ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 73
SB:ตอนที่ 73 การแข่งขัน
หลังจากซุนวูได้ปล่อยวิชาฝึกอสูรของเขาแล้ว แสงสีขาวก็ส่องประกายบนร่างของราชาอสูรคลื่นคลั่งอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็เริ่มอ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ เมื่อหลิวโชวไป่เห็นเช่นนั้น เขาก็ดีใจอย่างมาก เขาแทบจะทนรอให้วิชาควบคุมอสูรของซุนวูล้มเหลวไม่ไหวแล้ว แต่ซุนวูไม่ยอมที่จะล้มเหลวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้ว่าราชาอสูรคลื่นคลั่ง ณ ขณะนี้จะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด พละกำลังของซุนวูยังคงโหมเข้าใส่ราชาอสูรคลื่นคลั่งต่อไป
ครั้งที่แล้วเมื่อหยันเล่ยใช้วิชาฝึกอสูรของเขากับราชสีห์คลั่งขนทองนั้น เขาไม่มีความหวังใด ๆ ที่จะประสบความสำเร็จเพราะความสามารถเฉพาะตัวของเขา อย่างไรก็ตาม ในการพยายามครั้งสุดท้ายเขาใช้เม็ดยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาเอง อย่างน้อยมันก็ทำให้รากฐานแห่งจิตวิญญาณระดับกลางได้มีโอกาสควบคุมอสูรร้ายชั้นจักรพรรดิ์ได้
ไม่ใช่เขาคนเดียวที่มีวิธีการดังกล่าว ในฐานะนายน้อยแห่งตระกูลซุน ซุนวูก็มีวิธีการที่คล้ายกัน มันก็แค่ วิธีการขั้นสุดท้ายของซุนวูไม่ได้ใช้ยาเม็ดเหมือนกับที่หยันเล่ยใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่ซุนวูใช้วิธีลับเพื่อยกระดับความสามารถเฉพาะตัวของเขาสู่ระดับสวรรค์ภูมิใจ
ด้วยวิธีนี้ ทำให้เขามีความหวังว่าจะฝึกราชาอสูรนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับนี้ก็มีข้อเสีย หลังจากที่เขาใช้มันซุนวูจะอ่อนแอลงอย่างมากในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการฝึกอสูร ในภายหน้าเขาจำเป็นต้องมีวิชาฝึกตนชนิดพิเศษเพื่อที่จะกำราบพลังบ้าบิ่นของราชาอสูรคลื่นคลั่ง ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกโจมตีโดยสัตว์เลี้ยงสงครามได้ทุกเมื่อ
“แต่ตอนนี้ ข้าไม่สนใจอะไรมากมายแล้ว เจ้าราชาอสูรคลื่นคลั่งนี้ ข้าต้องทำให้มันเชื่องให้ได้! “
ซุนวูกัดฟันแน่น ศิลปะอันลึกซึ้งเริ่มไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา พลังลมปราณของซุนวูเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเขากระหายเลือดขึ้นมา นอกจากนี้ แสงจากวิชาฝึกอสูรที่เขาปล่อยออกมาก็ยิ่งสว่างขึ้นและสว่างขึ้น
กรามของหลิวโชวไป่แทบจะหลุดออกเพราะตกตะลึง ที่เห็นว่าซุนวูกำลังจะล้มเหลว แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน นอกเหนือจากตกใจแล้ว หลิวโชวไป่เป็นห่วงมากกว่า
แม้ว่าเขาจะต้องลงมือ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จในการลองครั้งแรก เกมระหว่างสองคนนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครจะโชคดีกว่ากัน มันก็แค่ซุนวูต่อสู้อย่างหนักตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ต้องการที่จะทิ้งโอกาสใดใดให้หลิวโชวไป่เลย และเมื่อดูทีท่าตอนนี้แล้ว ราชาอสูรคลื่นคลั่งนั้นอ่อนโยนกว่าเดิมมาก แต่จริงๆแล้วซุนวูค่อยๆสยบมันไว้
เป็นไปได้ไหมว่าคนผู้นี้มีความสามารถในการควบคุมราชาอสูรคลื่นคลั่งอย่างแท้จริง? “เป็นไปได้อย่างไร … “
