โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 149
RC:บทที่ 149 แผ่นดินสะท้าน ขุนเขาสะเทือน
“ดูนั่นสิ ในที่สุด ฟาง หนิงก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว” จู มู่ชี้ไปที่หลิน เฟิงกับฟาง หนิง
ในตอนนั้นเอง แรงดันของฟาง หนิงก็พุ่งสูงขึ้น คลื่นลมที่มองไม่เห็นกระจายตัวไปทั่วบริเวณโดยรอบซึ่งทำให้ดอกไม้ พืชพรรณรวมถึงต้นไม้รอบๆตัวเขานั้นไหวเอน
วินาทีต่อมา ฟาง หนิงก็หายตัวไป ก่อนจะมุ่งตรงไปยังหลิน เฟิงอย่างรวดเร็วด้วยเจตนาทำร้ายให้ตาย ความเร็วนั้นเทียบไม่ได้เลย ความเร็วเพียงแวบเดียว ก่อนที่เขาจะต่อยหลิน เฟิง
“เร็วมากเลย” หลิน เฟิงถึงกับตกใจขั้นสุด
หลิน เฟิงเองก็สามารถจะขยับตัวได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ ทั้งยังใช้พลังวิญญาณของตนกระตุ้นหมัดเพลิงกลับไป
“ผัวะ!”
ตามด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง การโจมตีของชายทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด หลิน เฟิงรู้สึกได้ว่าแขนของตนชาหนึบ ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ไม่อาจอธิบายได้นั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
จากนั้นร่างของเขาก็ปลิวขึ้นไปก่อนจะตกลงมา โดยทุกๆย่างก้าวนั้นทิ้งไว้เพียงรอยเท้าฝังลึกจมลงไปในพื้นดิน
“ช่างแข็งแกร่งจริงๆ ชายคนนี้ถอยไปแค่ครึ่งก้าวจากคนระดับAเท่านั้นเอง พละกำลังของหมอนี่น่าจะถึงระดับAแน่ๆ” หลิน เฟิงพึมพำ
หมัดครั้งนี้ทำเอาหลิน เฟิงถึงกับอึ้งไป แม้แต่ฟาง หนิงเองก็ยังรู้สึกว่าหลิน เฟิงนั้นแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าตงฟาง เสี่ยงเสียอีก
จนถึงตอนนี้ เหตุผลที่ว่าทำไมหลิน เฟิงถึงไม่เลือกที่จะขยับแต่เลือกที่จะเข้าโจมตีแทนนั้น เป็นเพราะว่าเขาอยากลองพละกำลังของตัวเอง
ไม่ลองก็ไม่รู้ และพอหลังจากได้ลองแล้ว เขาก็เข้าใจแล้วว่าหมัดของหมอนั่นทรงพลังมากเสียจนทำเอาหลิน เฟิงถึงกับไปไม่เป็นเลย นั่นจะต้องเป็นพลังระดับBที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หลิน เฟิงเคยเจอมาแน่ๆ เทียบได้กับระดับAเลย
เพียงแค่หมัดเดียว หลิน เฟิงก็รู้สึกว่ากระดูกมือของเขานั้นแทบจะร้าว แถมยังถอยไปไกลมากกว่าสิบเมตร ในขณะที่ฟาง หนิงนั้นกลับยืนอยู่นิ่งๆ ความต่างชั้นของทั้งสองนั้นเห็นได้ชัดเจน
“ว้า แค่นี้เองหรอ” ฟาง หนิงเอ่ยอย่างดูถูก ก่อนจะสวนหมัดเข้าใส่หลิน เฟิง
“แค่นี้ที่ไหน มาลองกันอีกสักตั้งมา”
หลิน เฟิงไม่ใช่คนประเภทอ่อนข้อให้ใคร ถ้าเขาแกร่งขึ้นมา เขาก็จะแกร่งขึ้นมาเลย นี่ล่ะคือรูปแบบของเขาที่เป็นตลอดมา
“หมัดเพลิง”
ในตอนนี้นั้น หลิน เฟิงเริ่มตื่นตัวขึ้นมาแล้วจริงๆ ความเข้าใจกับการประยุกต์ใช้หมัดเพลิงนั้นก็ยังไม่ถึงที่สุดในตอนที่เขาสู้กับจู มู่พลางกังวลว่าคงไม่มีใครให้ระบายต่อ
แต่ทว่าในตอนนี้ หมัดของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงและใหญ่ขึ้นเหมือนเช่นทุกครั้ง จากนั้นก็เกิดรอยร้าวขึ้นบนนั้นราวกับว่ามันกำลังจะปลดปล่อยแมกม่าร้อนๆออกมา
“เข้ามาเลย” หลิน เฟิงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะชิงลงมือก่อนโดยการพุ่งตัวเข้าไปโจมตีฟาง หนิงด้วยหมัดของเขา
ฟาง หนิงเองก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแออยู่แล้ว ก็เหวี่ยงสวนมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหมัดลม ร่างของเขาลอยสูงขึ้นไปเหนือพื้นด้วยท่าทีสง่า ก่อนจะปล่อยพลังโจมตีใส่หลิน เฟิง
