ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 253-2 หากเจ้าไม่ละทิ้ง ข้าจักไม่ทิ้งขว้าง
ไม่นานเท่าไหร่ ก็มีสาวใช้และบ่าวอย่างละสองคนเดินเข้ามา หลังจากซักถามห้องของเมิ่งอี้เซวียนจากเมิ่งชื่อแล้ว ก็เร่งฝีเท้าเดินมาหยุดหน้าประตูห้อง พูดอย่างนอบน้อม “องค์ชาย บ่าวมาถึงแล้วเพคะ”
เสียงเมิ่งอี้เซวียนดังออกมาจากในห้อง “ข้างๆ เป็นห้องบ่าว สองห้องถัดไปเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ มีอะไรข้าค่อยเรียกพวกเจ้า”
คนทั้งหมดมองหน้ากัน สาวใช้นางหนึ่งตอบกลับเสียงเบา “องค์ชาย พวกเราจะผลัดเวรกันเฝ้ายาม มีเรื่องอันใดเรียกใช้พวกเราได้ทันทีเพคะ”
“ไม่ต้องแล้ว พวกเจ้าเองก็เหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าเข้ามารับใช้ข้าก็พอ”
คนทั้งหมดเดินตามรถม้ามาหลายวัน เหนื่อยล้ามากจริงๆ เมิ่งอี้เซวียนกล่าวเช่นนี้ก็ให้ดีใจเบิกบาน หลังจากกล่าวขอบคุณ ก็แยกย้ายเป็นคู่ๆ เข้าไปพักผ่อนในห้องข้างๆ
หลังจากฉู่เหวินเจี๋ยเข้าเฝ้าอ๋องฉี พูดเรื่องของเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนอย่างรวบรัดกระชับ ทั้งบอกเขาว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากเรื่องการถอนหมั้นกับเขา
อ๋องฉีพยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “แม่นางเมิ่งผู้นี้นับว่ารู้จักปรับตัวตามเหตุการณ์ เจ้ากลับไปบอกนาง บอกว่าพวกเราตอบรับคำขอของนาง การหมั้นหมายนี้ถือเป็นโมฆะ ต่อไปนางไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับเซวียนเอ๋อร์ของพวกเราอีก”
ฉู่เหวินเจี๋ยคาดเอาไว้แต่แรกแล้วว่าอ๋องฉีต้องพูดเช่นนี้ ขานรับคำอย่างเรียบเฉย “ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะกลับไปบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้”
ฉู่เหวินเจี๋ยได้รับคำตอบแน่นอน กลับมาที่บ้านเมิ่งเอ้ออิ๋น คิดจะบอกการตัดสินใจของอ๋องฉีแก่เมิ่งเชี่ยนโยว ครั้นเห็นภายในห้องนางไร้ซึ่งแสงตะเกียง รู้ว่านางจะต้องพักผ่อนแล้ว คิดว่าวันพรุ่งมาบอกนางก็ยังไม่สาย จึงหันหลังกลับมายังบ้านที่สกุลเมิ่งเตรียมให้เขา เอนกายลงบนเตียง ไม่นานก็หลับสนิทไป
เพิ่งจะผ่านพ้นยามจื่อ ค่ำคืนเงียบสงัด เงาร่างทมึนคลำทางมาถึงบ้านหนิวโก่วจื่อ ค่อยๆ แง้มบานประตูเรือน เดินย่องเข้ามาในลานเรือน
เงาร่างหนึ่งเอาหูแนบบานหน้าต่าง ตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวภายในห้อง ได้ยินเสียงกรนดังลอยออกมา จึงหันไปพยักหน้าให้คนที่เหลือ
เงาร่างทมึนทั้งหมดเดินย่องมาถึงหน้าประตู เงาร่างหนึ่งชักมีดเล็กออกมา สะเดาะกลอนประตู คนทั้งหมดเดินย่องมาข้างหน้าต่าง อาศัยแสงจากดวงจันทร์ แยกแยะสองสามีภรรยาหนิวถี่ถ้วนแล้ว ชายสองคนเดินขึ้นหน้า ปิดปากปิดจมูกสองสามีภรรยาหนิวไว้พร้อมกัน ส่วนคนที่เหลือแยกกดจับแขนจับขาพวกเขา
