โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 191
RC:บทที่ 191 หายตัวไป
แม้หวัง หานจะไม่รู้ว่าอะไรหลายๆอย่างจู่ๆก็โผล่ออกมาได้อย่างไร แต่ที่เขารู้ก็คือว่าตามน้ำไปน่าจะดีกว่า ไม่อย่างงั้นแล้ว ถ้ามีอีกสักตัวสองตัวโผล่ออกมาอีกล่ะก็ เขาคงจะจิตตกมากกว่านี้แน่ๆ
ด้วยเหตุนั้น หวัง หานจึงรีบตามหลิน เฟิงไปพร้อมกับจื้อเฉิงที่เดินตามมา
“ทุกคน ล้อมเจ้านี่ไว้” หลิน เฟิงว่าขึ้นขณะที่กำลังไล่ตาม
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร สิ่งที่เห็นนี้เป็นเพียงแค่ต้นไม้ที่มีกิ่งก้านมากมาย มีลำต้นสีม่วง บนต้นนั้นมีหนามขึ้นเต็มไปหมด
“โฮก” เสี่ยว เฮยเห่าคำราม ก่อนจะวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากวิวัฒนาการเป็นสัตว์วิญญาณระดับกลางสุนัขนรกสองหัวแล้วนั้น พลังการต่อสู้ของเสี่ยวเฮยก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่ว่าจะเป็นพลังความเร็วหรือการโจมตี พูดได้เลยว่าเป็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดดสุดๆ และคราวนี้ล่ะก็ถึงเวลาที่จะได้แสดงความสามารถของมันออกมาแล้ว จะให้เขาพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้อย่างไร
เสี่ยว เฮยวิ่งอยู่บนพื้น ในขณะที่มังกรดำ มังกรแสงและราชาหมาป่าขาวนั้นล้วนมีปีกบินไปบนฟ้าได้รวดเร็วกว่าเสี่ยวเฮย
ส่วนหลิน เฟิงนั้นใช้วิชาย่ำเงาพร้อมกับทิ้งโครงเงาร่างลางๆ แต่ทว่าความเร็วของเถาวัลย์นั้นมีมากกว่า ก่อนจะหายไปในพริบตาเดียว
“ล่าต่อไป มังกรดำ มังกรแสง บินให้สูงขึ้นอีก ดูมันไว้” ในตอนนี้ หลิน เฟิงไม่เห็นเถาวัลย์ประหลาดๆนั่นแล้ว คงต้องพึ่งมังกรดำกับมังกรแสงที่อยู่บนท้องฟ้าในการมองหามันเสียแล้ว
“นายท่าน ข้าเห็นแล้ว อยู่ตรงหน้าข้านี่ แต่มันเร็วสุดๆไปเลย จนจะพ้นสายตาข้าแล้ว” มังกรดำว่าขึ้น
ไม่กี่วินาทีต่อมา เถาวัลย์ลึกลับนั้นก็หายไป แม้แต่มังกรดำเองก็ไม่เห็นแล้ว
“นายท่าน ข้าไม่เห็นมันแล้ว เถาวัลย์ง่วงนั้นหายไปแล้วล่ะมั้ง” มังกรดำบินวนไปมาบนท้องฟ้า
“หายไปงั้นหรือ แล้วสัตว์ตัวอื่นๆล่ะ พวกนายเห็นบ้างไหม” หลิน เฟิงถามขึ้น
“ไม่เลย นายท่าน” มังกรแสงเองก็ไม่เห็นอะไรเลย
“เสี่ยวเฟิง ข้าเองก็ไม่เห็น” หมาป่าขาวว่าขึ้นบ้าง
หลิน เฟิงเองก็คาดไม่ถึงว่าเถาวัลย์ลึกลับนี้จะหายวับไปจากสายตาได้ไวขนาดนี้ ช่างน่าพิศวงสุดๆ
“นี่ ดูที่พื้นสิ มีร่องรอยของเถาวัลย์เคลื่อนไหวอยู่นะ”
เขามองจากซ้ายไปขวา ขึ้นและลงจนเห็นร่องรอยที่ว่าบนพื้น
ถึงจะไม่ได้ชัดนัก แต่ก็ยังเห็นได้อยู่ ทั้งนี้ยังมีขนไก่หล่นอยู่ไม่กี่เส้นด้วย
“ตามฉันมา ทางนี้” หลิน เฟิงตามรอยบนพื้นไปอีกทางหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเพียงครู่ ร่องรอยที่ว่าก็หายไป
