ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 44
SB:ตอนที่ 44 หุบเขาเมฆาร่วงหล่น
“ที่นี่ที่ไหนกัน!” ลู่หยางตื่นขึ้นและร้องออกมาไม่รู้ตัว
เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเล็กๆอุ่นๆ และดูเหมือนว่าอยู่ในห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ถึงแม้จะไม่มีเครื่องแต่งห้องมากนักแต่ห้องนี้ดูหรูหรากว่ามากเมื่อเทียบกับห้องเล็กๆของเขาเอง
“ที่นี่ที่ไหน? ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่?” ลู่หยางลูบศรีษะแล้วเริ่มคิดย้อนหลังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
เขาจำได้แค่ว่าดูเหมือนเขาเกือบจะส่งสารลับให้หลออู๋ซวง แล้วก็สู้กับพวกปีศาจอยู่พักใหญ่แล้วสุดท้ายพวกมันก็ตีเขาพ่ายไป
หลังจากนั้น เขาไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย
“นี่เป็นความฝันอีกรึเปล่า? หรือมีใครช่วยข้าไว้?” ลู่หยางครุ่นคิดสงสัย
ถ้าเขาปะทะกับปีศาจแล้วพ่ายแพ้ เขาต้องถูกมันจับไว้แล้ว แต่ห้องที่ดูหรูหราแบบนี้ไม่ควรจะเชื่อมโยงกับปีศาจที่น่าเกลียดได้
จังหวะนี้เอง ประตูห้องก็เปิดออก ลู่หยางเห็นเด็กสาวแรกรุ่นคนหนึ่งถือถาดอยู่ เขารีบเอามือกอดอก แล้วร้องถามออกไป
“ท่านเป็นใครน่ะ?”
ปรากฏว่า เมื่อลู่หยางตื่นขึ้น เขาพบว่าตัวเองนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง เขาเพิ่งตื่นจากความงุนงงและได้เลิกผ้าห่มขึ้นแล้ว แต่เด็กสาวคนนี้จู่จู่ก็เข้ามา เขายังไม่ทันได้ลุกขึ้นแต่งตัวเลย ทำได้แค่เอามือปิดหน้าอกไว้ หน้าเขาตอนนี้แดงระเรื่อราวกับเด็กสาวขี้อาย
เมื่อเห็นท่าทางของลู่หยางแล้ว เด็กสาวก็อดขำไม่ได้ นางพูดด้วยเสียงราวกระดิ่งสั่นว่า
“ท่านอย่าตกอกตกใจไปเลย ท่านนอนหมดสติไปสามวันสามคืน เสื้อผ้าของท่าน สาวใช้คนนี้เป็นคนถอดออกให้เอง เพื่อที่จะเอาไปซักให้ นายน้อย ร่างกายของท่าน สาวใช้คนนี้เห็นหมดทุกส่วนแล้ว”
“ห๊า!? เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ลู่หยางตกตะลึงจนพูดไม่ออก เด็กสาวที่เขาไม่เคยรู้จักเห็นเนื้อหนังมังสาเขาหมดทุกซอกทุกมุม เขาจะออกไปพบหน้าผู้คนในภายภาคหน้าได้อย่างไร ‘ถ้าความจริงตอนนี้เขาใส่กางเกงอยู่ เขาต้องกระโดดลุกขึ้นจากเตียงเป็นแน่ นางพูดต่อว่า “ถ้านายน้อยรู้สึกอาย สาวใช้คนนี้จะคอยอยู่ที่ประตู ถ้านายน้อยแต่งตัวและกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว สาวใช้คนนี้มีบางอย่างจะบอกกับท่าน”
พอพูดจบนางก็ปิดประตูออกจากห้องไป หลังจากที่ดูให้แน่ใจแล้วว่าประตูห้องปิดแน่นหนาแล้ว ลู่หยางยกผ้าห่มคลุมตัวเองแล้วแอบดูเพียงเพื่อจะตระหนักว่าตัวเขาเองเปลือยจริงๆ
เขานึกขึ้นได้ทันทีว่าเด็กสาวคนนั้นพูดอะไร นางเป็นคนถอดเสื้อผ้าออกให้เขา ใบหน้านางแดงขึ้นมาขณะที่อธิบายให้เขาฟัง “เด็กผู้หญิงเป็นอย่างนี้ได้ยังไง แม้ถ้าอยากช่วยซักเสื้อผ้าให้!” “อย่างน้อยก็เขียนบอกข้าหน่อยเหลือกางเกงในไว้ให้ข้า! มาถอดเสื้อผ้าข้าออกเช่นนั้น” “เรื่องที่…. แม่นาง ข้าขอถามอะไรหน่อย?” ลู่หยางถามนุ่มนวล ถึงแม้จะมีประตูกั้นอยู่ ลู่หยางก็ยังรู้สึกอาย
เสียงสดใสดังมาจากนอกประตู “นายน้อย ท่านแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ?”