สองสามีภรรยาหนิวที่อยู่ในความฝันตกใจตื่น ดิ้นตะเกียกตะกายสุดแรงเกิด ทว่าแขนขาถูกกดไว้แน่น ไม่อาจสะบัดหลุดได้
ไม่นาน สองสามีภรรยาหนิวก็ไร้ซึ่งการดิ้นรน
คนทั้งหมดยังไม่ปล่อยมือ กระทั่งสองสามีภรรยาหนิวไม่มีลมหายใจแล้ว ถึงพยักหน้าให้กัน ผละมือออกจากคนทั้งสอง
จากนั้นชายชุดดำสองนายเข้าไปจัดท่านอนพวกเขาใหม่ มองดูแล้วเหมือนคนกำลังหลับสนิท คนทั้งหมดถึงล่าถอยออกมา ปิดประตูบ้านให้ดี ให้มองดูแล้วเหมือนไม่เคยมีใครมาที่นี่มาก่อน”
หลังจากปฏิบัติการเสร็จสิ้น ชายชุดดำทั้งหมดก็หายเงียบไปท่ามกลางรัตติกาลมืดมิด
ในเวลาเดียวกันนี้ เมิ่งอี้เซวียนก็เดินออกมาจากห้องตัวเอง กระทำการเช่นเดียวกับชายชุดดำพวกนั้น ใช้กริชสะเดาะกลอนประตูห้องเมิ่งเชี่ยนโยว เดินเข้าไปยืนอยู่เบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว มองนางที่หลับใหลเงียบๆ
คงเพราะเมิ่งเชี่ยนโยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนเข้ามาในห้องตัวเอง กระทั่งเมิ่งอี้เซวียนเลิกผ้านวมนางขึ้น ถึงตกใจตื่น ร้องตวาดถาม “ใคร?”
เมิ่งอี้เซวียนตอบกลับเสียงเบา “ข้าเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวโล่งใจลง พูดตำหนิเขาเสียงเบา “ดึกดื่นค่อนคืน เจ้าเกิดเป็นบ้าอะไร เข้ามาในห้องข้า…” คำพูดต่อจากนั้น หลังจากรับรู้ถึงการกระทำต่อมาของเมิ่งอี้เซวียนก็แข็งค้างอยู่ในลำคอ
เมิ่งอี้เซวียนเลิกผ้านวมมุมหนึ่งบนตัวนางขึ้น เอนตัวนอนลง ยื่นมือข้างหนึ่งตระกองกอดเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่อยากเชื่อว่าเมิ่งอี้เซวียนจะกระทำเรื่องเช่นนี้ได้ ถลึงตาโตมองเขา
เมิ่งอี้เซวียนไม่พูดอะไร มองนางกลับด้วยดวงตางดงามบริสุทธิ์ ราวกับไม่เคยแปดเปื้อนเรื่องทางโลกมาก่อน
เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติกลับมา ดิ้นรนขัดขืน
เสียงเมิ่งอี้เซวียนดังขึ้นข้างหูนาง “โยวเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า อย่าดิ้นรนอีกเลย จะยิ่งทำให้เจ้าเจ็บมากขึ้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดการดิ้นรน ตวาดเขาเสียงเบา “เจ้าบ้าไปแล้ว หากมีใครมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของเจ้าและข้าได้ป่นปี้ไม่เหลือแน่”
เมิ่งอี้เซวียนก็ไม่ปิดบัง พูดจุดประสงค์ของตัวเองออกมาตามตรง “ที่ข้าต้องการก็คือทำลายชื่อเสียงเจ้า ให้เจ้าขายไม่ออก”
เมิ่งเชี่ยนโยวอยากจะถีบเขา กัดฟันกรอดๆ พูดว่า “เจ้าตัวดี ไสหัวไป อย่าบีบให้ข้ามีน้ำโห”
