ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 227-2 คัดค้าน
อาหารหนึ่งชาม ทำเหงื่อซึมชโลมกาย เมิ่งชื่อเช็ดเหงื่อบนหน้าผากพูดว่า “ไม่เคยเลยว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งมันฝรั่งจะอร่อยเช่นนี้”
เมิ่งเสียนก็กินจนเหงื่อผุดซึมเต็มปลายจมูก พยักหน้ารับหงึกหงัก “อร่อยมากจริงๆ หากฤดูหนาวได้กินก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งมันฝรั่งเช่นนี้สักชาม จะต้องยิ่งสบายตัว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเช็ดปากเสร็จ ถามปัญหาให้ตะลึงค้างอีกครั้ง “ท่านแม่ พี่ใหญ่ ท่านว่าพวกเราเข้าไปเปิดร้านขายอาหารในเมือง เพื่อขายก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งมันฝรั่งโดยเฉพาะเป็นอย่างไร?”
เมิ่งชื่อถลึงตาโต ตกใจถาม “เปิดร้าน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับ “ข้าคิดดีแล้ว พอโรงงานเส้นแป้งมันฝรั่งของพวกเราเปิดดำเนินการ ข้าจะเข้าไปหาร้านเล็กๆ สักแห่งในเมือง เพื่อขายก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งมันฝรั่งรสชาติต่างๆ โดยเฉพาะ”
เมิ่งชื่อโบกมือพัลวัน “ไม่ได้ๆ ครอบครัวพวกเราไม่เคยมีใครเปิดร้านค้ามาก่อน ไม่มีประสบการณ์ จะต้องทำไม่ได้”
“ท่านแม่ ท่านลืมแล้วหรือ พี่เมิ่งอี้เคยทำงานในภัตตาคารมาก่อน เขาจะต้องมีประสบการณ์ต้อนรับลูกค้าไม่น้อย ถึงตอนนั้นเราให้เขาเป็นคนดูแลการค้าในร้านก็ได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เมิ่งเสียนพยักหน้า “มอบให้พี่เมิ่งอี้นับได้ว่าเหมาะสม แต่เกรงว่าความคิดนี้ของเจ้าจะเป็นจริงไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างไม่เข้าใจ “เพราะเหตุใด?”
เมิ่งเสียนแจกแจงให้นางฟัง “มันฝรั่งของพวกเราในตอนนี้มีราคาจินละครึ่งตำลึง มันฝรั่งหนึ่งจินทำแป้งมันฝรั่งออกมาได้ไม่กี่มากน้อย แต่หากพวกเรากำหนดราคาสูงเกินไป ก็จะมีคนมากินไม่กี่คน…”
ยังพูดไม่จบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดแทรกตัดบท “มันก็ไม่แน่หรอก ราคาอาหารของเหลาจวี้เสียนสูงกว่าที่อื่นมาก ยังมีคนมากมายเข้ามากินทุกวัน ขอเพียงพวกเราทำออกมามีรสชาติดี คนที่มากินจะต้องมีไม่น้อย อีกทั้ง มีแต่ร้านพวกเราที่ขายก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งมันฝรั่ง ต่อให้เป็นการลิ้มรสของแปลกใหม่ ก็จะต้องซื้อกินสักชาม ข้าคิดว่าการค้าของร้านจะต้องดังระเบิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวใบหน้ามุ่งมั่น เมิ่งเสียนพูดตัดกำลังใจนางอีกไม่ลง คิดว่าเปิดร้านเล็กๆ สักห้องใช้เงินไม่กี่มากน้อย จึงไม่คัดค้านอีก
พวกซุนเหลียงไฉสามคนเลิกเรียนกลับมา เตรียมกลับเข้าไปทำการบ้านที่อาจารย์ให้ในห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวยืนหน้าประตูครัว ส่งยิ้มกวักมือให้พวกเขา
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงวิ่งหน้าบานเข้ามา แหงนหน้าถาม “ท่านพี่ มีเรื่องอันใดหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบศีรษะของเด็กน้อยทั้งสอง โน้มตัวถามพวกเขา “พี่สาวทำของอร่อยไว้ให้พวกเจ้า พวกเจ้าอยากกินหรือไม่?”
เด็กน้อยทั้งสองผงกศีรษะราวโขลกกระเทียม “กินๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพาพวกเขาเข้ามาในครัว ซุนเหลียงไฉข้องใจเดินตามหลังเข้ามา พอเห็นว่าเป็นเส้นแป้งมันฝรั่ง ตกใจหันหลังเดินออกไปทันที
เด็กน้อยทั้งสองก็ขมวดคิ้วยู่ย่น
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังลอยออกมาจากในครัว “เส้นแป้งมันฝรั่งของพี่สาวทำสำเร็จแล้ว ท่านแม่และพี่ใหญ่ต่างก็ได้กินแล้ว อร่อยเลิศรสนัก พวกเจ้าอยากลองชิมหรือไม่?”