“เอ๊ะ มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่ รอยพวกนี้หายไปงั้นหรือ” หลิน เฟิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้ามองบริเวณโดยรอบ นี่มันที่ที่หลิน เฟิงนำต้นไม้แห่งจิตวิญญาณทั้งสามมาปลูกนี่นา
ที่นี่มีต้นไม้วิญญาณอยู่สามต้นซึ่งพูดได้ว่าอยู่ใจกลางหลังบ้านของหลิน เฟิงเพราะจิตวิญญาณที่นี่นั้นเป็นจิตวิญญาณที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด
ตอนนี้ ต้นไม้ทั้งสามก็รอดมาได้และโตมากแล้วด้วย ต้นที่ใหญ่ที่สุดนั้นออกผลแล้ว แต่ตอนนี้หลิน เฟิงกลับไม่เห็นซักผล
“เฮ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้ว่าครั้งล่าสุดนี่มันยังมีอยู่ลูกหนึ่งอยู่เลย แล้วผลไม้นั่นล่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้นดูพลางมองไปที่ราชาหมาป่า
ครั้งก่อน หลังจากที่พวกเขาลงต้นไม้นี้ให้กับหลิน เฟิงแล้วนั้น พวกเขาต่างก็ใช้น้ำยาเติบโตระดับกลางในการคืนชีพต้นไม้พวกนี้ ผลไม้สามลูกที่อยู่บนยอดดูโตได้ที่ รวมถึงลูกที่ราชาหมาป่าและหลิน เฟิงได้ไป และอีกลูกที่อยู่บนยอด
แต่ตอนนี้กลับไม่มีสักลูกซึ่งนี่ทำให้หลิน เฟิงแปลกใจมาก
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าเอาไปลูกหนึ่ง เจ้าก็ลูกหนึ่ง ก็ต้องเหลืออีกลูกหนึ่งสิ แต่นี่กลับหายไป ใครกันนะที่ขโมยไป” ราชาหมาป่าขาวว่าขึ้น จากนั้นจึงหันมองไปที่สัตว์ทั้งหกตัว
มีเพียงสามตัวเท่านั้นที่เป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำ ส่วนที่เหลืออีกสามล้วนแต่ยังเป็นครึ่งสัตว์วิญญาณเท่านั้น แต่หลังจากที่หลิน เฟิงป้อนน้ำยาวิวัฒนาการให้พวกมันแล้วนั้น พวกมันก็วิวัฒนาการเป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำหลังจากนอนหลับไปหนึ่งสัปดาห์
“ไม่ๆๆ ไม่ใช่พวกข้า” เขาเห็นว่ากลุ่มสัตว์พวกนั้นต่างส่ายหัวกันถ้วนหน้า
สัตว์พวกนี้นั้นเคยเป็นสัตว์ที่ดื้อด้านตอนที่มาที่นี่ในตอนแรกๆ แต่แล้วพวกมันก็ยอมศิโรราบหลังจากที่ราชาหมาป่าขาวเข้ามาดัดนิสัยพวกมัน
ไม่เพียงแต่อบรมเรื่องการไม่เคารพเท่านั้น แต่ยังถูกห้ามไม่ให้ไปกินองุ่นซึ่งเป็นของโปรดของพวกมันอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ สัตว์เล็กๆทั้งหกตัวจึงเชื่องเป็นอย่างมาก
“ไม่น่าใช่พวกเขาหรอก เพราะถ้าพวกเขากินเข้าไปจริงๆ ก็ต้องก้าวไปถึงสัตว์วิญญาณระดับกลางแล้วสิ แต่นี่ไม่มีเลย” หลิน เฟิงว่าพลางจ้องไปที่พวกมัน
“ก็ใช่ งั้นจะเป็นใครล่ะ ไม่ใช่พวกข้าแน่ แถมพวกหมาป่าของข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่พวกเขาไม่มีวันกินผลไม้นั่นโดยที่ข้าไม่อนุญาตแน่นอน” จ่าฝูงหมาป่าขาวพูดขึ้น
“ถ้างั้น เราค่อยมาคุยกันทีหลังเถอะ เราควรหาเถาวัลย์ลึกลับนั่นก่อน ร่องรอยของมันหายไปจากตรงนี้ ลมหายใจก็ด้วย ฉันว่ามันน่าจะอยู่แถวๆนี้ล่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นก่อนจะพิงต้นไม้
แต่ทว่าหลิน เฟิงเองก็เคยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ว่าต้นไม้ทั้งสามต้นนั้นเอามาปลูกที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้แล้ว
เพราะในใจของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องของเถาวัลย์ที่ว่านั่น
และหลิน เฟิงก็ไม่รู้ว่าต้นไม้ที่เขาพิงอยู่นั้นได้ปรากฏใบหน้าที่ด้านหลัง รวมถึงตาและปาก จมูกและคิ้วและอีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่หลิน เฟิงยืนพิงอยู่นั้น ต้นไม้ก็สั่นเล็กน้อย ใบหน้าดังกล่าวนั้นเผยให้เห็นถึงความรู้สึกกังวลใจ
“เฮ้อ เถาวัลย์นั่นก็ออกจะใหญ่โต จู่ๆมาหายไปแบบนี้ได้ยังไงกัน” หลิน เฟิงว่าขึ้นอย่างประหลาดใจ
“พี่เฟิงๆ พี่จับเถาวัลย์นั่นได้หรือยัง” หวัง หานพร้อมด้วยจื้อเฉิงต่างวิ่งมากระหืดกระหอบ
“ยังเลย เถาวัลย์นั่นมันเร็วมากจนพวกเราตามจับไม่ทันเลย มันหายไปตรงนี้ แถมร่องรอยบนพื้นก็ไม่ได้บอกว่ามันไปตรงไหนอีก” หลิน เฟิงพูดขึ้น
“หายไป ได้ยังไงกัน” หวัง หานพูดออกมาเลยว่าเขานึกกลัวเจ้าสิ่งนั้น และเกือบจะโดนมันลากตัวไปแล้วในตอนนั้น
“หวัง หาน เล่าทุกอย่างที่นายเจอมาทั้งหมดให้ฉันฟังที ฉันจะดูว่าเราจะเจอเบาะแสอะไรบ้างไหม” หลิน เฟิงกล่าว
“ได้เลย พี่เฟิง เรื่องเป็นแบบนี้ ผมรู้สึกมาตลอดเลยว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาไก่ของพวกเราน่ะเหลือน้อยลงอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะพวกตัวใหญ่ๆแข็งแรงๆ เป็นแบบนี้มาหลายวันติดๆกันแล้ว”
“วันนี้ผมก็เลยไปดูว่าอะไรมันขโมยไก่ของพวกเราไป ใครจะไปรู้ล่ะครับ ว่าจะไปเห็นเถาวัลย์หนาๆที่มีหลายๆกิ่งนั่นตวัดเอาไก่ของพวกเราลากออกไป”
“ในตอนนั้น ผมเองก็กลัว ก็เลยโทรหาพี่เฟิงนี่ล่ะ เพราะผมจะไม่ปล่อยให้มันลากเอาไก่พวกเราไปหรอก ผมก็เลยไม่คิดอะไรมาก ก็เลยหยิบไม้ไปจัดการกับเถาวัลย์นั่น”
“สุดท้าย ผมก็โดนมันจับได้ พอตอนที่ผมกำลังโดนมันลากตัวออกไป พี่เฟิงก็มาถึงพอดี แล้วหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็นล่ะครับ” หวัง หานอธิบายกระบวนการเป็นฉากๆ
“เข้าใจละ งั้นมาคิดดูนะ เป้าหมายของมันคือการเข้ามาขโมยไก่งั้นหรือ แล้วร่องรอยที่มันทิ้งไว้ก็ขนไก่เนี่ยนะ” แล้วจู่ๆ หลิน เฟิงก็จำขึ้นมาได้ว่ามีขนไก่มากมายตามร่องรอยพวกนั้น
“มาช่วยกันหาดู มีขนไก่ตรงไหน เถาวัลย์ก็ต้องอยู่ที่นั่น นี่ฉันกำลังคิดถึงความเป็นไปได้อื่นๆอีก” เมื่อหลิน เฟิงพูดจบ คนอื่นๆเองก็เริ่มออกหาในทันที
แต่ในขณะที่หลิน เฟิงยืนพิงกับต้นไม้ต่อพลางคิดเรื่องนี้อย่างช้าๆ ทันใดนั้นเองเถาวัลย์ก็ค่อยๆเผยกายออกมาจากต้นไม้ให้หลิน เฟิงเห็น