วาสนาบันดาลรัก - ตอนที่ 326 ทะเลาะวิวาท
ขนตาเยียนเหนียงกระพือไหวดุจปีกจักจั่นคล้ายสงสัยคล้ายเขินอายและขลาดกลัว เสียงของนางแผ่วเบาทั้งเว้าวอนอยู่ในที่ แต่สำหรับคุณชายสามแล้วเสียงนั้นกลับดังราวอัสนีฟาดผ่ายามวสันต์ทำเอาเขามึนงงโง่งมไปเลยทีเดียว
“ก่อนหน้านี้ที่ท่านไปหาข้านั้น ข้านับวันดูแล้ว เด็กน่าจะเป็นบุตรของท่าน…”
นางก้มหน้าลง ผมดำขลับดุจขนกาเผยให้เห็นใบหูเล็กกลมเกลี้ยง เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “มีอันใดหรือ ท่านสงสัยว่าเขาจะเป็นบุตรของนายท่านหรือ ข้าเป็นมารดาย่อมต้องรู้ดีที่สุด หากท่านไม่เชื่อข้า ข้า…”
นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นถูกเมฆหมอกปกคลุมไว้ มิได้ดูอ่อนแอบอบบางเช่นสตรีทั่วไปแต่กลับเผยแววเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ออกมา “เช่นนั้นต่อไปท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาหาข้าอีก กลับไปข้าจะเก็บตะเกียงแก้วรูปสาวงามนั้นไปเสีย”
“ตะเกียงแก้วรูปสาวงาม?” คุณชายสามเอ่ยพึมพำ
เยียนเหนียงยืดหลังขึ้นตรงแล้วแค่นยิ้ม “เป็นอันใด มิได้ไปหาข้าแค่ไม่กี่วันท่านก็ลืมแล้วหรือ ตะเกียงแก้วรูปสาวงามนั่นท่านซื้อมาให้ข้าเมื่อตอนเทศกาลโคมไฟอย่างไรเล่า ทุกคราที่นายท่านไม่อยู่ ข้าก็จะจุดมัน…”
“แล้วข้าก็จะไปหาเจ้า?” คุณชายสามหลุบม่านตาลงครึ่งหนึ่ง เสียงนั้นคล้ายแว่วมาจากปลายขอบฟ้า
เยียนเหนียงชำเลืองมองเขาคราหนึ่ง แววตาคล้ายแค้นเคืองคล้ายตัดพ้อ เสียงอันอ่อนระโหยคลอเคลียไปกับเสียงนั้น “ไม่ใช่ท่าน แล้วจะเป็นผู้ใดเล่า”
ไม่ใช่ท่าน แล้วจะเป็นผู้ใดเล่า
วาจานี้คล้ายอัสนีสายหนึ่งที่ผ่าลงข้างหูคุณชายสาม ทำเขาตกใจจนต้องถอยหลังไปโดยพลันกระทั่งแผ่นหลังชนกับผนังถ้ำ ความเย็นเยียบสัมผัสกายจึงตื่นจากภวังค์ดุจฝันไป
เขามองเยียนเหนียงคราหนึ่ง
คนงามดุจหยก รูปร่างสะโอดสะองนี่ค่อยๆ ซ้อนทับกับสตรีงามในราตรีนั้น เพียงแต่ขาดความเยือกเย็นไปเล็กน้อยและเพิ่มความเขินอายและขลาดกลัวขึ้นมาเท่านั้น
“คุณชายสาม…” เยียนเหนียงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง “วันนี้ท่านเป็นอันใดไป ดูแปลกๆ พิกล”
นางก้าวเท้าเข้าไปใกล้คุณชายสามอีก แต่เขากลับถอยหลังไปอย่างซวนเซจนเกือบจะสะดุดล้มแต่ก็รีบคว้าผนังถ้ำไว้ เขามองเยียนเหนียงอย่างล้ำลึกคราหนึ่งแล้วหมุนกายวิ่งจากไป
เขารูปร่างสูงขายาว เมื่อวิ่งเร็วเช่นนั้น ไม่นานก็ค่อยๆ หายลับไปในความมืด
เยียนเหนียงยืดกายขึ้น แล้วยกมือจัดผมเผ้าตน มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบาอย่างที่สุด แล้วค่อยเดินนวยนาดจากไป
คุณชายสามวิ่งไปข้างหน้าตลอดทาง ลมพัดหวีดหวิวปะทะหน้าเขา ทั้งที่เป็นเดือนห้าแท้ๆ แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก
เขารู้สึกว่าใจของเขานั้นได้ถูกแช่แข็งไปแล้ว
คุณชายสามวิ่งกระทั่งถึงทางตรงหน้า เขายกเท้าเตะประตูเสียงปัง แล้ววิ่งเข้าไป
ทว่ากลับมีบ่าวเข้ามาขวางไว้ “คุณชายสาม คุณชายรองกำลังอาบน้ำอยู่…”
คุณชายสามบีบคอบ่าวผู้นั้นแน่นแล้วยกเขาขึ้นพลางพ่นวาจาออกมาคำหนึ่งว่า “ไสหัวไป!”