“ยัง… เรื่องนั้น ข้าแค่อยากถามว่า ท่านเอาเสื้อผ้าของข้าไปไว้ที่ไหน?”
เด็กสาวหัวเราะคิกคักแล้วบอกว่า “นายน้อย เสื้อผ้าของท่านอยู่บนชั้นข้างๆท่านนั่นไง ท่านไม่เห็นรึ?”
ลู่หยางอายจนมึนตึ๊บ ของอยู่ตรงนั้นเขามองไม่เห็นจริงๆ เขาตอบกลับไปแล้วรีบแต่งตัว หลังจากนั้นเขานั่งลงที่โต๊ะแล้วเริ่มสวาปามมื้อเช้าของเขา
เขาพูดลังเล “เอาล่ะ ข้าเสร็จแล้ว เจ้าเข้ามาได้แล้ว”
“นายน้อย รีบเข้า แล้วก็กินซะ นายท่านบอกให้ไปพบท่านหลังจากที่ท่านกินสร็จ นายท่านกำลังรอพบนายน้อยอยู่ที่ห้องโถงใหญ่” เด็กสาวพูดขณะเดินเข้ามา
ลู่หยางกำลังเคี้ยวอยู่ เขาถามฟังไม่ค่อยชัดว่า “แม่นาง เรื่องไปพบนายท่านของเจ้านั่นน่ะเอาไว้ก่อน ตอนนี้เจ้าจะบอกข้าได้มั้ยว่าข้าอยู่ที่ไหนและทำไมข้าถึงอยู่ที่นี่?” ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น สีหน้าของเขาเข้มขึ้นทันที เขาพูดต่อ แว่วๆว่า “แล้วก็ เจ้าเป็นใคร แม่นาง ทำไมต้องมาดูแลข้ามากมายอย่างนี้? แม้แต่เรื่องซักเสื้อ……”
จริงๆแล้วลู่หยางอยากถามว่าทำไมเด็กสาววัยรุ่นๆเช่นนี้ถึงมาช่วยถอดเสื้อผ้าให้เขา เป็นเพราะเขายังอายเกินกว่าที่จะถามออกมาเสียงดังๆ เขาจึงถามด้วยท่าทางที่สุภาพ
เด็กสาวขำอีกและตอบว่า “นายน้อย นายท่านของเราช่วยท่านไว้จากถนนเมื่อสามวันก่อน สำหรับคนรับใช้ แต่แรกข้ารับใช้คุณหนู แต่ตอนนี้ข้าถูกไหว้วานให้รับใช้ท่าน แน่ล่ะ ข้าก็ต้องรับผิดชอบเสื้อผ้าของท่านด้วยสิ”
“ท่านหมดสติไปสามวัน แล้วท่านก็มีบาดแผลด้วย มันสกปรกไปหมด ดังนั้น สาวใช้คนนี้เลยถือวิสาสะซักเสื้อผ้าของนายน้อย”
ลู่หยางหัวเราะขมขื่น มีคนมาช่วยเขาไว้จริงๆ ได้ฟังเด็กสาวพูดแล้เขาเริ่มคิดได้ว่าเขาเดินทางเกือบจะถึงบ้านสกุลหลอแล้ว และแถวนั้นก็ไม่มีบ้านสกุลใหญ่อื่นๆ
เขาถามขึ้น “งั้น นี่คือบ้านสกุลหลอรึ?”
เด็กสาวพยักหน้าและบอกว่า “นายน้อย ท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเซียงหยาง ใช่มั้ย สถนที่นี้คือบ้านสกุลหลอ หนึ่งในสามตระกูลใหญ่”
“ถ้าอย่างนั้น คุณหนูที่เจ้าเอ่ยถึงทีแรก ใช่แม่นางอู๋ซวงมั้ย?”
