โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 217
RC:บทที่ 217 ซื้อรถเป็นเหตุ
“ติ๊ง พบร่างของงูหลามหินยักษ์ ในตัวของมันมีเลือดของมังกรหินยักษ์ระดับ S อยู่ ขอแนะนำให้สกัดออกมา” เสียงตอบรับอัตโนมัติดังขึ้นมาจากในมือถือ
“สกัดเลย” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ติ๊ง กำลังสกัด ติ๊ง สกัดสำเร็จแล้ว” ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของงูหลามมังกรหินยักษ์ก็เข้าไปในมือถือก่อนจะไหลเข้าไปในวงวนสีดำ
จากนั้นหลิน เฟิงก็จับตาดูต่อไป ระดับเลือดของสัตว์วิญญาณของคนอื่นๆนั้นมีระดับต่ำมาก เป็นแค่ระดับ C และระดับ B หลิน เฟิงจึงไม่ได้นึกสนใจพวกมันอีก
ในตอนท้าย หลิน เฟิงชี้มือถือไปยังสัตว์คู่ใจของตงฟางเซียง เสือสายฟ้านั่นเอง
“ติ๊ง พบร่างของเสือสายฟ้า ในตัวของมันมีเลือดของเสือศักดิ์สิทธิ์คังเล่ย อยู่ในระดับ SS ขอแนะนำให้สกัดออกมาเป็นอย่างยิ่ง” น้ำเสียงที่ดังออกมาจากในมือถือนั้นดูเร่งรีบ เหมือนคนที่กำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง
ยิ่งหลิน เฟิงเห็นหลุมวนสีดำลึกลับบ่อยครั้งเข้า เขาก็ยิ่งพบว่าหลุมวนดำดังกล่าวนั้นก็ยิ่งมีอารมณ์ซับซ้อนขึ้นซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนเด็ก ที่โตขึ้นอย่างช้าๆและก่อร่างความรู้สึกนึกคิดที่เป็นของตนเองขึ้นมา
เมื่อก่อนนั้น หลุมวนดำดังกล่าวจะส่งมาแค่เสียงตอบรับอัตโนมัติเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับเป็นเสียงที่มีอารมณ์นึกคิดซึ่งทำให้หลิน เฟิงคิดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เลือดระดับ SS งั้นหรือ เสือศักดิ์สิทธิ์คังเล่ยด้วย สกัดเลยสิ” หลิน เฟิงกล่าวอย่างพอใจ
ทีนทีที่สิ้นเสียงของหลิน เฟิง แสงจางๆก็ปรากฏขึ้นบนร่างของเสือสายฟ้า และในที่สุดก็เข้ามารวมกัน ไหลเข้าไปในมือถือของหลิน เฟิง
ในมือถือ หลิน เฟิงเห็นหลอดน้ำยาสองหลอดที่อยู่ตรงกลางของหลุมดำ หลอดน้ำยาสองหลอดนั้น อันหนึ่งเป็นของมังกรหินยักษ์ ส่วนอีกอันเป็นของเสือศักดิ์สิทธิ์คังเล่ย
หลังจากมองน้ำยาที่อยู่ข้างใน หลิน เฟิงก็ไม่คิดที่จะหยุดอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้อีกต่อไป หลังจากพักผ่อนกัน เขาจึงพาหวัง หานและจื้อเฉิงเข้าไปในเมือง เพราะทั้งสามคนนั้นต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไปโรงพยาบาลน่าจะดีกว่า
ร่างกายของหลิน เฟิงนั้นแข็งแรงกว่ามาก เพราะเคยใช้ของที่เปี่ยมไปด้วยพลังมามากกว่า นอกจากนี้ ครั้งล่าสุดที่ท่านผู้เฒ่าไป๋พันแผลให้เขาด้วยยาวิเศษที่มีกลิ่นแปลกๆ จากนั้นร่างกายของเขาก็มีพละกำลังมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีสิ่งใดทำอะไรหลิน เฟิงได้ แต่ตอนนี้เขาต้องพาหวัง หานและจื้อเฉิงไปดูอาการก่อน
หลังจากกลับเข้ามาในเมืองแล้วนั้น หวัง ฮ่าวหมิงและเติ้ง เทียนฝูก็ออกมาหลังจากที่พวกหลิน เฟิงมาถึงประตูของร้านอาหารมิตรภาพของหวัง ฮ่าวหมิง พวกเขาต่างตกใจที่เห็นแผลมากมายบนร่างหลิน เฟิง