ซุนเหลียงไฉหยุดชะงักเท้าที่เดินพ้นครัวออกมาแล้ว
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเอียงคอครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถึงตัดสินใจพูดว่า “พวกเรากินขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท่าทีสับสนลังเลของเด็กทั้งสอง ให้หัวเราะขบขัน
เมิ่งชื่อที่กำลังทำกับข้าวอยู่อีกด้านก็ขบขันไปด้วย ยกยิ้มพูดว่า “กินเถอะ วันนี้เส้นแป้งมันฝรั่งของพี่สาวพวกเจ้าอร่อยยิ่งนัก”
สิ้นเสียง ซุนเหลียงไฉมุดพรวดกลับเข้ามา แววตามองซอกแซกไปทั่ว “อยู่ที่ไหน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเปิดฝากระทะใบน้อยออก กลิ่นหอมอบอวลลอยมาแตะจมูกพลัน
ซุนเหลียงไฉรีบไปหยิบชามตะเกียบ ตักออกมาหนึ่งชามอย่างระวัง วางลงบนโต๊ะ จับตะเกียบกำลังคีบใส่ปาก พลันนึกอะไรขึ้นได้ ลุกขึ้นไปตักอีกชามออกมา วางตะเกียบแยกไว้อย่างดี พูดกับเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงว่า “พวกเจ้าสองคนกินก่อนเถอะ ข้าค่อยไปตักมาใหม่อีกชาม”
“ขอบคุณพี่เหลียงไฉ” เด็กน้อยทั้งสองกล่าวขอบคุณ เดินอย่างเบิกบานไปนั่งบนเก้าอี้เตี้ยข้างโต๊ะ หยิบตะเกียบขึ้นบรรจงกินช้าๆ
ซุนเหลียงไฉตักชามสุดท้ายเข้ามา มองพวกเขาแวบหนึ่ง นั่งลงกินคำโต
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งชื่อหันสบตากัน เมิ่งชื่อพยักหน้าปลาบปลื้มใจ นิสัยเสียของซุนเหลียงไฉน้อยลงไปทุกที ทั้งยังรู้จักดูแลคนอื่น นับได้ว่าตนเองมีคำตอบที่ดีให้ซุนซ่านเหรินได้แล้ว
ทั้งสามคนก็กินกันจนเหงื่อท่วม ซุนเหลียงไฉเอาแต่ร้องถูกอกถูกใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดหน้าผากให้เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง กำชับพวกเขารอให้เหงื่อบนตัวแห้งก่อนค่อยเข้าไปทำการบ้าน
เด็กน้อยทั้งสองยังกินไม่หายอยาก ใช้ดวงตากลมโตระยิบระยับเว้าวอนเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ท่านแม่ทำอาหารเสร็จแล้ว พออี้เซวียนกลับมาก็ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี พวกเจ้าจะกินอีกไม่ได้แล้ว”
เด็กน้อยทั้งสองว่านอนสอนง่าย ด้านหนึ่งนั่งบนเก้าอี้เตี้ยรอให้เหงื่อบนตัวแห้ง อีกด้านพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนให้เมิ่งเชี่ยนโยวฟัง “ท่านพี่ เมื่อตอนเช้าท่านอาจารย์ชมเชยหนิวตั้นด้วย บอกว่าเขามีพรสวรรค์ อนาคตข้างหน้าไม่แน่จะเป็นผู้มีความสามารถโดดเด่น เพียงแต่ชื่อเรียกไม่น่าฟัง ให้เขากลับไปบอกให้บิดามารดาตั้งให้ใหม่”
เป็นครั้งแรกที่เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเมิ่งเจี๋ยเล่าเรื่องภายในโรงเรียนให้ฟัง จึงนั่งบนเก้าอี้เตี้ยข้างๆ เขา ถามความกลับ “กลับไปแล้วบิดามารดาของเขาได้ตั้งให้หรือไม่?”