เมิ่งอี้เซวียนไม่โกรธเคือง กลับตบหลังนางเบาๆ พูดเสียงหวาน “อาการเจ็บเจ้ายังไม่หายดี ไม่ควรใช้อารมณ์ รีบหลับตาแล้วนอนซะเถอะ”
อารมณ์โกรธเกรี้ยวของเมิ่งเชี่ยนโยวราวกับตกกระทบบนปุยนุ่น เด้งสะท้อนกลับมา ยิ่งให้งุ่นง่านใจ พูดว่า “ที่ข้าเอ่ยปากเรื่องถอนหมั้น ก็ทำเพื่อเจ้า สถานะพวกเราต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้เลย”
เมิ่งอี้เซวียนไม่โต้ตอบนาง พูดถึงแต่ตัวเอง “ข้าดูแลเจ้าติดต่อกันมาตั้งหลายวัน เหนื่อยมากแล้วจริงๆ พรุ่งนี้ยังต้องรีบกลับเมืองหลวง เจ้าให้ข้าพักผ่อนให้สบายหน่อยเถอะนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวคำรามเสียงเบา “ถ้าเจ้าเหนื่อย ก็กลับไปพักผ่อนห้องตัวเอง จะมานอนบนเตียงเตาข้าทำไม?”
สิ่งที่ตอบกลับนางเป็นเสียงหลับสนิทของเมิ่งอี้เซวียน
เมิ่งเชี่ยนโยวมองขอบตาช้ำของเขาผ่านแสงจันทร์ คิดว่าหลายวันนี้เพื่อดูแลตนเองเขาไม่ได้พักผ่อนเลย ทั้งคิดว่าพรุ่งนี้เขาก็ต้องกลับเมืองหลวงแล้ว ชีวิตนี้อาจจะไม่ได้พบหน้ากันอีก ลอบถอนหายใจอ่อน ยอมรับการกระทำเขากลายๆ ลอบคิดว่าพรุ่งนี้รีบตื่นแต่เช้า ไล่เขาออกไปก็ได้แล้ว คิดได้ดังนั้นก็หลับตาลง ผล็อยหลับไป โดยที่ไม่รู้ว่าหลังจากนางหลับไปแล้วนั้น เมิ่งอี้เซวียนได้ลืมตาขึ้น คลี่ยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นด้วยเสียงกรีดร้องหลายครั้ง พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเมิ่งอี้เซวียนกำลังนอนนิ่งอยู่ข้างๆ มองมาที่ตัวเองเงียบๆ กำลังจะร้องตวาดให้เขาลุกขึ้น ในลานเรือนก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งกันควักไคว่ และเสียงรายงานปนเสียงสะอื้นของสาวใช้นางหนึ่งดังขึ้น “ท่านแม่ทัพ พวกเราค้นหาดูทั่วทุกห้องแล้ว ก็ไม่พบองค์ชายเลยเจ้าค่ะ”
เสียงโกรธเกรี้ยวของฉู่เหวินเจี๋ยดังลอยมา “พวกเศษสวะ ข้าบอกให้พวกเจ้าคอยรับใช้องค์ชายไม่ใช่เรอะ ตอนนี้คนหายไปไหนก็ยังไม่รู้ เก็บพวกเจ้าไว้จะมีประโยชน์อะไร”
เสียงเข่ากระแทกพื้นดัง “พลั่ก” พร้อมกับเสียงวิงวอนขอชีวิตดังแว่วมา
เมิ่งอี้เซวียนมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวตกตะลึงจังงัง ยังไม่ทันได้ห้ามเขา น้ำเสียงเกียจคร้านของเมิ่งอี้เซวียนก็ดังขึ้น “ท่านน้า ข้าอยู่ในห้องโยวเอ๋อร์ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล”
ด้านนอกเงียบเหมือนเป่าสาก
เมิ่งเชี่ยนโยวแทบอยากจะกินหัวใจเขาแล้ว เจ้าเดรัจฉานตัวดี จงใจกระทำชัดๆ อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด
เป็นดังคาด น้ำเสียงขวัญกระเจิงของฉู่เหวินเจี๋ยดังลอยเข้ามา “เซวียนเอ๋อร์ เมื่อคืนเจ้านอนในห้องแม่นางเมิ่งตลอดทั้งคืนรึ?”