พูดจบก็ผลักเขาออกแล้วเดินตรงเข้าไป
บ่าวผู้นั้นลูบจมูกตนแล้วรีบหลบไปเฝ้าที่หน้าประตูใหญ่ทันที
อย่างไรก็เป็นพี่น้องฝาแฝดจะชกต่อยกันหนักหนาเพียงใดกัน?
คุณชายสามพุ่งเข้าไปทันที เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่พาดอยู่บนฉากบังลมก็เดินอ้อมไปด้านหลัง
กล่าวไปแล้วนางเถียนก็ปฏิบัติต่อบุตรชายทั้งสองและหลัวเทียนเฉิงไม่เหมือนกัน
ตอนที่หลัวเทียนเฉิงเพิ่งจะรู้ความนางก็จัดเตรียมสาวใช้ทงฝังหน้าตางดงามดุจบุปผาดั่งหยกหลายคนมาคอยปรนนิบัติ หากเอ่ยให้น่าฟังคือต้าหลังไม่มีมารดา สตรีนั้นมีความละเอียดมากกว่าย่อมดูแลเขาได้ครบถ้วนมากกว่า
ทว่าเมื่อวัยอันสมควรของคุณชายรองและคุณชายสาม แม้นางจะจัดหาสาวใช้ทงฝังให้เช่นกัน แต่ชีวิตประจำวันกลับยังคงให้บ่าวหนุ่มดูแล คุณชายรองนั้นแล้วไปเถิด คุณชายสามกลับไม่สนใจ แม้แต่สาวใช้ทงฝังที่เตรียมไว้แล้วเขาก็ไม่ต้องการ นางเถียนยิ่งเบิกบานใจที่จะไม่มีปีศาจจิ้งจอกมาคอยยั่วยวนให้บุตรชายไขว้เขว
เวลานี้คุณชายรองกำลังนั่งอยู่ในถังไม้ มีบ่าวหนุ่มผู้หนึ่งคอยเติมน้ำให้เขา
เมื่อบ่าวผู้นั้นเห็นคุณชายสามบุกเข้ามาก็ตกใจเบิกตากว้างจนลืมเติมน้ำไป
คุณชายสามถลึงตาใส่ “ไสหัวไป!”