เมิ่งเจี๋ยป้องปากขบขัน
เมิ่งชิงจึงตอบแทน “ไม่เลย ตอนบ่ายที่บิดาพาหนิวตั้นกลับมาส่งบอกท่านอาจารย์ว่า หนิวตั้น เป็นเหมือนไข่ล้ำค่าในหินของพวกเขา ชื่อนี้พวกเขาพอใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เปลี่ยน”
พูดจบ ก็หัวเราะก๊ากพร้อมเมิ่งเจี๋ย
เมิ่งเชี่ยนโยวและซุนเหลียงไฉรวมถึงเมิ่งชื่อก็หัวเราะครื้นเครง
เมิ่งอี้เซวียนเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน เดินตามเสียงหัวเราะเข้ามาในครัว
เมิ่งเจี๋ยพูดกับเขาอย่างสุขใจ “พี่อี้เซวียน พวกเราเพิ่งจะกินก๋วยเตี๋ยวเส้นแป้งมันฝรั่งเข้าไป อร่อยยิ่งนัก”
“ทำสำเร็จแล้ว?” อี้เอ๋อร์ถามด้วยความยินดี
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพยักหน้า พูดว่า “เจ้าพักสักครู่เถอะ ข้าจะทำให้พวกเจ้าชิมอีกหน่อย” พูดจบ ล้างกระทะบนเตาจนสะอาดเอี่ยม ลงมือทำเพิ่ม
เมิ่งอี้เซวียนกลับเข้ามาในห้องตัวเอง วางกระเป๋านักเรียนลง ล้างคราบหมึกบนมือ เดินออกมาด้านนอก เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งฉีก็กลับมาพอดี
หลังจากทั้งสามคนได้กินก็กล่าวชมไม่ขาดปาก
เมิ่งเอ้ออิ๋นถึงกับพูดว่าครั้งนี้ครอบครัวตัวเองจะร่ำรวยใหญ่แล้ว
ทั้งครอบครัวกินอาหารค่ำอย่างมีความสุข พวกเมิ่งอี้เซวียนสี่คนกลับเข้าไปทำการบ้านในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยว ท่านพ่อท่านแม่รวมถึงเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีหารือกันเรื่องเปิดโรงงานเส้นแป้งมันฝรั่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแผนที่ตัวเองคิดไว้ “ช่วงที่ผ่านมาพี่รองได้รับการฝึกฝน จนสามารถฉายเดียวได้แล้ว ข้าคิดจะมอบโรงงานเส้นแป้งมันฝรั่งให้เขาทำ”
เมิ่งฉีคิดจะปฏิเสธ เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งเขา พูดต่อว่า “การค้าของครอบครัวมีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างมีงานของตัวเอง ดังนั้นโรงงานเส้นแป้งมันฝรั่งจึงต้องมอบให้พี่รองแล้ว”
เมิ่งฉีโบกมือ “ข้าทำไม่ได้จริงๆ เจ้ามอบให้พี่ใหญ่เถอะ ข้าเป็นลูกมือเขาก็พอ”
“อีกไม่นาน โรงงานกุนเชียงและโรงงานน้ำมันพริกก็จะเปิดดำเนินการอีกครั้ง ข้ายังให้พี่ใหญ่ดูแลเรื่องการขายมันฝรั่งอีก เขายุ่งมากพอแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
เมิ่งฉีปฏิเสธไม่ออก ได้แต่ขยี้ศีรษะตัวเอง พูดว่า “เช่นนั้นข้าจะลองดู ถ้าทำไม่ดีพวกเจ้าอย่าตำหนิข้าก็แล้วกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เป็นการเปิดโรงงานช่วงแรกเท่านั้น พี่รองเริ่มจากหาคนงานก่อนก็ได้ ฉวยโอกาสที่ตอนนี้พี่ใหญ่และข้ายังว่าง ยังพอจะช่วยท่านห่างๆ ได้ กระทั่งท่านคล่องมือแล้ว พวกเราก็คงจะยุ่งมากเช่นกัน”
เมิ่งเอ้ออิ๋นสนับสนุน “ฉีเอ๋อร์ อายุเจ้าก็ไม่ใช่น้อยแล้ว สมควรช่วยพี่ใหญ่แบ่งเบาภาระได้แล้ว โรงงานนี้ให้เจ้าเป็นคนดูแล หากเจ้าเจอปัญหาอะไรก็พูดออกมา พวกเราจะได้ช่วยเหลือกัน”
เมิ่งชื่อก็เห็นด้วย
หลายวันต่อมา เมิ่งเชี่ยนโยวคิดค้นวิธีการทำเส้นแป้งมันฝรั่งออกมาอีก ทั้งบอกกรรมวิธีการทำทั้งหมดแก่เมิ่งฉี บอกเขาว่ากระบวนการผลิตที่สำคัญที่สุดก็คืออัตราส่วน นี่เป็นหัวใจของสูตรการปรุง ดังนั้นเขาจะต้องควบคุมให้ดี ลงมือทำเอง ห้ามให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด
เมิ่งฉีจดจำไว้ขึ้นใจ เริ่มเตรียมงานการเปิดโรงงาน
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้มอบหมายงานให้เมิ่งซานถงและภรรยาเลย เพราะพอเปิดโรงงานเส้นแป้งมันฝรั่ง จะได้ให้พวกเขามาช่วย ดังนั้นนางจึงให้เมิ่งฉีไปหาพวกเขาก่อน ส่วนที่เหลือก็คือสร้างอุปกรณ์ปฏิบัติการ
อุปกรณ์ที่ว่านั้นง่ายมาก ก็คือสร้างกระทะขนาดใหญ่หลายใบ และสิ่งที่ทำให้แป้งออกมาเป็นเส้นได้อย่างง่ายดาย สิ่งเหล่านี้หาได้ยากเกินความสามารถเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ ไม่นานก็สร้างไว้ในโรงงานที่เลือกเอาไว้แล้วสำเร็จ
เรื่องที่บ้านเมิ่งจะเปิดโรงงานอีกแห่ง แพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้านแล้ว คนจำนวนมากเข้ามาหาถึงหน้าบ้าน
เมิ่งฉีทำตามขอเรียกร้องของเมิ่งเชี่ยนโยว เลือกคนยี่สิบกว่าคนในนั้นออกมาก่อน แม้คนที่เหลือจะผิดหวัง แต่พอได้ยินว่าเมื่อหมดฤดูเก็บเกี่ยว โรงงานกุนเชียงและโรงงานน้ำมันพริกก็จะเปิดดำเนินการ จึงสงบใจกลับไปรอที่บ้าน
มีเพียงเมิ่งอี้ที่เดินหน้าแดงมาหาเมิ่งเชี่ยนโยว ถามอย่างเก้อเขินว่าตัวเองมาทำงานในโรงงานได้หรือไม่
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าปฏิเสธ เมิ่งอี้ผิดหวังหน้าจ๋อย ทว่าก็ไม่ได้ร้องคร่ำครวญ ได้แต่ลอบมองเข้าไปในโรงงานกระเป๋านักเรียนไม่วางตา
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูดกระเซ้า “พี่เมิ่งอี้ ต่อให้ท่านมาทำงานในโรงงาน ก็มิใช่จะเจอแม่นางโจวได้ทุกเมื่อ”
เมิ่งอี้หน้าแดงวาบ ร้อนตัว พูดกลบเกลื่อน “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าพูดสิ่งใด? ที่ข้าอยากมาทำงานในโรงงานเพราะแปลงดินไม่มีงานอะไรให้ทำแล้ว ข้าอยู่บ้านว่างๆ ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวทอดเสียงยาว ถามอย่างมีเลศนัยแฝง “งั้นหรือ?”
เมิ่งอี้ยิ่งให้หน้าแดงเรื่อ หลังจากบอกลาเมิ่งเชี่ยนโยว ก็รีบแผ่นแนบจากไป
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มมองแผ่นหลังเขา มุมปากเผยรอยยิ้มที่มิอาจคาดเดา
หลังกินอาหารค่ำ ล้างจานเสร็จเรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวก็ดึงเมิ่งชื่อเข้ามาในห้องตัวเอง พูดกระซิบกระซาบครู่ใหญ่ เสียงร้องยินดีของเมิ่งชื่อก็ดังลอยออกมา “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”
น้ำเสียงเมิ่งเชี่ยนโยวเจือแววปิติ “ย่อมต้องเป็นความจริง ข้าสังเกตเห็นมานานแล้ว ทว่าหลายวันมานี้ยุ่งมาก ไม่ได้สนใจ วันนี้พี่เมิ่งอี้เข้ามาบอกว่าจะมาทำงานในโรงงาน ดวงตากลับเอาแต่เหล่มองไปทางโรงงานกระเป๋านักเรียน”
“เช่นนั้นก็ดีนัก เมิ่งอี้โตกว่าพี่ใหญ่เจ้าหนึ่งปี ท่านป้าใหญ่เอาแต่กลัดกลุ้ม ฝากคนคอยสอบถามหาผู้หญิงที่เหมาะสม ครานี้ดีแล้ว เขามีผู้หญิงที่ชอบพอ ท่านป้าใหญ่เจ้ารู้จะต้องดีใจเป็นหนักหนา” น้ำเสียงปลื้มปิติดังออกมาต่อเนื่อง
เมิ่งเอ้ออิ๋นในอีกห้องหนึ่งได้ยินคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของเมิ่งอี้ คิดจะออกไปถาม เมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินออกมาจากในห้องแล้ว