“ถูกต้องแล้ว นายน้อยหลิว เขาไม่ใช่แค่อัจฉริยะเหรอ? ” “นี่เป็นไปได้ยังไง … ” ลิ่วล้อหมายลขหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา
หลิ่วโชวไป่ตบหัวสุนัขรับใช้หมายเลขหนึ่งของเขา “เจ้าลืมเรื่องหยันเล่ยไปแล้วรึ? เขาไม่ใช่แค่อัจฉริยะ แต่เขาเกือบจะประสบความสำเร็จแล้วในครั้งที่แล้ว! “
“อาจเป็นไปได้ว่าซุนวูผู้นี้ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนและความแข็งแกร่งของเขาก็แข็งแกร่งมากกว่าหยันเล่ย … “
ที่หน้ากรงอสูรอีกตัวหนึ่ง กวงโชวหยางก็บ้าคลั่งไปแล้วเช่นกัน ครั้งแรกของเขาล้มเหลวไปแล้ว แต่ราชาอสูรไม้ผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดและไม่ตอบสนองต่อเขาเลย
“นายน้อยกวง ไม่ต้องใจร้อน เรายังมีโอกาส! หากครั้งแรกไม่เป็นผล ลองต่อไป!” “โชคดีนะ นายน้อยกวง “หมายเลขสองพูดจากข้างหลังนายน้อยกวง
นายน้อยกวงพยักหน้า และปรับสภาพเพื่อเริ่มความพยายามครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม ครั้งที่สองก็สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วและเขาก็ยังล้มเหลว นายน้อยกวงเริ่มตื่นตระหนก เขารู้จักพละกำลังและพรสวรรค์ของตัวเองดีกว่าคนอื่น ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ลบความมั่นใจเสี้ยวสุดท้ายของเขาไป
ลู่หยางปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเขาและพูดเบา ๆ : “เฮ้ ข้าว่า พี่ชายเป็นอะไรมั้ย? “ถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆ งั้นส่งมาให้ข้า”
“ไอ้หนู เจ้ามาจากไหน กลับไปที่ที่เจ้ามาซะ! ” เจ้าจะมีสิทธิ์มาพูดเรื่องงานแบกหามได้ยังไง! หากเจ้าไม่อยากจะมีบาดแผลและรอยฟกช้ำไปทั้งตัวแล้วละก็ รีบไสหัวไป! “
ลู่หยางยื่นมือของเขาไปหานายน้อยกวงอย่างสง่างาม จากนั้นค่อยๆถอยออกไปเพื่อดูนายน้อยกวงแสดงจากด้านหลัง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์เกือบทั้งหมดเป็นไปตามที่ลู่หยางคิดนึกเอาไว้ นายน้อยกวงใช้วิชาสองครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีครั้งไหนสำเร็จ
เมื่อถึงเวลาที่นายน้อยกวงกวงต้องปล่อยวิชาฝึกอสูรของเขาเป็นครั้งสุดท้ายนั้น การต่อสู้ในฝั่งของราชาอสูรคลื่นคลั่งได้สิ้นสุดลงแล้ว ซุนวูใช้พละกำลังสุดท้ายของเขา เขาใกล้จะหมดแรงแล้ว กับการใช้วิชาลับๆนั้น ใบหน้าของซุนวูขาวซีดลงและร่างกายของเขาเริ่มโซเซไปมาในขณะที่เขาเดินลงจากเวที
เนื่องจากใช้พลังงานไปจำนวนมาก เขาเกือบจะทรุดตัวลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง โชคดีที่ราชาอสูรคลื่นคลั่งได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามของซุนวูไปแล้ว
ซุนวูพึมพำ: “คราวนี้ … ข้าไม่มีพลังหลงเหลืออยู่เลย “
เมื่อได้ยินเสียงเรียก ราชาแสูรคลื่นคลั่งก็หยุดเดินตามก้นของซุนวู มันวิ่งตรงไปด้านหน้าของซุนวู ช้อนเขาขึ้นมาเบา ๆ แล้วก็วางเขาลงบนหลังของมัน จากนั้นมันแบกซุนวูแล้วเดินลงมาช้าๆตรงไปที่ถังปิน
ในขณะที่อสูรร้ายตัวใหญ่เดินฝ่ากลุ่มคนออกมา ฝูงชนได้เปิดทางให้มันแต่โดยดี พอราชาอสูรคลื่นคลั่งเดินผ่านพ้นไป ผู้คนก็เริ่มมีการโต้ตอบ พวกเขาปรบมือให้กับซุนวูและแสดงความยินดีกับเขา
“ยินดีกับนายน้อยตระกูลซุน ท่านได้ปราบเจ้าราชาอสูรคลื่นคลั่งได้แล้ว!”