อาจเพราะคุณชายสามและคุณชายรองหน้าคล้ายกันยิ่ง บ่าวผู้นั้นจึงออกไปด้วยท่าทีมึนงง
คุณชายรองหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าสาม มีอันใด…”
วาจายังมิทันกล่าวจบก็เห็นคุณชายสามพุ่งเข้ามาต่อยหน้าเขาดุจลูกธนู
คุณชายรองนั่งอยู่ในถังอาบน้ำ มิอาจหลบได้จึงถูกต่อยเข้าไปเต็มๆ เลือดกำเดาไหลออกมาเป็นทางในทันใด
วันคุณชายรองออกไปสังสรรค์กับสหายเพราะมีเรื่องไม่สบายใจ เขาดื่มสุรามามาก แม้หลังจากกลับมาจะดื่มน้ำแกงสร่างเมาและอาบน้ำจนเริ่มมีสติขึ้นมาหลายส่วนแล้ว ทว่าเมื่อถูกหมัดของคุณชายสามเข้าไปกลับอาการมึนเมานั้นก็กลับมาอีกครั้ง เขาจึงลุกขึ้นสวนหมัดคืนไปโดยลืมไปว่าตนกำลังเปลือยกายอยู่
หากพูดถึงพลังยุทธ์ คุณชายรองย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายสาม ยิ่งมิต้องพูดถึงสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้เลย แม้คุณชายสามจะโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งแต่ร่างกายของเขากลับหลบได้อย่างว่องไว ทั้งยังคว้าจับมือคุณชายรองไว้แล้วเอ่ยถามอย่างเข็นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “พี่รอง ข้าอยากจะถามท่านว่า เรื่องเยียนเหนียงเป็นมาอย่างไรกันแน่”
“อันใดกัน?” ครั้นเอ่ยวาจานี้ออกมาคุณชายรองก็เริ่มมีสติกลับมาบ้างแล้ว
คุณชายสามมองท่าทีเช่นนี้ของเขาแล้วกลับยิ่งโมโหจนแทบบ้า
“พี่รอง ท่านมีความสัมพันธ์กับเยียนเหนียงใช่หรือไม่” เขาเขย่าคุณชายรองจนตัวคลอนโดยไม่สนว่าน้ำที่กระเซ็นนั้นจะทำเสื้อผ้าตนเปียก “ทั้งยังใช้นามของข้าอีกด้วย?”
“หากใช่แล้วอย่างไร?” คุณชายรองเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน เขาออกแรงสลัดให้หลุด
ในสายตาเขามันก็เป็นเพียงความคิดที่เกิดขึ้นชั่ววูบเท่านั้น ในเมื่อคุณชายสามเผยความในใจต่อเยียนเหนียงก่อน เหตุใดเขาต้องเผยตัวตนออกมาอีกด้วยเล่า อย่างไรก็เป็นพี่น้องกันแค่สตรีผู้เดียวจำต้องเป็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ
หากเป็นยามปกติเมื่อเขาเห็นคุณชายสามอารมณ์ร้อนเช่นนี้ เขาอาจจะพูดจาให้คุณชายสามอารมณ์เย็นลงก่อน แต่วันนี้เขาก็ดื่มสุรามาเช่นกัน ภายใต้การกระชากดึงอันรุนแรงนี้ ปากของเขาจึงมิอาจควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าคุณชายรองยอมรับออกมาเช่นนี้ ทั้งยังยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความไยดีใดๆ เลยสักนิด คุณชายสามจึงอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ตามด้วยโทสะที่มากมายอย่างมิอาจควบคุมได้
เขายกเท้าขึ้นถีบถังอาบน้ำไปโดยแรง
ถังอาบน้ำกลับทนทานยิ่งจึงมิได้แตกพักแต่ล้มคว่ำพาร่างคุณชายรองกลิ้งหลุนๆ ไปหลายตลบ ในที่สุดร่างเปลือยเปล่าของคุณชายรองก็กระเด็นหลุดออกมา