หลังจากที่เข้าไปข้างใน หลิน เฟิงจึงเล่าให้พวกเขาฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“ว่าไงนะ นายฆ่าตงฟาง เซียงงั้นหรือ แล้วก็ผู้มีพลังระดับ A นั่นด้วย” พวกเขารู้สึกตกใจมากและไม่นึกเชื่อ
ตงฟาง เซียงนั้นเป็นถึงสมาชิกต้นกล้าของตระกูลตงฟางแห่งตระกูลทั้งสิบ แล้วทำไมคนเก่งๆแบบนั้นจึงถูกฆ่าได้อย่างง่ายดายกันนะ
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นก็คือว่าหลิน เฟิงยังบอกว่าเขาเป็นคนลงมือฆ่าตงฟาง เย่วจิงอีกด้วย คนที่มีพลังระดับ A คนนั้นซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีก พวกเขามีพลังมากอย่างคาดไม่ถึงที่สามารถสังหารแม้กระทั่งผู้มีพลังระดับ A ได้
“ตอนนี้ นายไม่ต้องห่วงเรื่องที่ตระกูลตงฟางจะออกตามหาหรอกนะ เพราะนายไม่ได้ปล่อยให้ใครรอดไปเลย ดังนั้น อย่างน้อยก็สักเดือนสองเดือนต่อมานั่นล่ะกว่าที่ตระกูลตงฟางจะเริ่มเคลื่อนไหว” เติ้ง เทียนฝูคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ ในตระกูลมีคนเป็นหมื่นกว่าคน สมาชิกต้นกล้ามีแค่ร้อยคน การหาใครสักคนสองคนที่หายไปนับเป็นเรื่องยากไปสักพักล่ะ ในตอนนี้ เราจำเป็นต้องปรับปรุงทักษะของเราเพื่อเตรียมพร้อมจะเผชิญกับพวกเขาในอนาคต” หวัง ฮ่าวหมิงปลอบใจ
“อาฮะ งั้น ผมขอความช่วยเหลือจากพี่ทั้งสองคนให้ช่วยผมจัดการเรื่องโรงพยาบาลของหวัง หานและจื้อเฉิงด้วยสิครับ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ไม่มีปัญหา…”
เพียงพริบตาเดียว สามวันต่อมา หลิน เฟิง หวัง หานและจื้อเฉิงต่างก็มาปรากฏตัวที่ประตูของร้านมิตรภาพ
ในตอนนี้ ทั้งสามคนต่างทยอยขับรถยนต์ที่พวกเขาเพิ่งซื้อมากลับบ้านในเวลาไม่นาน
เมื่อมาถึงที่หมู่บ้าน พวกชาวบ้านต่างก็นึกอิจฉารถคันใหม่ที่พวกเขาซื้อมา
ต้องขอบคุณคำแนะนำจากหลิน เฟิง หวัง หานและจื้อเฉิงจึงไม่ได้โอ้อวดอะไรมากนัก ไม่อย่างงั้นล่ะก็ ในทุกๆวันพวกเขาคงไม่สามารถออกมาพ้นหน้าบ้านได้แน่ๆ
เมื่อหวังซื่อเห็นว่าหวัง หานและจื้อเฉิงต่างมีรถ เขาก็นึกอิจฉาและอยากจะขอให้หลิน เฟิงซื้อให้เขาสักคันในวันหนึ่ง
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ร้าน 4S ก็บอกมาว่าขั้นตอนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วและขอให้หลิน เฟิงมารับมัน และมาขับรถคันสุดท้ายออกไปด้วย หลิน เฟิงจึงโทรให้หวัง ซื่อไปขับรถคันนั้นกลับมา และนำขั้นตอนต่างๆมาด้วย
ในตอนนี้ ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้เรื่องที่หวัง หาน หวัง ซื่อและจื้อเฉิงนั้นมีรถยนต์คันเป็นล้าน พวกเขาต่างรู้สึกอิจฉา
“รู้งี้ฉันน่าจะไปทำงานกับพี่เฟิงดีกว่า ไม่งั้นตอนนี้ฉันอาจจะมีรถคันเป็นล้านไปแล้ว” บางคนก็เริ่มรู้สึกเสียดาย เมื่อตอนที่หลิน เฟิงประกาศรับสมัครคนที่ประตูหมู่บ้าน คนหลายคนก็บอกว่าไม่อยากทำ มีเพียงแค่หวัง หานกับหวัง ซื่อเท่านั้นที่ไปสมัคร