ทุกครั้งที่เขาวาดมือออกไปนั้น ก็จะมีใบมีดลมออกมาทุกครั้งแถมยังหมุนเร็วมากอีกต่างหาก เพียงแค่แวบเดียว ใบมีดลมจำนวนมากก็พุ่งมาที่หลิน เฟิงก่อนที่แยกตัวกันลงมา
ส่วนหลิน เฟิงนั้นก็วาดหมัดไปที่กลางอากาศ ทำลายใบมีดทั้งหมดนั้นไปด้วยกันจนระเบิดกลางอากาศ
พอหลังจากทำลายใบมีดพวกนั้นได้แล้วนั้น ร่างของหลิน เฟิงก็พุ่งเข้าใส่ฟาง หนิง
“น่าสนใจอยู่เหมือนกันนี่หว่า งั้นลองนี่หน่อยสิ ต้าเผิง สยายปีก” ฟาง หนิงตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ใช้ขาเตะขึ้นมาจากพื้นเพื่อลอยตัวไปบนอากาศ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ร่างของเขาก็อยู่เหนือพื้นขึ้นมาสิบเมตร ก่อนที่ร่างจะหมุนไปมาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
มันเหมือนกับไก่ทอง ลงมาฟุตหนึ่ง โค้งลงมาอีกฟุต พลางแขนกางออกราวกับต้าเผิงที่กำลังบินพุ่งลงมา
ความเร็วที่ใช้นั้นทำลายกฎแรงโน้มถ่วงโดยสิ้นเชิง ทั้งเร็วจนไม่น่าเชื่อ แล้วหลิน เฟิงก็เห็นว่าที่เท้าของตนนั้น มีประกายไฟเล็กน้อยซึ่งเกิดจากแรงเสียดสีกับอากาศ ยิ่งความเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งลวกเท้าของเขามากขึ้นเท่านั้น
ดูราวกับว่านี่คือฝนดาวตกที่ทาทับไปด้วยบรรยากาศของการเผาไหม้ ฝนดาวตกนั้นพุ่งตกลงมาได้รวดเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร หลิน เฟิงก็สุดรู้
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ฟาง หนิงก็ร่วงลงมาบนพื้นไม่ต่างกับฝนดาวตก
ดังนั้น เมื่อหลิน เฟิงเห็นว่าฟาง หนิงออกตัวแบบนั้นแล้ว เขาก็รู้ได้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่คนที่คู่ควรที่เขาจะมาแข่งด้วย ก่อนจะรีบเปลี่ยนพลังที่ใช้ในทันที
“โล่ศิลา”
หลิน เฟิงรู้ดีว่าการที่จะหนีไปนั้นคงทำได้ยาก เพราะความเร็วที่มากเกินไปบวกกับที่ว่าเจ้าหมอนั่นไม่ปล่อยให้เขาโต้กลับบ้างเลย
ด้วยเหตุนั้น หลิน เฟิงจึงใช้โล่หินยักษ์ ขอแค่พละกำลังในการโจมตีนั้นเกินกว่าพละกำลังของหลิน เฟิงเป็นสามเท่าก็จะสามารถทำลายโล่อันนี้ลงได้ ไม่อย่างงั้นแล้ว หลิน เฟิงก็จะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แค่กินพลังมากกว่าเดิมเท่านั้น
“หึ คิดว่าโล่หักๆพังๆนั่นจะหยุดฉันได้หรือวะ ไอ้อ่อนเอ้ย”
ฟาง หนิงที่ลงมานั้นได้เห็นในสิ่งที่หลิน เฟิงทำ เขาก็พูดจาดูถูก ก่อนจะเร่งความเร็วและพละกำลังเข้าใส่หลิน เฟิง
ในที่สุด ก่อนที่ฟาง หนิงจะได้พุ่งตัวลงมา หลิน เฟิงจึงรวบรวมโล่หินยักษ์ให้แน่นขึ้น ฉับพลันนั้นเองความรู้สึกกดดันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
“อาฮะ คิดว่านั่นจะรอดหรือ เปล่าประโยชน์”
ท้ายที่สุดนั้น ฟาง หนิงก็มาถึง การโจมตีทั้งหมดนั้นเน้นไปที่ส่วนเท้าซึ่งเป็นส่วนที่แข็งแกร่งสุดๆของเขา
ฟาง หนิงลงมาจากบนฟ้าราวกับฝนดาวตก พร้อมกับลมที่พัดวูบไปมาบนพื้น พัดไปรอบด้าน
ญาติผู้น้องอย่างจื้อเฉิง จู มู่และหยาน จุนเองก็ลอยขึ้น ก่อนจะตกลงไปกระแทกกับผนังถ้ำอย่างแรง กระอักเลือดกันออกมาอีกระลอก
จื้อเฉิงนั้นดูจะแย่น้อยกว่า ในช่วงเวลาที่เขาลอยขึ้นมาอีกครั้งนั้นเอง มังกรทองก็รีบเข้ามารับเขา จึงทำให้ไม่ไปกระแทกกับกำแพง ไม่อย่างงั้นแล้ว เขาก็ไม่แคล้วต้องบาดเจ็บสาหัสแน่
ตูม!
และเสียงสุดท้ายก็ดังลั่น เกิดระเบิดขึ้นในที่ตรงนั้น ทำเอาภูเขาถึงกับสั่นไหว แผ่นดินสะเทือน หินรอบข้างร่วงกราวจนเกิดเป็นรูพังลงมา
บรรยากาศคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นซึ่งทำให้ทัศนวิสัยหม่นมัวในยามค่ำคืนที่มืดสนิท
“เฮ้อ แย่สุดๆไปเลย การต่อสู้กับระดับนี้ก็ต้องคนระดับนี้จริงๆ” มังกรทองกระพือปีก ก่อนที่กรงเล็บของมันจะคว้าร่างของจื้อเฉิงขึ้นมา แล้วบินลอยขึ้นไปในอากาศ
“แย่จริง” หยาน จุนลุกขึ้นจากพื้น ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่น เลือดเลอะปาก
“ดึง ดึงฉันขึ้นไปที” ในตอนนั้นเอง เสียงอีกฝั่งหนึ่งของหยาน จุนก็ดังขึ้น จู มู่นั่นเอง
จู มู่นอนอยู่ที่พื้นพร้อมกับมีหินก้อนใหญ่ทับตัวเขาอยู่ สภาพแย่ยิ่งกว่าหยาน จุนเสียอีก
หินก้อนนี้มีขนาดใหญ่ จู มู่จึงผลักมันไม่ออก เห็นได้ชัดเลยว่าก้อนหินนี้ทั้งใหญ่และหนักขนาดไหน
ต้องใช้วัวถึงเก้าตัวและเสืออีกสองเพื่อที่จะลากตัวจู มู่ออกมา แล้วโชคยังดีที่เขามีร่างกายที่แข็งแรง แม้ว่าจะโดนหินก้อนใหญ่ขนาดนั้นทับ ก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน
“ใครชนะ” หยาน จุนเอ่ยถาม
“ก็ต้องฟาง หนิงแหงซะ ไปดูพลังที่แท้จริงของเขากันเถอะ” จู มู่เอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจ
จู มู่มักจะจัดให้ฟาง หนิงนั้นเป็นต้นแบบของหัวหน้าเสมอ ถึงแม้จะเรียกชื่อเขาตรงๆ แต่ก็ให้ความเคารพคำพูดของฟาง หนิงเนื่องด้วยพละกำลังของเขานั่นเอง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง จู มู่ที่กำลังอยู่ในชั้นเรียนพลังขององค์กรอาชญากรรมร้ายแรงนั้นเกือบถูกฆ่า
แต่โชคดีที่ได้ฟาง หนิงมาช่วยไว้ ไม่เช่นนั้นคงโดนฆ่าไปแล้ว
ในตอนนั้น เขาจึงได้เห็นพละกำลังของฟาง หนิงและไม่ได้นึกกลัวพลังระดับAธรรมดาๆนี้เลย นับตั้งแต่นั้นมา เขาจึงติดตามฟาง หนิงมาเสมอ
“พลังระดับBจะแข็งแกร่งมากขนาดนั้นได้เชียวหรือ” หยาน จุนถามด้วยความไม่รู้ และศึกใหญ่ที่เกิดตรงหน้าที่พึ่งปะทุไปนั้นยังคงพลุ่งพล่านไปมาในหัวของเขา
“แน่นอนสิ ฟาง หนิงก็อยู่ในระดับเดียวกับพวกระดับพลังAในองค์กรนะ แล้วนายคิดว่าเขายังต้องพึ่งอะไรอีกล่ะ แน่อยู่แล้วว่าก็ต้องเป็นความแข็งแกร่งของเขาน่ะสิ” จู มู่ว่าขึ้น
“ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาสองคนนั่น แล้วฝุ่นก็ไม่มีแล้วด้วย” หยาน จุนจ้องมองไปยังข้างหน้า แต่ก็ไม่มีใครเห็นอะไร
“ฉันคิดว่าเจ้าเด็กนั่นคงโดนพี่ฟางหนิงระเบิดเละเป็นขี้เถ้าไปนานแล้วล่ะ…”