การล้มลุกคลุกคลานอันทุลักทุเลนี้ของคุณชายรองเสียงดังเลื่อนลั่นจนน่าตกใจยิ่ง
บ่าวทั้งสองที่ถูกไล่ออกไปจึงบุกเข้ามาอย่างอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อเข้ามาจึงเห็นนายตนล้มหน้าคะมำดุจสุนัขกินอาจมอยู่บนพื้น บั้นท้ายขาวผ่องส่ายไปมาจนคนมองตาลายไปหมด
ทว่าคุณชายสามกลับยังไม่คลายโทสะ เขากระโจนเข้าไปขี่หลังคุณชายรองแล้วลงมือต่อยตีอย่างหน้ามืดตามัว
บ่าวทั้งสองต่างมองหน้ากัน
จบกันๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ตีจนมีคนตายแน่
นายตนดื่มสุรามา ไม่แน่ว่าคุณชายสามเองก็ดื่มมาเช่นกัน คนเราเมื่อสุราเข้าปากจะมีสติที่ใดกันเล่า
บ่าวทั้งสองมิกล้ากระทำการโดยพลการจึงรีบไปรายงานทันที
ในค่ำคืนดึกสงัด เสียงเคลื่อนไหวใดๆ ล้วนดังลอยไปไกลเสมอ เสียงเอะอะที่เกิดขึ้นนี้ทำให้คนไม่น้อยแตกตื่น และเวลานี้เองก็มีผู้ใดไม่ทราบตะโกนขึ้นว่า “เร็วเข้ารีบมาช่วยกันเร็ว มีคนเข้ามาทำมิดีมิร้ายที่เรือนคุณชายรอง…”
บ่าวไพร่ทั้งหลายจึงพากันกรูไปที่เรือนคุณชายรอง ครั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างชัดเจนเต็มตา ความอลหม่านก็เกิดขึ้นทันที
วันนี้นายท่านรองสกุลหลังไม่อยู่พอดี กว่าข่าวนี้จะไปส่งถึงนางเถียน เรื่องราวก็เปลี่ยนเป็นมีคนบุกเข้ามาข่มเหง ทำมิดีมิร้ายคุณชายรองไปเสียแล้ว
นางเถียนยังมิทันนอนแต่เปลี่ยนชุดนอนแล้ว ครั้นได้ฟังรายงานนี้นางก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ยังมิทันเปลี่ยนแม้กระทั่งรองเท้าก็ออกจากเรือนไปทันที
เมื่อมาถึงเรือนหน้าบ่าวไพร่ก็ได้แยกพวกเขาออกจากกันแล้ว แต่ทั้งสองยังคงจ้องมองกันด้วยโทสะอยู่ไม่วางตา นางเกิดหน้ามืดขึ้นมารู้สึกเหมือนจะหมดสติไปให้ได้
“เจ้ารอง นี่…นี่มันเกิดอันใดขึ้น”
ครั้นเห็นบุตรชายที่มีท่าทีสง่างามมาเสมอมีเพียงเสื้อตัวนอกคลุมไว้อย่างทุลักทุเล ท่อนขาเปลือยเปล่าที่โผล่ออกมาทำให้คนต่างทราบว่าด้านในมิได้ใส่อันใดไว้เลย หากเป็นเช่นนี้ก็แล้วไปเถิด แต่ด้านหลังเสื้อคลุมกลับเปียกไปเกือบหมดทั้งยังลู่ติดกายทำให้เห็นรูปทรงบั้นท้ายอันแข็งแกร่งนั้นอย่างชัดเจน
ผมของคุณชายรองปล่อยสยาย ทั่วกายเต็มไปด้วยรอยเลือด เมื่อมองไปบนพื้นก็มีแต่น้ำ
หากมองแค่เพียงผิวเผินก็คล้ายถูกคนข่มเหงกระทำมิดีมิร้ายจริงๆ
“เจ้า…เจ้ารอง มีคนเข้ามาข่มเหงเจ้าจริงๆ หรือ” นางเถียนเบิกตากว้างจ้องมองคุณชายรองด้วยความตกใจ หากเขาพยักหน้าเกรงว่านางคงหมดสติไปในทันทีเป็นแน่
ช่างสมควรตายนัก นางทราบดีว่าหากสตรีคนใดต้องพบกับเรื่องเช่นนี้ ผู้เป็นบิดามารดาย่อมรู้สึกดั่งฟ้าถล่มลงมา ทว่าคิดไม่ถึงว่าแม้เป็นบุตรชายก็ยังคงรู้สึกเช่นเดียวกัน!