“ยินดีกับนายน้อยตระกูลซุน ท่านได้ปราบเจ้าราชาอสูรคลื่นคลั่งได้แล้ว!”
“ยินดีกับนายน้อยตระกูลซุน ท่านได้ปราบเจ้าราชาอสูรคลื่นคลั่งได้แล้ว!”
ถังปินยิ้มให้กับซุนวูอย่างร่าเริง จากนั้นเขากล่าวว่า: “ขอแสดงความยินดีด้วย นับจากนี้ไปถือว่าท่านเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของเมืองเซียงหยางของเรา!”
ในวันหนึ่งอสูรร้ายชั้นจักรพรรดิ์จะเติบโตขึ้น แม้ว่าตอนนี้พวกมันจะเป็นเพียงอสูรชั้นต้น เมื่อซุนวูกลายเป็นผุ้คุมอสูรในระดับสูง เขาจะเป็นผู้อยู่ในอันดับสูงสุดในเมืองเซียงหยาง
ใบหน้าของซุนวูนั้นอ่อนเพลียอย่างมากขณะที่เขาพูดกับถังปิน”พี่ข้า เมื่อหลิ่วโชวไป่ แพ้การต่อสู้ครั้งนี้ เขาอาจไม่ยอมรามือง่ายๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับข้า ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถรับมือได้ ข้าต้องขอรบกวนให้ท่านช่วยดูแลหน่อย “
“ไม่ต้องกังวลไป” มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าเด็กนั่นจะไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ”
เมื่อเห็นว่าถังปินตกลง ซุนวูก็สบายใจ ซุนวูเก็บราชาอสูรคลื่นบ้าคลั่งไว้ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงสงคราม เขานั่งบนเก้าอี้และพัก
เนื่องจากเจ้าราชาอสูรคลื่นคลั่งถูกซุนวูปราบไปแล้ว มันจะไม่คิดกบฏง่ายๆ แม้ซุนวูจะไม่มีพละกำลังในตอนนี้ เจ้าราชาอสูรคลื่นคลั่งก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
หรืออีกนัยหนึ่ง มันก็เลิกพยายามแล้ว ลู่หยางยิ้มเมื่อเขามองใบหน้าที่บึ้งตึงของนายน้อยกวง จากนั้นเขาก็เดินลงจากเวที ถึงเขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่ได้มีแต้มในมืออีกต่อไป เขาไม่สามารถใช้มันซ้ำแล้วซ้ำอีก
หลังจากเดินลงจากเวที เขาหันไปทางลู่หยางแล้วพูดอย่างดุเดือดว่า: “ไอ้สารเลว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจึงล้มเหลว! ไอ้สารเลว แกรอข้าให้ดี! เนื่องจากที่นี่เป็นเขตแดนของลานหมื่นอสูร ข้าจะปล่อยเจ้าไปครั้งนี้ เมื่อออกจากประตูนี่ไปเมื่อไหร่ มันจะเป็นที่ของข้า! ถึงตอนนั้น ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ให้กับข้า! “
ลู่หยางเผยรอยยิ้มที่มุมปาก และพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า:” เอาล่ะ ข้าจะรอ ข้าแค่หวังว่าหลังจากข้าได้ฝึกอสูรร้ายชั้นจักรพรรดิ์แล้ว ท่านยังจะกล้าพูดเช่นนี้กับข้าอยู่ “
“เจ้า! เก่งมาก รอดูซิ! “
“ท่านไม่มีความสามารถเอง แต่ท่านมาโทษข้า ในฐานะที่เป็นนายน้อย ทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ถือว่าไร้ประโยชน์จริงๆ “ลู่หยางพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะ
ที่ข้างล่างเวทีนั่น หลิ่วโชวไป่รู้สึกหดหู่มาก เช่นเดียวกับนายน้อยที่บ้าคลั่ง เขาสูญเสียโอกาสสุดท้ายและอสูรร้ายชั้นจักรพรรดิ์ได้หลุดมือไปอีกครั้งหนึ่ง ในขณะนี้ สายตาของเขาจ้องมองไปที่นายน้อยกวงที่กำลังมีเรื่องอยู่กับลู่หยาง ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในใจของนายน้อยหลิ่ว
อาศัยประโยชน์จากการที่ลู่หยางยังไม่ได้เริ่มใช้วิชาฝึกอสูรกับราชาอสูรไม้ที่ยิ่งใหญ่ หลิวโชวไป่แอบย่องมาที่เวทีของราชาอสูรไม้และยืนอยู่ด้านหลังลู่หยาง เขาต้องการเข้าไปใกล้ราชาอสูรไม้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆเช่นนี้จะสามารถเล็ดรอดสายตาของลู่หยางไปได้อย่างไร แม้ว่าในด้านนี้จะยังคงวุ่นวายอยู่กับนายน้อยกวง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของหลิวโชวไป่ก็อยู่ในสายตาของลู่หยาง
“นี่ ไอ้ระยำตรงโน้น ท่านกำลังทำอะไรน่ะ?” ลู่หยางตะโกนออกมา หยุดหลิวโชวไป่ไว้
หลิ่วโชวไป่รู้สึกกลัว เพราะเขารู้สึกผิด แล้วเขาก็หยุด อย่างไรก็ตาม ความน่ากลัวผุดขึ้นทันทีบนใบหน้าของหลิ่วโชวไป่
เขาพูดกับลู่หยางว่า: “นายน้อยกวง เจ้าหมอนี่ทำให้ท่านขุ่นเคืองใจมาก่อนใช่มั้ย? ข้าจำได้ว่าเขายังไม่ได้ส่งคะแนนของเขาเลย ถูกต้องมั๊ย? “
“ใช่แล้ว ตอนที่ข้าใช้วิชาฝึกอสูร เจ้าหมอนี่มันบ่นพึมพำอยู่ตลอดเวลา ทำให้ข้าไม่สามารถปลดปล่อยพลังของข้าได้ มิเช่นนั้นอสูรร้ายตัวนี้ต้องเป็นของข้าไปแล้ว! “
หลิ่วโชวไป่หัวเราะอย่างน่ากลัวแล้วพูดว่า: “นายน้อยกวงไม่ต้องกังวลไป ให้ข้าช่วยท่านสอนเจ้าหมอนี่ซักทีนึงเดี๋ยวนี้”
“ดี อย่างน้อยท่านก็ได้ช่วยข้าระบายความโกรธ อย่างน้อยที่สุด การมีอสูรร้ายตัวนี้อยู่ในมือยังจะดีกว่าการมีไอ้สารเลวนี่”
“นายน้อยกวง เรามาร่วมมือกัน คิดซะว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณท่าน ” หลิ่วโชวไป่ ตอบอย่างสุภาพ
ลู่หยางย่นหน้าผาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ระยำเอ้ย ท่านสองคนกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรที่นี่ หลิวโชวไป่ ใช่มั้ย ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับท่าน ท่านทำไม่สำเร็จตอนที่ท่านใช้เล่ห์เหลึ่ยมต่อหน้าซุนวู และตอนนี้ท่านต้องการมาแย่งที่ของข้าแล้วลองใหม่?. ลู่หยางไม่ถอยหนีเลย แต่กลับด่าว่าหลิ่วโชวไป่อย่างตรงไปตรงมา
“เอ๊ะ เอ๊ะ เล่ห์เพทุบายเหรอ? ข้า หลิวโชวไป่ไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้น เป็นเพราะถังปินโผล่มา ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากจะใช้วิธีการบางอย่าง “สำหรับเจ้า … “
เสียงของหลิ่วโชวไป่ดังขึ้นมา เขาตะคอกใส่ลู่หยาง “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันน่ะ! “มันคุ้มค่ากับที่ข้าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมใส่เจ้างั้นสื!”
