ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 59
SB:ตอนที่ 59 แนวหน้า
ลู่หยางเตรียมพร้อมและรอนกประหลาดร่อนลงมาอีกที เป็นตามที่เขาคาด นกประหลาดนั่นไม่สามารถโจมตีเหมือนครั้งแรก แต่ผู้อาวุโสตำหนักก็ยังทำอะไรมันไม่ได้ นกประหลาดมันเริ่มกล้าขึ้นเรื่อยๆ มันบินไปมาเหนือกลุ่มคน ลำแสงเริ่มก่อตัวในปากมัน และดูราวกับว่าคลื่นเสียงโจมตีจะมาอีกระลอก
นกประหลาดนี่เป็นอสูรชั้นยอดระดับกลาง ความสามารถเฉพาะตัวมันแข็งแกร่งมาก หากไม่ใช่เพราะมีผู้อาวุโสตำหนักคุ้มครองเขาอยู่ ลู่หยางคงไม่กล้าต่อกรกับนกนี่แน่ เพราะนกนี่ได้เปรียบบนฟ้า
ขณะที่นกนี่กำลังจะโจมตี ดวงตาลู่หยางลุกวาบ “ตอนนี้แหล่ะ!”
ลู่หยางไม่ได้อัญเชิญสัตว์อสูรออกมา มันไม่มีประโยชน์เพราะมันไม่อาจหลบคลื่นเสียงได้ไม่ว่ามันจะเร็วแค่ไหน ทันใดนั้นเพลิงสีชาดปะทุขึ้นจากมือของเขา พุ่งไปที่อกของนกประหลาด จนมันตกลงมา
“เด็กดี วิธีเจ้าใช้ได้ผลจริงๆ!”
นี่ไม่ใช่เวลาตกตะลึง ผู้อาวุโสเคลื่อนตัวไปบังพลังจากนกประหลาด ผู้อาวุโสหลักหลิวก้าวไปข้างหน้าอย่างลึกลับ ร่างของเขาไปถึงจุดที่นกประหลาดร่วงลงทันที และยกกำปั้นขึ้นชกลงไปทันที
ผู้อาวุโสหลักหลิวเล็งไปที่หัวของมัน หัวของนกประหลาดเกือบจะแหลกสลาย นกประหลาดไม่อาจทนได้ไหว มันกู่ร้องอย่างเจ็บปวดและร่วงลง
“ข้าไม่รู้จริงๆเจ้านกประหลาดนี่เข้ามาในเซียงหยางได้อย่างไร หรือเจ้าพวกทหารยามมันกินขี้กันหมด เมื่ออาวุโสหลักหลิวบ่น และกำลังจะนำคนกลับตำหนักเมฆาม่วง
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นจากท้องฟ้า ทุกคนต่างตกตะลึงอีกครา ลู่หยางเงยหน้าขึ้นมองและพบเมฆดำลอยอยู่บนฟ้า กลุ่มมวลสีดำปกคลุมผืนฟ้า เสียงกู่ร้องแปลกประหลาดดังต่อเนื่อง ลู่หยางและผู้อาวุโสหลักหลิวมองภาพตรงหน้าอย่างตะลึง
ผู้อาวุโสหลักหลิวยืนนิ่งตกตะลึง เขาไม่รู้สึกตัวแม้ผ่านไปหลายวินาที เขาตะโกนลั่น “ตามเจ้าตำหนักมาเร็วเข้า!”
นอกแคว้นเซียงหยาง ทหารยามจ้องมองไปที่เมฆดำอย่างว่างเปล่า ทันใดนั้นหินแปลกประหลาดตกลงมาจากฟ้าและถล่มลงบนหอคอยประตูเมือง ทหารยามส่วนใหญ่เป็นเพียงคนธรรมดา พวกมันต่างหวาดกลัวตายและต่างหนีกระเจิง
ประตูเมืองถูกพังถล่มแหลกละเอียด ในท้ายที่สุดหินเหล่านั้นเคลื่อนตัวรวมกันเป็นสัตว์อสูร พวกมันเริ่มสังหารหมู่เหล่าทหารยาม เพียงแค่กรงเล็บเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตทหารยามเหล่านี้ เหล่าทหารยามใช้จำนวนมากเข้าสู้แต่ก็ยังลำบาก ก้อนหินประหลาดยังคงปรากฏบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ในพริบตา หอคอยประตูเมืองเต็มไปด้วยอสูรกว่าสิบตัวที่ครองหอคอยประตูเมืองไว้ เสียงดังก้องปรากฏขึ้นเมื่อหอคอยประตูเมืองถล่มลง ราวกับเป็นสัญญาณบางอย่าง มีคลื่นออกมาจากภูเขาที่ห่างไปไกล ภายในคลื่นเหล่านั้นเต็มไปด้วยเงาของอสูรร้าย ทหารยามคนสุดท้ายมองไปที่ภาพตรงหน้าเขาด้วยความตกตะลึงเหลือเชื่อ หลังจากผ่านไปนานเขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายทีมีตะโกน “ฝูงอสูรกำลังมาที่นี่ ทุกคนหนีเร็วเข้า!”