ความจริงยามนี้คุณชายรองได้มีสติคนมาโดยสมบูรณ์แล้ว แม้ท่าทีเช่นนี้จะน่าอับอายไม่น้อย แต่ก็มีเพียงบ่าวไพร่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่เห็น อีกอย่างก็แค่การทะเลาะกันของพี่น้อง แค่กำชับสักหน่อยก็สิ้นเรื่องแล้ว ทว่าเมื่อนางเถียนเอ่ยเช่นนี้ออกมา เขาลอบเอ่ยในใจว่าแย่แล้ว แต่ยังกล้ำกลืนความเจ็บปวดทั่วกายตะโกนออกมาว่า “ท่านแม่ ไม่มีอันใด ข้ากับน้องสามดื่มสุราแล้วเกิดพูดจาไม่เข้าหูกันจึงชกต่อยกันเท่านั้น”
เขาพูดพลางส่งสายตาไปให้คุณชายสาม “ใช่หรือไม่ น้องสาม”
พี่น้องกัน แม้ทุบจนกระดูกหักแต่เส้นเอ็นก็ยังไม่ขาด[1] ความสัมพันธ์ของพี่น้องฝาแฝดย่อมลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก หากในอดีตคนทั้งสองจะทะเลาะชกต่อยกันมากเพียงแต่ก็ยังคงเลือกจะปกป้องอีกฝ่าย
คุณชายรองสร่างเมาแล้ว คุณชายสามเองก็มีสติขึ้นมาเช่นกัน ทว่าเขากลับเข้าใจทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นและยิ่งรู้สึกเหน็บหนาวไปสุดขั้วหัวใจ
ล่อลวงสาวใช้ทงฝังของบิดาทั้งยังทำให้นางตั้งครรภ์ หากเรื่องมีเพียงเท่านี้เขายังอาจพูดได้ว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคน เพราะสตรีผู้นั้นช่างงดงามเหลือเกินทำให้คนมิอาจห้ามใจได้ หากเรื่องนี้เปิดเผยออกมา เพื่อความพี่น้องแล้วเขายอมกระทั่งรับผิดแทนคุณชายรอง
ทว่าพี่รองที่แสนดีของเขากลับสวมรอยเป็นเขาตั้งแต่แรก ในเวลาเช่นนี้เขายังคิดที่จะกลบเกลื่อนทุกอย่างไว้อีก!
พี่น้องเช่นนี้ทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียนเหลือเกิน!
คุณชายสามดึงปิ่นหยกบนผมตนออกมา เขาหักมันเป็นสองท่อนแล้วทิ้งลงพื้น แค่นหัวเราะเสียงเย็นเอ่ยว่า “พี่รอง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเรียกท่านว่าพี่รอง ต่อไปให้เราเดินทางใครทางมัน ท่านก็อย่าได้คิดเอาเรื่องอันใดมาผลักไสให้ข้าอีก!”
เขาพูดจบก็ยิ้มเศร้าๆ ให้กับนางเถียนที่นิ่งงันเป็นระกาไม้ “ท่านแม่ วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย พรุ่งนี้คอยไปขอรับโทษจากท่าน!” กล่าวจบก็หมุนกายเดินจากไปดุจบินได้
ผ่านไปครู่หนึ่งนางเถียนจึงมีสติคืนมา นางจับมือคุณชายรองพลางถามว่า “เจ้ารอง เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
คุณชายรองมีอุปนิสัยนิ่งเฉยเย็นชาอยู่สักหน่อย เมื่อเขาดึงความนิ่งขรึมตนกลับมาได้จึงเอ่ยกับมารดาว่า “ท่านแม่ เข้าไปในเรือนก่อนเถิดลูกจะได้เล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียด”
พูดพลางกวาดตามองบ่าวไพร่แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “แยกย้ายกันได้แล้ว หากเรื่องวันนี้แพร่ออกไปแม้เพียงคำ พวกเจ้าก็มิต้องอยู่ที่จวนกั๋วกงอีกต่อไป!”
บ่าวไพร่ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรีบปลีกตัวออกมาทันใด
ครั้นเข้าไปในเรือน คุณชายรองก็คุกเข่าลงข้างกายนางเถียน เมื่อนางเถียนเค้นถามมากเข้า เขาก็ถอนหายใจยาวและเอ่ยออกมาในที่สุด “ท่านแม่ เดิมลูกไม่คิดจะพูด แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคงมิอาจปิดบังท่านได้อีกต่อไป”
นางเถียนเจ็บแปลบขึ้นมาในหัวใจ นางเอ่ยถามเสียงสั่นว่า “เจ้ารอง เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ เจ้าพูดมาเดี๋ยวนี้!”
คุณชายรองก้มหน้าลงจ้องมองมือตนแล้วถอนหายใจยาวออกมาคราหนึ่ง
น้องสาม แม้ความแตกแล้วแต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่มีเพียงเราสองคนพี่น้องที่รู้ก็ช่างมันเถิด ทว่าเจ้ากลับมาตัดความสัมพันธ์พี่น้องกับข้าผู้เป็นพี่ เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้าเลย
——
[1] ทุบจนกระดูกหักแต่เส้นเอ็นก็ยังไม่ขาด เป็นประโยคเปรียบเปรยถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง ไม่ว่าขัดแย้งกันแค่ไหนก็ยังตัดสัมพันธ์กันไม่ขาด