ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 50
SB:ตอนที่ 50 แขนที่แข็งแกร่ง
“ท่านลู่!” มีคนบางคนกำลังมาหาท่านอยู่ด้านนอก!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ข้ารับใช้ของตำหนักเมฆาม่วงวิ่งเข้ามาบอกเขา ลู่หยางไม่ทราบสถานการณ์เช่นกัน ฟ่างตงคิดอยู่ชั่วครู่และกล่าว “ลู่หยาง หากเจ้ามีธุระอะไร เจ้าไปทำให้เสร็จเสียเถอะ สำหรับเม็ดยานำจิตวิญญาณ ข้าจะส่งคนนำมันไปให้เจ้าคืนนี้
“เอาหล่ะ ข้าจะออกไปดูก่อน ส่วนผลึกข้าจะให้เจ้าในภายหลัง! ตามนั้นนะ”
“ผลึกอะไรกัน หากข้าไม่สามารถให้ผลึกชั้นกลางเจ้าได้ ข้าจะให้ผลึกชั้นต้นแก่เจ้าฟรีๆเลย!” ฟ่างตงกล่าวอย่างวีรบุรุษ
ขณะที่ลู่หยางเดินอยู่ เขาส่ายหัวและคิดในใจ “บัดนี้เขาเป็น หัวหน้าผู้ดูแล บุคลิกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในอดีตเขาไม่เคยใจดีแบบนี้มาก่อน
เมื่อเอ้อโกวจื่อเห็นลู่หยาง เขารีบวิ่งมาหาเขาและสวมกอด อุ้มลู่หยางขึ้นจากพื้นสามฟุต
“พี่หยาง ข้าหาท่านยากเหลือเกิน ในที่สุดข้าก็เจอท่านแล้ว!”
“เอ้อ โกวจื่อ เจ้าวางข้าลงก่อนได้ไหมเนี่ย?”
เมื่อถูกอุ้มแบบนี้ หน้าลู่หยางบิดเบี้ยว แม้เอ้อโกวจื่อจะเติบโตมากับเขา แต่พวกเราทั้งสองโตแล้วนะ มีเพียงเอ้อโกวจื่อที่กล้าอุ้มลู่หยางแบบนี้
เขาแทบหายใจไม่ออกเมื่อแขนอันใหญ่โตนั่นรัดรอบตัวเขา เขาพยายามออกจากวงแขนของเอ้อโกวจื่อและลงมา เขาจับบ่าเอ้อโกวจื่อและกล่าว “น้องเอ้อ ข้าไม่คาดว่าเจ้าจะมาไวเช่นนี้ ข่าวจากลุงซงดีจริงๆ!”
เพียงวันเดียว เอ้อโกวจื่อรีบรุดมาจากเมืองชิงหยาง โชคดีที่ลู่หยางเตรียมการไว้แล้วและสามารถนำเม็ดยานำจิตวิญญาณให้เขาได้คืนนี้
“ไปกันเถอะน้องเอ้อ ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน! ไปที่บ้านข้าเถอะ” ลู่หยางกอดบ่าเอ้อโกวจื่อและหัวเราะอย่างดีใจ
เอ้อโกวจื่อลูบท้องและกล่าวอย่างเขินอาย “พี่หยางข้าแอบออกมาจากบ้านและเดินทางทั้งวัน ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย พี่ช่วย…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ท้องเขาเริ่มส่งเสียงร้อง ลู่หยางรู้แต่แรกแล้วว่าเอ้อโกวจื่อนั้นกินจุ การที่ไม่กินอะไรเลยทั้งวันนั้นทรมานมากสำหรับเขา “เอางี้ไหม ข้าจะพาเจ้าไปหาอะไรกินก่อน จากนั้นข้าจะพาเจ้ามาบ้านข้า ข้ามีของบางอย่างจะให้เจ้าด้วยคืนนี้!”
เมื่อเขาได้ยินเรื่องกิน เขาไม่สนใจอะไรแม้กระทั่งของที่ลู่หยางจะให้เขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ที่จริงแล้วเอ้อโกวจื่ออยากมาแคว้นเซียงหยางตั้งนานแล้ว ไม่ใช่อะไรนอกจากเขาได้ยินพวกนักล่าพูดกันว่าที่นี่มีอาหารการกินอร่อย
ดังนั้นความฝันสูงสุดของเขาคือการกินอาหารทั้งหมดของเซียงหยาง บัดนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว ฝันของเขาจะเป็นจริงเขารอแค่ลู่หยางตอบตกลงที่จะพาเขากินอาหารทั่วแคว้นเซียงหยาง
ลู่หยางเองรู้ว่าเอ้อโกวจื่อชอบกิน และหอสุรานั้นเปิดมาหลายปีแล้วและมีอาหารอร่อยมากมาย ตราบเท่าที่เขามีเงินจ่ายเขาจะกินอะไรก็ได้
ลู่หยางสั่งอาหารราคาแพงมาเจ็ดถึงแปดอย่าง เมื่อเห็นลู่หยางกำลังจะสั่งเพิ่ม เอ้อโกวจื่อรีบห้าม “เรามีแค่สองคนเองพี่หยาง เรากินไม่หมดหรอก!”
แม้เอ้อโกวจื่อจะพูดเช่นนั้น เมื่ออาหารมาถึงจริงๆเขากินได้หมดแหละ เขาอยู่แต่ในเมืองชิงหยาง และไม่เคยเห็นอาหารดีๆแบบนี้มาก่อน ทันใดนั้นเขารู้สึกอยากขอบคุณอาหารของหอสุรา
เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติ เขาสูญเสียเหตุผลทั้งหมดและพูดได้เพียงว่า “พี่หยางนี่มันอร่อยเกินไปแล้ว”
หลังจากนั้นลู่หยางพาเขากลับมาที่บ้าน เอ้อโกวจื่อไม่เคยเห็นบ้านที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน เมื่อเขาเข้ามาที่สวน เขาถึงกับตะลึง
“พี่หยาง นี่บ้านพี่หรอ สุดยอดไปเลย ข้าไม่แปลกใจเลยที่ท่านไม่ยอมกลับเมืองชิงหยาง!” เอ้อโกวจื่อกล่าวอย่างตกตะลึง
มุมปากลู่หยางยิ้มขึ้น เขาชอบความไร้เดียงสาของเอ้อโกวจื่อเช่นนี้ หลังจากพาเขากลับมาบ้าน เขาแนะนำบางอย่างเล็กน้อยจากนั้นให้เขา อยู่ห้องถัดจากเขา
เดิมทีแล้วเขาต้องการให้ลู่หลี่อาศัยอยู่ห้องนี้แต่เมื่อเขาไม่ทราบว่าลู่หลี่อยู่ที่ไหน เขาจึงให้เอ้อโกวจื่ออยู่ไปก่อน
ในคืนนั้นฟ่างตงให้คนของเขานำเม็ดยานำจิตวิญญาณมาส่งที่บ้านเขา มันอยู่ในกล่องที่หรูราและข้างในนั้นปรากฎเม็ดยาล้ำค่าอยู่ เม็ดยานำจิตวิญญาณนั้นเป็นฝันของใครหลายคน ทว่าบัดนี้อีกฝั่งกำลังนำสิ่งนี้ให้ลู่หยางโดยไม่ขอผลึกตอบแทนแม้แต่น้อย เพราะเมื่อสถานะของเขาสูงขึ้นสิ่งที่เคยเป็นความฝันของเขาก็ไม่ถือว่าล้ำค่าอะไรอีก
เขากล่าวต่อเอ้อโกวจื่อ “น้องข้า ข้าสัญญาว่าจะทำให้เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกอสูรที่แข็งแกร่งเช่นข้า บัดนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้าแค่ต้องกลืนเม็ดยานี่ลงไป และเจ้าจะกลายเป็นผู้ฝึกอสูรเช่นข้า!”
“พี่หยาง หรือนี่จะเป็นเม็ดยานำจิตวิญญาณที่หลี่ยี่พูดถึงก่อนหน้านี้!”
เอ้อโกวจื่อยังจำหลี่ยี่ได้ดี เพียงเพราะสมุนไพรจิตวิญญาณช่อเดียวได้เปลี่ยนชะตาของเขาทันที เม็ดยานำจิตวิญญาณเพียงเม็ดเดียวสามารถทำให้คนกลายเป็นผู้ฝึกอสูรได้ บัดนี้ลู่หยางพูดเรื่องนี้กับเขา เขารู้ทันทีว่ามันต้องเป็นเม็ดยานำจิตวิญญาณ
เพียงแค่เม็ดยานี้มันล้ำค่าเกินไปสำหรับเขา เขารีบปฏิเสธทันที “พี่หยาง ยานี่ล้ำค่าเกินไปข้ารับมันเปล่าๆไม่ได้!”
“เจ้าไม่เห็นรึ? พวกเขานำมันให้ข้าฟรีๆ ข้าไม่ได้เสียสักตำลึงเดียว แล้วนี่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะอยู่แล้ว หากเจ้าไม่กินมันหรือเจ้าอยากให้ข้ากินมันหละ? ข้าไม่ต้องการเม็ดยานี่อีกแล้ว” ลู่หยางกล่าว
แม้ว่าการใช้เม็ดยานำจิตวิญญาณจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ แต่มันไม่ล้ำค่าขนาดนั้น มันเพียงล้ำค่าสำหรับคนธรรมดา สำหรับผู้ฝึกอสูรแล้ว เม็ดยานี่ไร้ค่า “เอ้อโกวจื่อ เชื่อพี่หยางของเจ้า นี่เป็นเม็ดยานำจิตวิญญาณธรรมดา ข้าหาให้เจ้าได้แค่นี้ในตอนนี้ เมื่อข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าจะหาเม็ดยาที่ดีกว่านี้ให้เจ้า ทีนี้เจ้าเพียงแค่ต้องวางใจและกลืนมันลงไป!”
เอ้อโกวจื่อฟังลู่หยางพูด เขายอมกินในที่สุด จากนั้นร่างของเขาเริ่มร้อนขึ้น ผลของเม็ดยานำจิตวิญญาณเริ่มออกฤทธิ์ เอ้อโกวจื่อกลิ้งไปบนพื้นอย่างเจ็บปวด ร่างคนธรรมดาไม่อาจทนทานผลของเม็ดยานี้ได้ ลู่หยางรีบใช้พลังของเขาในการช่วยเอ้อโกวจื่อหลอมรวมกับเม็ดยานำจิตวิญญาณ
หลังจากผ่านไปนาน เอ้อโกวจื่อเริ่มฟื้นคืนสติและหยุดร้อง ลู่หยางเริ่มวางใจ เขาใช้พลังในการมองทะลุร่างของเอ้อโกวจื่อ เขาเห็นมีพลังงานที่ทรงพลังในร่างของเอ้อโกวจื่อแม้ว่าในสายตาของลู่หยาง พลังนี้จะอ่อนแอยิ่งนัก ทว่าเมื่อเทียบกับคนธรรมดา มันทรงพลังมาก
ณ ตอนนี้ เอ้อโกวจื่อได้กลายเป็นผู้ฝึกอสูรแล้ว ลู่หยางนำวิชาควบคุมอสูรออกมาให้เขาฝึกทันที
“พี่หยาง นี่มันวิชาควบคุมอสูร ทุกอย่างพี่เตรียมไว้เพื่อข้าหมดแล้วรึ มิน่าท่านบอกให้ท่านลุงซงส่งข่าวให้ข้ามาที่นี่
ลู่หยางยิ้มกริ่ม “ถูกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้สำหรับเจ้าคือการฝึกวิชาควบคุมอสูร หลังจากที่เจ้าฝึกสำเร็จ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปตำหนักเมฆาม่วง ข้าจะหาสัตว์อสูรที่เหมาะแก่เจ้าให้
ณ ตอนนั้นเอ้อโกวจื่อจะเป็นผู้ฝึกอสูรที่แท้จริง ดังเช่นหลี่ยี่เมื่อครานั้น เมื่อเขามีสัตว์เลี้ยงอสูรของตนเอง เขาจะกลายเป็นอีกคนอย่างสิ้นเชิงแตกต่างกับธรรมดา
เมื่อเอ้อโกวจื่อตื่นเต้น เขาถึงกับร้องไห้ต่อหน้าลู่หยาง
“พี่หยาง ท่านดีต่อข้าเหลือเกิน ข้าซาบซึ้งเหลือเกินข้าจะร้องไห้แล้ว!”