เขายังไม่ทันได้ตอบ เสียงคุกเข่าดัง “พลั่ก” ในลานเรือนดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงประหวั่นพรั่นพรึงของเมิ่งชื่อ “พ่อเอ๊ย นี่ๆๆ…” คำพูดต่อจากนั้นไม่ได้พูดออกมา
เมิ่งอี้เซวียนไม่ได้ตอบความฉู่เหวินเจี๋ย กลับสั่งการสาวใช้ “พวกเจ้าสองคนเข้ามา รับใช้ล้างหน้าล้างตาให้แม่นางเมิ่ง”
สาวใช้สองนางลุกขึ้นยืนตัวสั่นเทิ้ม เดินขาสั่นเข้าไปในห้อง เห็นเมิ่งอี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวนอนอยู่ด้วยกัน รีบก้มหน้างุด
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงเข้าใจทุกอย่าง ตนเองตกหลุมพรางของเมิ่งอี้เซวียนแล้ว ทั้งหมดนี้เขาตั้งใจวางแผนไว้แต่แรก ด้วยความโมโห ลืมบาดแผลบนตัว ยกเท้าถีบเขาเต็มแรง
เมิ่งอี้เซวียนไม่ได้ระวังตัว “ปัง” กระแทกพื้นก้นจ้ำเบ้า
เสียงเดือดดาลของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “เจ้าตัวดี เจ้าจงใจใช่หรือไม่ เจ้ารอก่อน วันนี้ข้าจะต้องอัดเจ้าให้ฟันร่วงหมดปาก”
เมิ่งอี้เซวียนรีบลุกขึ้นยืน กดร่างที่ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นของนาง สั่งการสาวใช้ทั้งสอง “ยังไม่รีบเข้ามารับใช้ว่าที่ชายาองค์ชายของพวกเจ้าอีก”
สาวใช้ทั้งสองสบตากัน แล้วรีบสาวเท้ามาข้างเมิ่งเชี่ยนโยว เตรียมจะประคองนางขึ้นมาล้างหน้าล้างตา
เมิ่งเชี่ยนโยวผลักมือที่ยื่นเข้ามาประคองของพวกนางออก ถามเมิ่งอี้เซวียน “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เมิ่งอี้เซวียนตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เจ้าคือว่าที่ชายาแห่งข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มเ**้ยมเกรียมถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร?”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า “รู้ ชีวิตนี้ข้าจะแต่งเพียงเจ้า”
“ยังมี?”
เมิ่งอี้เซวียนเปล่งเสียงดังขึ้น “ยังมี ชีวิตนี้ข้าจะแต่งกับเจ้าเพียงผู้เดียว”
คนในลานเรือนรวมถึงฉู่เหวินเจี๋ยและสองพ่อลูกเปาที่มาช่วยตามหาคนรวมถึงเหล่านายทหารที่มาตามหาคนต่างได้ยินอย่างชัดเจน
ภายในลานเรือนเงียบสงัด
เงียบจนเข็มตกลงบนลานกว้างใหญ่นี้ก็ยังได้ยิน
เงียบจนคนในลานเรือนต่างได้ยินเสียงที่ใสกังวานของเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างชัดเจน “ดี พวกเราตกลงตามนี้ ชีวิตนี้หากเจ้าไม่ละทิ้ง ข้าก็จักไม่ทิ้งขว้าง”