ด้วยสถานะของหลิ่วโชวไป่ภายในเมืองเซียงหยาง ชื่อของทั้งสามตระกูลใหญ่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจและถึงกับเอาชีวิตผู้คนได้ หลิ่วโชวไป่นั้นหยิ่งยโส แต่เขาก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นเช่นนั้น
แต่น่าเสียดายที่ความเย่อหยิ่งของเขาเอามาใช้ผิดที่ ลู่หยางไม่ได้สนใจที่เขาจะหยิ่งยโสใส่ตนเลย
หลิวโชวไป่เผยรอยยิ้มที่เข้มและเย็นชา ขณะที่หลิวโชวไป่ยังรู้สึกพอใจกับตัวเองอยู่นั้น ลู่หยางยื่นฝ่ามือของเขาออกไปอย่างเร็ว เร็วมากจนเห็นได้แค่เงา และก่อนที่หลิวโชวไป่จะมีเวลาโต้ตอบ ลู่หยางก็ได้คว้าคอเสื้อเขาไว้แล้ว
พลังงานรุนแรงพุ่งออกจากแขนของลู่หยาง เส้นเลือดสีฟ้าในมือที่จับหลิวโชวไป่ไว้โผล่ออกมา แล้วเขาก็เหวี่ยงเต็มแรง หลิวโชวไป่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศ เขาตกตะลึงมาก
ยิ่งกว่านั้น เขาไม่ได้ยั้งมือเลย ในฐานะที่เป็นนายน้อยคนโต เขาเคยได้รับการปฎิบัติเช่นนั้นเมื่อไหร่เหรอ? เมื่อถึงตอนที่หลิ่วโชวไป่จะสามารถโต้ตอบได้ เขาก็ลงมานอนอยู่กับพื้นแล้ว จ้องมองผู้คนด้วยความตกใจ
“ไอ้สารเลว ข้าอดทนกับแกมานานแล้ว! ข้าอยากจะลงมือกับแกตั้งนานแล้ว แต่แกก็ยังกล้าที่จะมาทำเท่ห์ใส่หน้าข้า! อย่างนี้สมควรตาย! “
“ไอ้เด็กคนนี้ … ” เขาช่างป่าเถื่อนจริงๆ! นอกจากนี้เขายังทำให้หลิวโชวไป่ล้มลงด้วยแรงเหวี่ยงครั้งเดียว ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ … “ พวกเขายังคงคาดเดากันไปถึงความแข็งแกร่งของลู่หยาง
การที่จะเอาชนะหลิ่วโชวไป่จนอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้ด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว พละกำลังของเขาจะต้องอยู่เหนือหลิ่วโชวไป่ แน่ล่ะว่ามันอาจเป็นเพราะการแอบโจมตี ความเร็วของเด็กคนนี้เร็วจริงๆ นายน้อยกวงคิดในใจ
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของนายน้อยกวงนั้นอย่างมากก็เท่ากับของหลิ่วโชวไป่ การลงมือของลู่หยางไม่เพียงแต่จะให้บทเรียนกับหลิ่วโชวไป่เท่านั้น ยังเป็นการตักเตือนที่ดุเดือดอีกด้วย เขากลัวมากจนมองหน้ากันและไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย