โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 186
RC:บทที่ 186 แผนสำคัญ
“ซินซิน หนูนั่งรอสักแป๊ปนะเดี๋ยวป้ามานั่งเป็นเพื่อน” แม่กล่าวกับมู่ซินซิน
“โอเคค่ะป้า ป้าไปทำธุระก่อนได้เลยค่ะ!” “มู่ซินซินเข้าใจดีค่ะ” เธอตอบอย่างสุภาพ
“หลินเฟิง มานี่!” แม่มองไปที่หลินเฟิงแล้วก็ออกไป หลินเฟิงเดินตามแม่ออกไป
“เสี่ยวเฟิง เกิดอะไรขึ้น? แฟนคราวก่อนไม่ใช่หว่านเอ๋อร์หรอกเหรอ? ทำไมลูกถึงมีแฟนใหม่เร็วอย่างนี้ล่ะ? ลูกเลิกกับหว่านเอ๋อร์แล้วเหรอ? ” แม่ถาม
แม่ของหลินเฟิงเคยเห็นซูหว่านเอ๋อร์มาก่อนและชอบเธอเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็มีเด็กสาวอีกคนปรากฏตัวขึ้นมาบอกว่าเป็นแฟนของหลินเฟิงเลยทำให้แม่งงอยู่สักพัก
“เปล่าครับ หว่านเอ๋อร์บอกแค่ว่าเธอจะไปที่ห่างไกลแล้วอาจจะไม่กลับมาอีกนาน ผมส่งข้อความไปก็ไม่ตอบข้อความกลับมาเลย ผมไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ไหน” หลินเฟิงกล่าวอย่างเสียใจ
“แล้วเด็กสาวคนนี้ล่ะ? เธอชื่อมู่ซินซินใช่ไหม? ลูกไปรู้จักอีกคนเมื่อไหร่? ไม่ได้เจอกันแค่อาทิตย์เดียว ลูกไปมีแฟนเพิ่มมาได้อย่างไร? แล้วยังให้ซื้อของมาฝากอีก! ” แม่เอ่ยถาม
“เอ่อ ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แล้วตอนนี้เธอก็เป็นแฟนผมแล้ว!” หลินเฟิงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรเพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
“อืม ลูกชาย ไม่ว่าลูกจะพาสาวคนไหนมา ตราบใดที่ลูกจริงจัง แม่ก็ยินดีต้อนรับ ไม่ว่าคนไหนจะมาก่อนก็ตามดังนั้นแม่เลยต้องถามก่อนน่ะ” แม่เอ่ยออกมา
“อื้ม ผมทราบแล้วครับแม่!” หลินเฟิงพยักหน้า
“เด็กสาวคนนี้ก็ดีมาก เธอน่าประทับใจทุกด้านตั้งแต่แรกพบ ทั้งสุภาพและมีมารยาท เธอคล้ายกับหว่านเอ๋อร์แต่ดูสดใสมากกว่า !” แม่บอก
เมื่อฟังคำพูดของแม่ หลินเฟิงก็ไม่ได้ตอบหรือปฏิเสธ เขาไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร
“โอเค เสี่ยวเฟิง แม่จะไม่พูดอะไรอีก ถ้าลูกพามาแม่ก็ยินดีต้อนรับ แม่ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอก่อนนะ!” แม่ตบไหล่หลินเฟิงแล้วออกไป
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์อย่างรวดเร็ว
มู่ซินซินมาพักที่บ้านของหลินเฟิงได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ในช่วงที่ผ่านมาพ่อแม่ของเขาพบว่ามู่ซินซินเป็นเด็กสาวที่ขยันและมีบุคลิกที่ดีมาก แม้เธอจะซนนิดหน่อยแต่ก็มีคนชอบเป็นอย่างมาก
พ่อแม่ของเขาชอบเธอมากเช่นเดียวกับหลินเฟิง, ลูกพี่ลูกน้องของเขา, หวังหาน, หวังซู่ และคนอื่น ๆ ต่างก็ยกย่องมู่ซินซิน และมู่ซินซินก็ยอมรับพวกเขาเช่นกัน
พวกเขาใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ด้วยบรรยากาศอันชื่นมื่นจนกระทั่งมู่เทียนเฉิงโทรมาแล้วพามู่ซินซินกลับไป
หลังมู่ซินซินกลับไป ครอบครัวของหลินเฟิงก็เงียบเหงาลงซึ่งผิดวิสัยเป็นอย่างมากราวกับว่ามันมีบางสิ่งที่ขาดหายไป
“ตั้งแต่ที่ซินซินกลับไปก็ไม่เหมือนเดิม เสี่ยวเฟิงมีเวลาว่างโทรไปบอกเธอบ้างไหม?” แม่กล่าวอย่างอิดออด
ในตอนแรก แม่มีซูหว่านเอ๋อร์อยู่ในใจอยู่แล้ว แต่เมื่อได้อยู่กับเธอตามลำพังก็ได้รู้ว่ามู่ซินซินนั้นเป็นคนที่น่ารักมากและทำให้ทุกคนหัวเราะได้ทุกวัน
“ผมก็เห็นด้วย เอ่อ แม่นั่งก่อน ผมยุ่งอยู่!” หลังจากนั้นหลินเฟิงก็ออกจากบ้านไปยังลานบ้าน
ลานบ้านของหลินเฟิงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เวลานี้ครึ่งหนึ่งของภูเขาที่อยู่ในลานบ้านเต็มไปด้วยองุ่นที่หลินเฟิงปลูกไว้ มันเต็มไปด้วยพลังวิญญาณในนั้น ดึงดูดบรรดาสัตว์มากมายให้เข้ามาใกล้
ในช่วงนี้ สัตว์วิญญาณอย่างเสี่ยวเฮยกับราชาหมาป่าขาวจับสิงสาราสัตว์, สัตว์วิญญาณและอื่น ๆ ได้เยอะมาก แต่เพราะมู่ซินซินมาอยู่ด้วย หลินเฟิงเลยไม่มีเวลาปลีกตัวไปหา
เวลานี้ มู่ซินซินก็กลับไปแล้ว หลินเฟิงเลยมีเวลาไปจัดการกับเรื่องพวกนี้
เมื่อหลินเฟิงมาถึงลานกว้าง ราชาหมาป่าขาวกับเสี่ยวเฮยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“นายท่าน!”
“เสี่ยวเฟิง!”
“เอ่อ ราขาหมาป่าขาว, เสี่ยวเฮย ไม่ได้มาเจอพวกนายนานเลย ที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง!” หลินเฟิงเอ่ยกับชายทั้งสอง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี!” ราชาหมาป่าขาวบอก
“อืม อืม เสี่ยวเฮย ยินดีด้วย! นายเลื่อนระดับเป็นสัตว์วิญญาณขั้นกลางแล้วนะ!” จากสายตา หลินเฟิงเห็นได้ว่าเสี่ยวเฮยเปลี่ยนไปมาก
เวลานี้ แม้เสี่ยวเฮยจะยังไม่ได้อยู่ในรูปแบบการต่อสู้ แต่การเคลื่อนไหวก็ต่างจากเมื่อก่อนไปอย่างสิ้นเชิง ดวงตาและร่างกายของมันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ดวงตามีความล้ำลึกและแหลมคมมากขึ้น ร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้น
“เสี่ยวเฮย มาให้ฉันดูฟอร์มการต่อสู้ของนายหน่อยสิ!” หลินเฟิงกล่าว
“ได้ครับ นายท่าน! โฮก! ” เสียงคำรามของเสี่ยวเฮยสร้างพายุไฟที่แข็งแกร่งขึ้นมาให้เห็นในทันที มันเป็นเปลวไฟสีดำและวนอยู่รอบตัวของเสี่ยวเฮยอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปลวไฟสีดำที่วิ่งวนอยู่กระจายหายไป หลินเฟิงก็ได้เห็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่สูงมากกว่าสองเมตรและยาวสี่ถึงห้าเมตร