“ใช่แล้ว มีแค่คุณหนูคนเดียวในตระกูลหลอ”
“แล้วตอนนี้คุณหนูของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
เด็กสาวแปลกใจ ถามขึ้นว่า “นายน้อย ทำไมท่านถึงตามหาคุณหนูของเรา?”
ลู่หยางไม่คาดคิดมาก่อนว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ เขาจะมาบ้านสกุลหลอมาพบแม่นางอู๋ซวง แล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบ เขาไม่ต้องแบกภาระอะไรอีก
ลู่หยางปรับสีหน้ามาจริงจังขึ้น พูดว่า “รีบบอกข้ามา ข้ามีธุระเร่งด่วนกับคุณหนูของเจ้า!”
เด็กสาวกลอกตามองลู่หยาง แล้วพูดเหยียดๆ “ทีแรกข้านึกว่านายน้อยเป็นสุภาพบุรุษ ข้าไม่คิดว่าท่านจะปรารถนาความงามของคุณหนูของเราด้วย แต่ช่างเถอะมีคนตั้งมากมายติดสอยห้อยตามคุณหนูของเราไปทั่วทั้งเซียงหยางแต่ไม่มีใครอยู่ในสายตาของคุณหนูเลย แม้ถ้านายน้อยได้เจอคุณหนู มันก็ไม่มีโอกาสหรอก นายน้อยเลิกล้มความตั้งใจซะเถอะ”
ลู่หยางนึกเคืองขึ้นมา “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”
“ข้าไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่ได้ตามหาคุณหนูของเจ้าเพื่อจะชื่นชมความงามของนาง ข้ามีเรื่องด่วนจะสนทนากับนางจริงๆ!”แม้ลู่หยางจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะอธิบายให้ฟัง เด็กสาวก็ยังคงมองเขาแปลกๆ
ลู่หยางคลำไปรอบๆหน้าอกของเขาแล้วหยิบเอาสารฉบับหนึ่งออกมาวางลงตรงหน้าเด็กสาวพร้อมกับพูดเคร่งขรืมว่า มีคนผู้หนึ่งให้สารฉบับนี้กับข้า และไหว้วานข้าให้ส่งมอบให้กับแม่นางอู๋ซวง เห็นมั้ย เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด แค่บอกข้ามาว่าแม่นางอู๋ซวงอยู่ที่ไหน
“เอาละ ข้าจะลองเชื่อเรื่องไร้สาระของท่านดู แต่ตอนนี้คุณหนูไม่ได้อยู่ที่บ้าน ดังนั้น ท่านรีบกินดีกว่าข้ายังต้องพาท่านไปพบนายท่านอีก!”
“ตกลง “เขาพูดน้ำเสียงผิดหวัง แม่นางอู๋ซวงไม่ได้อยู่ที่บ้านสกุลหลอ ดูเหมือนว่าภารกิจของเขาจะไม่เสร็จในเวลาอันสั้นนี้
ลู่หยางเคยได้ยินบางตำนานเล่าว่าบรรพบุรุษของตระกูลหลอมีพลังที่แปลกพิสดาร และเป็นถึงผู้คุมอสูรระดับสูง ถือได้ว่าเป็นผู้กล้าหมายเลขหนึ่งของเมืองเซียงหยาง แม้จะไม่มีเรื่องของสารลับฉบับนั้น ลู่หยางก็จะต้องหาโอกาสมาสัมผัสให้ได้ แต่เวลานี้เหมาะแล้ว ลู่หยางรีบกินอาหารเช้าให้เสร็จ แล้วตามเด็กสาวไปที่ห้องโถง ลู่หยางรู้ตอนนั้นว่าเด็กสาวนี้ชื่อชุนเซียง ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นสาวใช้ส่วนตัวของหลออู๋ซวง
“น้องชาย ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว เป็นยังไงล่ะ ที่บ้านหลอนี่สุขสบายดีมั้ย?” ขณะที่ลู่หยางเดินเข้ามา มีเสียงดังทักมาจากห้องโถง
ฟังจากน้ำเสียง ลู่หยางเดาได้เลยว่าคนผู้นี้เป็นผู้กล้าหมายเลขหนึ่งของเซียงหยาง หลอหยุนชาน
เมื่อเข้ามาในห้องโถงแล้ว เขาเห็นชายชราผมขาวมีเครานั่งอยู่ที่มุมสูงของห้องโถง แม้จะดูชราแต่ใบหน้ายังคงดูกระปรี้กระเปร่าและรูปร่างก็กำยำไปด้วยกล้ามเนื้อ เว้นแต่ที่ศรีษะซึ่งมีผมขาวโพลน เขาดูเหมือนสิงโตหนุ่มมากกว่าชายชราในวัยไม้ใกล้ฝั่งอย่างนี้
“ข้าน้อยคาราวะท่านผู้อาวุโสหลอ ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้า!” ลู่หยางทักทายหลอหยุนชานอย่างนอบน้อม
หลอหยุนชานโน้มตัวลง มองลงมาจากโถงใหญ่ เขาถามลู่หยางว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าช่วยเจ้า งั้นเจ้าก็ควรจะรู้ว่าใครต้องการฆ่าเจ้า!”
ลู่หยางขมวดคิ้ว ตอบว่า “ถ้าข้าพูด ท่านผู้อาวุโสอาจไม่เชื่อข้า แต่พวกนั้นมันไม่ใช่คน!”
หลอหยุนชานตาเป็นประกายขึ้นมา แล้วตวาดว่า “ไร้สาระ! ถ้าไม่ใช่มนุษย์ แล้วจะเป็นอะไรได้!”
“พวกมันเป็นปีศาจมาจากขุมนรก!” ลู่หยางพูด ไม่มีทีท่าประจบหรือหยิ่งยโส สายตาเขาจ้องประสานกับหลอหยุนชาน
ขณะที่ลู่หยางกำลังคิดว่าชายชราผู้นี้ไม่เชื่อเขาและเขาจะพูดอะไรต่อดีนั้น สีหน้าของหลอหยุนชานเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าเขายิ้มแย้ม แม้ท่าทีและน้ำเสียงก็เปลี่ยนมาเป็นมิตรขึ้น “เจ้านี่ไม่ได้โง่ เจ้ารู้จริงๆว่าที่เจ้าต่อกรด้วยนั้นคือปีศาจอเวจี
ตอนนี้เจ้าก็รู้หมดทุกอย่าง เรื่องมันก็ง่ายขึ้นมาก ข้าไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้เจ้าฟังดังนั้น แค่บอกข้ามา เจ้าไปทำอะไรให้พวกปีศาจอเวจีโกรธเข้าล่ะ”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนั้นมาตามหาข้าได้ยังไง ท่านผู้อาวุโส ท่านต้องการให้ข้าบอกอะไรท่าน?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลอหยุนชานโกรธขึ้นมา เสียงเขาดังก้องราวฟ้าคำราม ”เจ้าเด็กเหลือขอ! เจ้ารู้แม้กระทั่งพวกมันเป็นปีศาจ บอกข้ามาว่าเจ้าไม่รู้เรื่องราวอะไร เจ้ากำลังล้อชายแก่เล่นแล้ว”
ลู่หยางแบบมือทั้งสองข้างออกพร้อมกับพูดว่า “พวกมันบอกข้าเองว่าพวกมันเป็นปีศาจมาจากอเวจี และดูจากยุทธวิธีของมัน พวกมันไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ข้าก็เลยเชื่อพวกมัน”
เมื่อพวกมันกำลังสู้กับลู่หยาง พวกมันบอกว่ามันเป็นปีศาจอเวจี ยิ่งไปกว่านั้น ลู่หยางไม่อาจบอกความจริงกับหลอหยุนชานได้ เขาไม่สามารถเล่าเรื่องทั้งหมดของเขา เรื่องระบบควบคุมอสูร แค่เขาไม่ได้โกหก ถูกมั้ย?
ลู่หยางพูดต่อ “ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่เห็นว่าตอนนั้นยุทธวิธีที่พวกมันใช้น่ากลัวยังไง ไม่เพียงแต่ความสามารถเฉพาะตัวของพวกมันจะทำให้เกิดผีเป็นร้อยๆตัวร้องคร่ำครวญและโหยหวนราวกับหมาป่า พวกมันยังสามารถกลายร่างเป็นหมอกควันสีดำด้วย ข้าไม่สามารถโจมตี…..”
หลอหยุนชานมีสีหน้าเข้มขึ้น เขาแอบด่าอยู่ในใจ “เจ้าเด็กเหลือขอนี่คิดว่าข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยรึไง? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ได้สู้กับปีศาจสองตัวนั้นแล้วเจ้าจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”