“อย่าฝันไปเลยน่า เสียใจตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานกับพี่เฟิง แล้วดูว่าเขาจะรับฉันเข้าทำงานไหม ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาก็กำลังทำงานให้กับพี่เฟิงอยู่ตอนนี้ แถมเงินเดือนก็ห้าหรือหกพันกว่านี่ล่ะ” ชายคนหนึ่งในหมู่บ้านลั่ว หยางกล่าวขึ้น
“ห้าหรือหกพันงั้นหรอ พระเจ้าช่วย ฉันขนอิฐขนปูนเป็นสามพันชิ้นทุกๆวัน แต่เงินเดือนพวกนั้นยังมากกว่าฉันเป็นสองเท่าเสียอีก ไม่ได้ละ ฉันจะออกจากงานแล้วไปทำงานกับพี่เฟิง” คนอื่นๆว่าขึ้นบ้าง
“ฮ่าๆ พวกนายใจเย็นเกินไปแล้ว ฉันน่ะจะไปเลย เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้คนก็เต็มพอดี แล้วใครจะต้องการพวกนายอีกล่ะ” เมื่อกล่าวออกไปแบบนั้น จู่ๆ ชายคนดังกล่าวจึงวิ่งไปยังบ้านของหลิน เฟิงในทันที
“เอ้อ จริงด้วย ที่เขาพูดก็มีเหตุผล รอฉันด้วยสิ ไปด้วย…” สักพัก คนหนุ่มสาวหลายคนในหมู่บ้านต่างก็วิ่งไปยังบ้านของหลิน เฟิง
มีมากกว่า 200 ครอบครัวในหมู่บ้าน โดยแต่ละครอบครัวนั้นจะมีคนหนุ่มสาวหนึ่งหรือสองคน ในตอนนี้ มีอย่างน้อยหนึ่งในสามของพวกเขาที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้านของหลิน เฟิง เมื่อหลิน เฟิงเห็นว่าบ้านของตนมีคนมายืนออกันเต็มไปหมด เขาก็รู้สึกงุนงง
เมื่อรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร หลิน เฟิงก็ถึงกับตะลึงไป เพราะคาดไม่ถึงว่าการซื้อรถมาแค่สองสามคันจะก่อให้เกิดเรื่องวุ่นแบบนี้
แต่โอกาสนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหลิน เฟิงหรือไง คนพวกนี้ หลิน เฟิงรู้จักไม่มากก็น้อย คนพวกนี้เป็นคนง่ายๆ ตราบใดที่พวกเขามีเงิน จะต้องทำงานหนักซึ่งเป็นกองกำลังแรงงานที่จำเป็นก็ย่อมได้
ในที่สุด หลิน เฟิงจึงให้หวัง หานจัดการเรื่องการรับสมัครคน แต่ในตอนนี้กลับไม่ได้มีงานอะไรให้ทำมากมายนัก ดังนั้นพวกเขาจึงจัดให้พวกเขาไปรออยู่ที่บ้านสักพัก แล้วหลังจากนั้นก็จะจัดการเรื่องงานให้กับพวกเขาแต่ละคน
คนพวกนี้ต่างรับฟังด้วยความตื่นเต้น สุดท้ายก็กลับมาจากบ้านหลิน เฟิงอย่างมีความสุข
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวเหมือนโกหก บางคนก็ได้งานแล้ว แต่บางคนก็ยังไม่ได้ แต่ทว่างานพวกนี้ หลิน เฟิงไม่ได้เป็นคนจัดการเพราะเขามอบส่วนนี้ให้หวัง หานเป็นคนทำ
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทหลิน ก็ได้รับการจัดตั้งขึ้น ทุกอย่างพัฒนาไปอย่างรวดเร็วตามที่คาดไว้ ด้วยความช่วยเหลือจากหวัง ฮ่าวหมิงและเติ้ง เทียนฝู กลุ่มก็เลยเข้าที่เข้าทางได้ในไม่ช้า
หวัง ฮ่าวหมิงและเติ้ง เทียนฝูนั้นมีเส้นสายที่ดีและกำลังทางเศรษฐกิจในโลกของธุรกิจ นอกจากนี้ ของๆหลิน เฟิงนั้นไม่เหมือนใคร ทันทีที่ของๆเขาปรากฏตัวออกไป โลกของธุรกิจก็ถึงกับปั่นป่วน นอกจากนี้ ยังได้แรงสนับสนุนเต็มกำลังจากเจียง เสี่ยวไป๋ในด้านอุตสาหกรรมไวน์อีกด้วย นับว่าธุรกิจของหลิน เฟิงนั้นกำลังระอุเลยทีเดียว
แค่หนึ่งสัปดาห์ ผลกำไรของกลุ่มที่ได้นั้นเป็นตัวเลขจำนวนมหาศาลอย่างที่หลิน เฟิงไม่เคยนึกฝันมาก่อน
จนอีกวันผ่านไป นับว่าเป็นวันที่พิเศษจริงๆ