สัตว์ตัวยักษ์นี้มีสองหัว, สองหาง ซ้ายข้างขวาข้าง หนามแต่ละอันของมันแหลมคมเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับร่างเดิมแล้วมันมีหนามที่ทั้งแหลมคมและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ กรงเล็บสีดำก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เดิมทีมันเป็นกรงเล็บสีดำขนาดใหญ่และแหลมคมมากขึ้น สีสันก็เปลี่ยนไปเป็นสีทองเข้มมันทำให้ดูทั้งแข็งแกร่งและเหนือชั้น
“เสี่ยวเฮย?” หลินเฟิงร้องออกมาเบา ๆ
“ข้าอยู่นี่ นายท่าน!” สองหัวมหึมาตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงทั้งสองทั้งลึกล้ำและเข้มข้นที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“หัวไหนของนายเป็นผู้นำหรือหัวหน้าล่ะ หรือมีแค่หนึ่งเดียว!” หลินเฟิงถาม
“นายท่าน แม้ว่าจะมีสองหัว แต่ก็ควบคุมด้วยจิตสำนึกเดียว ที่จริงหัวทั้งคู่มีเพียงหนึ่งเดียวและการมีหลายหัวก็ช่วยแค่เพียงให้โจมตีได้หลายทาง !” เสี่ยวเฮยตอบ
“โอ้ งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น ความแข็งแกร่งของนายก็เพิ่มเป็นสองเท่าน่ะสิ!” หลินเฟิงพ่นลมหายใจ
สองตัวสามารถโจมตีได้พร้อมกัน คนอื่นคงรับมือไม่ไหวและเสี่ยวเฮยก็เหมือนเกิดใหม่ในคราวนี้
เสี่ยวเฮยไม่มีสายเลือดเหมือนมังกรดำหรือมังกรแสง เขาทำได้เพียงเลื่อนขึ้นด้วยตัวเองเท่านั้น แม้มันจะยากแต่เมื่อเขาทำมันได้ก็จะเกิดความก้าวหน้าอย่างมหาศาล
“อีกอย่าง เสี่ยวเฟิง! จากการที่เจ้าปลูกองุ่นเพิ่มมากขึ้น ๆ ออร่าที่นี่เลยแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก จนเกือบเพียงพอที่จะให้คนมาฝึกฝน และยังดึงดูดสัตว์ให้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้” ราชาหมาป่าขาวกล่าว
“อืม นั่นแหล่ะปัญหา!” หลินเฟิงพยักหน้าแล้วเอ่ย
“ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณที่นี่ก็แข็งแกร่งมากขึ้นซึ่งมันไม่ได้หมายถึงแค่เพียงสัตว์วิญญาณเท่านั้น แต่ยังดึงดูดผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งให้เข้ามาหาเจ้า เมื่อถูกค้นพบ เจ้าจะกลายเป็นเป้าหมายของผู้มีพลังทั้งหมด! เจ้าจะต้องระวังตัว! ” ราชาหมาป่าขาวเตือน
“ผมทราบแล้วครับ ราชาหมาป่า! อีกสักพักผมจะไปปรึกษากับหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อเช่าภูเขาทั้งหมดและสร้างฐานที่มั่นของตัวเอง” หลังได้ยินคำพูดของราชาหมาป่า หลินเฟิงก็มีแผนสำคัญขึ้นมาในความคิดอย่างรวดเร็ว
หลินเฟิงรู้ดีว่าป่าบรรพกาลห้าแห่งของจีนถูกปกครองด้วยตระกูลและกองกำลังของคนกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นทำไมเขาจะมีกองกำลังสัตว์วิญญาณของตัวเองบ้างไม่ได้? เขาสร้างที่ของตัวเองด้วยพื้นที่ขนาดปานกลางและเริ่มขยับขยายไปรอบ ๆ และสร้างมันขึ้นมาให้เหมือนกับป่าบรรพกาลทั้งห้า