ฝูงอสูรที่ปรากฏขึ้นทุกๆสิบปี ได้เคยปรากฏขึ้นมาก่อนแล้วหลายครา ทว่าไม่มีครั้งไหนที่มันจะฉับพลันและดุร้ายเช่นนี้มาก่อน
ไม่เพียงแต่แคว้นเซียงหยางนั้นถูกปกป้องโดยยอดฝีมือ ทว่ามันยังมีกำแพงเมืองสูงปกป้องตัวแคว้นจากเหล่าอสูร หากปราศจากอสูรที่แข็งแกร่งสุดยอดมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพังกำแพงนี้ลง ในสถานการณ์ปัจจุบัน กำแพงเมืองถูกชิงโดยอสูรคลั่งเรียบร้อยแล้ว บัดนี้ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยเสียงร้องครวญคราง แม้คฤหาสน์ผู้ครองแคว้นก็ไม่เว้น
ในคฤหาสน์ผู้ครองแคว้น มีบุคคลสามสี่คนนั่งอยู่ ท่ามกลางสองบุคคลที่นั่งในตำแหน่งผู้นำ เป็นหลอหยุนชาน บุคคลที่นั่งข้างเขาคือชายวัยกลางคนร่างสูงและทรงพลังรังสีที่แผ่ออกมาจากตัวเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหยุนชานแม้แต่น้อย
บุคคลนี้คือผู้ครองแคว้นแห่งเซียงหยาง หวังหลี่
หวังหลี่มองไปด้านนอกหน้าต่างสีหน้าของเขาไร้ความรู้สึก ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกนั้นเขารู้อยู่แล้ว ราวกับทุกสิ่งอยู่ใต้การควบคุมของเขา
หวังหลี่มองไปที่หลอหยุนชานและฝืนยิ้มออกมา “ท่านมองการณ์ไกล เป็นดังที่ท่านกล่าว อสูรพวกนี้ไม่อาจรอได้ ทว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น”
“ข้าได้ส่งศิษย์ตระกูลหลอออกไปที่หุบเขาเทวะร่วงหล่นแล้ว พวกเราแค่เพียงรอเหล่าศิษย์ข้าจัดการพวกมัน” หลอหยุนชานกล่าว ทุกคนในที่นี่ต่างเป็นผู้อาวุโสหรือผู้นำจากพรรคที่มีอิทธิพลในแคว้นเซียงหยาง ทว่าพวกเขาต่างเชื่อฟังเมื่ออยู่ต่อหน้าหลอหยุนชาน พวกเขาพยักหน้าและกล่าว “ตระกูลพวกข้าจะส่งยอดฝีมือที่สุดออกไปแน่นอน พวกข้าจะจับอสูรเหล่านั้นที่บุกรุกแคว้นเราให้หมด”
ตระกูลใหญ่สามตระกูลรวมถึงตระกูลหวัง ตระกูลอู๋ และตระกูลชั้นต้นเหล่านี้มารวมกันที่คฤหาสน์ผู้นำแคว้น ขณะที่ผู้นำเหล่านี้กำลังพูดอยู่ เหล่าผู้ฝึกอสูรนับไม่ถ้วนปรากฏตัวจากแคว้นเซียงหยางและกำจัดเหล่าอสูรร้ายบนประตูเมือง ทหารยามนับร้อยถูกฆ่าหมด ก่อนที่อสูรภายนอกจะโจมตีแคว้นได้ กลุ่มคนจำนวนมากได้ปรากฏบนประตูเมือง ทุกๆคนเป็นยอดฝีมือผู้ฝึกอสูร พวกมันมาจากตระกูลเดียวกัน และนั่นคือตระกูลหลอ ตระกูลที่แข็งแกร่งสุดในแคว้น
พวกเขาเริ่มฆ่าฟันเหล่าอสูร บุกทะลวงชิงประตูเมืองคืน อสูรของผู้ฝึกอสูรกว่าร้อยบุกไปที่ประตูเมือง เหล่าอสูรร้ายถูกทะลวงฝ่าโดยสัตว์อสูรสงครามของเหล่ายอดฝีมือตระกูลหลอ
แววตาเขาฉายแววฆ่าฟัน หลอชิงหัวกล่าวอย่างเหี้ยม “ฆ่าให้หมด!”