“เจ้าโตขนาดนี้แล้วยังจะร้องไห้ทำไมอีก” ลู่หยางหัวเราะ เขารู้สึกว่าในเมื่อเขาไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว และเอ้อโกวจื่อจะกลายเป็นผู้ฝึกอสูรในอนาคต เรียกเขาว่าเอ้อโกวจื่อคงไม่ดีนัก เขาพูด “เอ้อโกวจื่อ จากนี้ไปเจ้าเป็นคนที่มีสถานะแล้วนะ เอางี้ ข้าจะเรียกชื่อเจ้าจากนี้ไป หลี่เตี๋ยซู่ข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าเอ้อโกวจื่ออีกต่อไป”
เตี๋ยซู่หัวเราะ “ตกลง เอาที่พี่หยางสบายใจเลย พี่จะเรียกข้าว่าอะไรก็ได้ พี่หยางดีต่อข้าเหลือเกิน ตั้งแต่เด็กเอ้อโกวจื่อติดตามลู่หยางมาตลอด ตั้งแต่ที่พวกเขาเป็นคนธรรมดาไปล่าสัตว์ในหุบเขา จนกระทั่งตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกอสูรแล้ว เขาก็ยังตามลู่หยางอยู่ แต่เขาชอบมันแบบนี้แหละ
ลู่หยางตบบ่าเตี๋ยซู่ “ตอนนี้มีเพียงเจ้าที่ยังเห็นข้าเป็นพี่ พวกชาวบ้านต่างหลบหน้าข้าเมื่อพวกมันเห็นข้า มีเพียงแค่เจ้าไม่รังเกียจข้า”
พวกมันไม่มีวิสัยทัศน์ เพียงแค่หลี่ซิ่วพวกมันก็ลืมความช่วยเหลือที่พี่หยางให้กับมันในอดีตแล้ว ข้าจะไปกับพี่หยางและโจมตีเมืองฉิงเหอ ทำให้เจ้าแก่นั่นรู้ว่าพวกเราพี่น้องไม่ใช่จะรังแกได้ง่ายๆ!”
สองพี่น้องรำลึกความหลังตอนดึกดื่น หลี่เตี๋ยซู่เริ่มฝึกวิชาใต้การชี้แนะของลู่หยาง ทว่าเขาไม่มีระบบฝึกอสูร เขาไม่สามารถเป็นเช่นลู่หยางได้ที่สามารถเรียนรู้ทุกวิชาเพียงแค่กวาดตามองพวกมัน สำหรับเขาเขาต้องอ่านวิชาพวกนี้คำต่อคำและทำความเข้าใจปริศนาของวิชาทีละน้อยเพื่อสำเร็จวิชาฝึกอสูร
ทั้งสองฝึกวิชากันทั้งคืนและเมื่อรุ่งสางหลี่เตี๋ยซู่เริ่มเข้าใจวิชาควบคุมอสูรได้
“เร็วเข้าลุกขึ้น เลิกนอนได้แล้ว เรามีธุระต้องทำวันนี้นะ!”
หลี่เตี๋ยซู่ขยี้ตาและถาม “พี่หยาง ท่านให้ข้านอนหน่อยไม่ได้หรือ”
ลู่หยางกล่าวอย่างไม่พอใจ “ไม่ได้ ข้าต้องทำงานให้เจ้าเสร็จก่อนที่จะให้เจ้าพักได้ มากับข้าเดี๋ยวนี้!”
วันนี้ลู่หยางไม่ได้เข้าห้องฝึกวิชาจารึก แต่ไปที่ตำหนักชั้นสองที่หอแลกเปลี่ยน ของทั้งหมดในนี้เกี่ยวกับผู้ฝึกอสูร
และที่นี่หรูหรากว่าชั้นหนึ่งอีก มันมีสิ่งแปลกประหลาดในกรง และอสูรดุร้าย มันดูคล้ายคลึงกับลานหมื่นอสูร แต่อสูรเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับพนันแต่เพื่อขาย อสูรทุกตนมีราคาชัดเจนและโดยเสนอราคาสูงเท่านั้นที่พวกเขาจะซื้อพวกมันไปได้