราก้าวนึง ! “
หยางโปมองไปทางเชิงเทียนนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเชิงเทียนนั้นถูกจุดไปแล้วกว่าครึ่ง ซึ่งมากกว่าที่พวกเขาจุดไปเมื่อสักครู่ เมื่อมองไปยังข้างหน้า หยางโปก็พูดเตือนว่า ” ข้างหน้าจะต้องระวังกันมากขึ้นนะครับ ! “
เมื่อเดินไปแล้วกว่า 10 เมตร หยางโปก็เห็นซากศพ 2 ศพ ทั้งสองคนยืนพิงกำแพงอยู่ทั้งสองด้าน ดูเหมือนกับว่าตำแหน่งของมันจะถูกย้ายยังไงอย่างนั้น หยางโปมองไปแวบหนึ่ง ด้วยความรู้สึกที่เย็นวาบขึ้นมาในจิตใจ คนของประเทศญี่ปุ่นตรงหน้าเหล่านี้ต้องมีเจตนาไม่ดีอย่างแน่นอน !
ดูเหมือนว่าอวี่เหวินจะไม่ทันสังเกตเห็นภัยอันตราย เขามองไปทางซากศพทั้งสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินก้าวออกไป และกำลังจะก้าวต่อไปข้างหน้า
หยางโปได้ดึงอีกฝ่ายเอาไว้ ” ช้าหน่อย ! “
อวี่เหวินมองกลับมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
” ด้านล่างเป็นกับดัก ! ” หยางโปพูด
อวี้เหวินมองไปทางหยางโป จากนั้นก็มองไปทางพื้นดินข้างหน้า ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นเข็มทิศที่สั่นไหวไม่หยุด เขาจึงได้มองไปทางหยางโปด้วยความตื่นตกใจ
ลัวย่าวหัวได้หยิบจอบเหล็กขึ้นมาด้ามหนึ่ง จากนั้นก็ออกแรงขุดลงไปบนพื้น และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ด้านหน้าปรากฏกับดักขึ้นมาหลุมนึง !
ลัวย่าวหัวอดที่จะพูดขึ้นมาด้วยความตกใจไม่ได้ ” นายเห็นได้ยังไง ? “
ทุกคนต่างมองกลับมาด้วยความอยากรู้ หยางโปจึงชี้ไปยังใต้เท้า ” เพราะตรงหน้าของพวกเราเป็นชาวญี่ปุ่น !มิน่าละถึงหาพวกเขาไม่เจอ ที่แท้พวกเขาก็เข้ามาที่นี่นี่เอง ! ไม่รู้ว่าพวกนายจะสังเกตเห็นรึเปล่าว่าทั้งสองคนนี้ถูกเคลื่อนย้าย แต่ทำไมต้องเคลื่อนย้ายด้วย ? “
ถึงหยางโปจะไม่พูดไปมากกว่านี้ก็ตาม แต่ทุกคนต่างก็เข้าใจ ชาวญี่ปุ่นเป็นคนวางกับดักอยู่เบื้องหลัง !
เมื่อเสียงของหยางโปสิ้นสุดลงได้ไม่นาน ลัวย่าวหัวก็เปิดไม้กระดานขึ้น แล้วก็พบว่ามีอีกคนที่นอนอยู่ในนั้น บนตัวของคนๆนั้นมีดาบจำนวนมากเสียบอยู่ จนทำให้เขาขาดอากาศเป็นเวลานาน
” น่ากลัวจริงๆ ! ” ลัวย่าวหัวอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้