หลังจากที่อสูรนับน้อยได้รับคำสั่ง พวกมันโดดจากประตูเมืองลงไปสู่ฝูงอสูรราวกับดาวตก เพียงแค่แรงปะทะก็ฆ่าพวกอสูรไปหลายตน และพวกอสูรของยอดฝีมือฝึกอสูรฆ่าสังหารอสูรจากหุบเขาเทวะร่วงหล่นอย่างบ้าคลั่ง
แม้มันจะมีอสูรชั้นต้นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีอสูรชั้นยอดอยู่ไม่ขาดสาย และมียอดฝีมือเช่นหลอชิงหัวจำนวนมาก อสูรใต้ควบคุมของพวกเขาเป็นระดับสายเลือดชั้นยอดทั้งนั้น บางตัวอยู่ในขั้นกลางแล้ว
สัตว์อสูรเช่นนี้ถือว่าเลวร้ายมากสำหรับเหล่าสัตว์อสูรจากหุบเขาเทวะร่วงหล่น พวกมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต่อหน้าอสูรเลี้ยงสงคราม อสูรธรรมดาถูกฉีกทิ้งในพริบตา ลูกน้องเขาไร้ปรานี พวกมันใช้ความสามารถเทวะที่มีต่อเนื่อง อสูรร้ายที่ประตูเมืองถูกกวาดล้าง เหลือไว้เพียงซากศพหน้าประตูเมือง
หลอชิงหัวเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเขากล่าวอย่างเย็นชา “ฝูงอสูรบุกเข้ามาแล้ว พวกนี้เป็นเพียงแค่ระลอกแรก จำนวนของมันเพียงหนึ่งพัน ภารกิจของเราคือปกป้องประตูเมือง ตราบเท่าที่เรายืนหยัดไว้ได้เพียงหนึ่งชั่วโมง พวกเราจะชนะ”
หลอชิงหัวรู้ดีว่าในแคว้นเซียงหยางยังมีสถานการณ์ที่อสูรโจมตี ณ ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือปกป้องประตูเมืองซึ่งเป็นเขตป้องกันสุดท้ายของแคว้น พวกเขาเพียงแค่ต้องซื้อเวลาให้ยอดฝีมือภายในแคว้นออกมาช่วยเหลือ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะเป็นฝ่ายมีชัย ทว่าตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องยืนหยัดลำพังไปก่อน พวกเขามีอสูรเลี้ยงสงครามเพียงร้อยตัว กับการต้านกองทัพอสูรนับพันถือเป็นเรื่องท้าทายของหลอชิงหัว “ข้าได้แต่หวังว่าเจ้าจะมาช่วยทางนี้ให้เร็ว”
หลังจากต้านการโจมตีระลอกแรก เขาปราบอสูรนับพันไปได้ ทว่าหลอชิงหัวและพวกพ้องต่างสูญเสียสัตว์อสูรไปบ้าง ยิ่งกว่านั้น เมื่อระลอกต่อมาเกิดขึ้น จำนวนพวกมันจะมากขึ้นกว่าเดิมมาก ขณะที่อสูรของหลอชิงหัวและพวกเปรียบดังโขดหินท่ามกลางคลื่นจากท้องทะเล สัตว์เลี้ยงอสูรต่างยืนหยัดปกป้องประตูเมืองอย่างดื้อดึง เมื่อตัวนึงถูกฆ่าลง อีกตัวก็เข้ามาแทนที่ พวกมันต่างได้รับคำสั่งเด็ดขาดจากเจ้านายของมันให้ปกป้องประตูเมืองด้วยชีวิต
ร้อยห้าสิบกิโลเมตรห่างจากแคว้นเซียงหยาง ร่างดำสามร่างยืนอยู่บนเขาสูงและสังเกตการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมือง
ใบหน้าของชายกลางคนยิ้มขึ้นและหัวเราะ “เป็นตามที่คาด เฒ่าหลอหยุนชานมันเตรียมการไว้แล้ว ทว่าเขาคงไม่คาดว่าเราจะสามารถกระตุ้นฝูงอสูรได้ล่วงหน้า จริงมั้ย?”
“เจ้าทั้งสอง ภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงดีแล้ว หากครั้งนี้เจ้าทำสำเร็จอีกละก็ ทั้งหมดนี่จะเป็นผลงานของพวกเจ้า!”
ปีศาจทมิฬก้มหัวรับคำ “ขอบคุณครับ นายท่าน!”
ใบหน้าพวกมันขึ้นสีแดง แตกต่างจากตอนที่พวกมันถูกทำร้ายโดยหลอหยุนชาน พวกมันแข็งแกร่งกว่าเดิมอีก
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนดูการต่อสู้ในแค้วนเซียงหยาง และรู้สึกยินดีอย่างมาก ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา แววตาเขาแฝงความคาดหวังเอาไว้ เขากล่าวในที่สุด”หลอหยุนชาน ต่อให้เจ้ารู้แผนการของพวกข้า เจ้าจะทำไรได้?!”
ร่างเล็กปรากฏขึ้นด้านหลังชายร่างอ้วนและกล่าว “อย่าพึ่งดีใจไป หากหลอหยุนชานนั้นต่อกรด้วยง่ายละก็ข้าคงสังหารมันตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว”
ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างแปลกประหลาด “การปะทุของฝูงอสูรก่อนกำหนดนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่หยุนชานนั่นไม่คาดคิด มันคงไม่มีวันคาดได้ว่าเจ้าร่วมมือกับข้า ด้วยความร่วมมือของพวกเรา มีอะไรต้องกลัวกับเจ้าหลอหยุนชานอีก?”