โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 146
RC:บทที่ 146 ความสำเร็จ
มังกรดำส่งเสียงคำรามก้อง ในปากของมันมีลูกเพลิงสีดำ ก่อนจะพ่นไปที่ร่างใหญ่ของจู มู่
บึ้ม!
หลังจากเกิดเสียงกึกก้อง ชายร่างใหญ่ที่ชื่อจู มู่ก็ถูกคลื่นแสงนั้นพุ่งกระแทกเข้าที่อก ก่อนที่คนทั้งหมดจะล้มลง เลือดกระจายปลิวไปตามอากาศ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงจึงเริ่มออกโรงบ้าง
หมัดเพลิง!
เมื่อหลิน เฟิงปล่อยหมัดออกไประลอกคลื่นความร้อนก็ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำ
ในตอนนี้ ความเข้าใจเรื่องหมัดเพลิงของหลิน เฟิงสูงขึ้นไปอีกระดับแล้ว หมัดที่ว่าจึงแข็งแกร่งและสะสมพลังได้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เมื่อใดก็ตามที่ใช้พลังนี้ออกไป ทั้งพลานุภาพและความน่ากลัวจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการถึง
หมัดของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมทั้งเปล่งคลื่นความร้อนขนาดมหาศาลออกมา หมัดของเขากระแทกเข้าที่อกของหยาน จุนตรงเผง
ป้าบ!
ส่วนเท้าของหลิน เฟิงนั้นเหยียบอยู่บนเงาราวกับว่าตนเป็นผี ก่อนที่หยาน จุนจะได้โต้กลับ เขาก็เห็นว่าที่หน้าอกของตนนั้นบุ๋มลงไป ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
ทั้งหยาน จุนและจู มู่นั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนักก่อนที่จะได้สู้กลับเสียอีก
“บ้าจริง แกเป็นใครวะ แม้แต่เรื่องขโมย…” แล้วฟาง หนิงก็ชะงักไปก่อนจะถามขึ้น
แต่ก่อนที่จะพูดจบประโยค เขากลับเห็นกรงเล็บสีทองคู่หนึ่งแปะอยู่บนหัวของเขาซึ่งนั่นก็คือมังกรทองนั่นเอง
เมื่อเห็นแบบนั้น ฟาง หนิงจึงรีบหันกลับไปก่อนจะซ่อนตัว แต่ในตอนนั้นเอง หางมังกรทองก็ตวัดไปโดนร่างของเขาเข้า
ร่างของฟาง หนิงกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงหิน และในขณะที่ล้มลงนั้น ลำแสงแช่แข็งก็พุ่งเข้าไปที่ร่างของเขา
ร่างของเขาถูกแช่แข็งในทันใดก่อนจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่
“ฮ่าๆ สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว พวกเราแช่แข็งเขาได้แล้ว”
“ไม่ใช่หรอก แยกย้าย” แต่ทว่าหลิน เฟิงกลับรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติก่อนจะรีบเอ่ยเตือนเขา
ต่อมา ก็เกิดเสียงดังตูม น้ำแข็งที่ห่อหุ้มร่างของฟาง หนิงนั้นระเบิดขึ้นมา ก่อนจะปลิวกระจายทำให้จื้อเฉิงกับแมงป่องน้ำแข็งกระเด็นออกไป
หลังจากที่น้ำแข็งนั้นระเบิดออก ชายวัยกลางคนๆหนึ่งก็เดินออกมา ฟาง หนิงนั่นเอง
เมื่อนั้น ตรงช่วงระหว่างคิ้วของเขาก็พลันส่องสว่าง แล้วทันใดนั้นเองร่างของเหยี่ยวดำยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนจะส่งเสียงร้องก้องไปทั่วผืนฟ้า
ปีกคู่ขนาดใหญ่นั้นยิ่งขับรูปร่างอันสง่าของมันและนั่นก็ทำให้พวกเขายืนได้ไม่มั่นคงนักอยู่สักพัก และในที่สุด ก็มีลมพุ่งเข้าใส่พวกตนจากอีกฝั่งหนึ่งของกำแพงหิน
“ฮึ่ม พวกแกสองคนก็แค่พลังระดับCนี่หว่า แถมสัตว์วิญญาณก็ยังเป็นระดับต่ำอีก แล้วนี่ช่างกล้ามาจู่โจมพวกเราทั้งๆที่อยู่ระดับเท่านี้อีก” ฟาง หนิงจ้องไปที่จื้อเฉิงด้วยแววตาเยือกเย็น
“อ้าว งั้นหรือ งั้นก็ลองดูพวกนั้นสิ” หลิน เฟิงชี้ไปที่จู มู่และหยาน จุนที่นอนแหมบอยู่ตรงมุมกำแพง
“เฮ้ย พวกนาย”
เมื่อเห็นจู มู่และหยาน จุนนอนอยู่กับพื้น ไม่ไหวติง เขาก็รู้สึกแปลกใจ
“ก็นั่นแหละ ถ้าพวกนายสองคนยังไม่ตาย ก็ลุกขึ้นมา เร็วเข้า” ฟาง หนิงกล่าวกับชายสองคนที่นอนอยู่บนพื้น
ที่เห็นได้ชัดก็คือ ฟาง หนิงไม่สามารถประมาทหลิน เฟิงได้อีกแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังได้เปรียบทั้งพื้นที่และจำนวนคน
แต่ถึงแม้จะโดนโจมตีแต่เขาก็ไม่ได้นึกกลัว
“โอ๊ย อกฉัน บ้าเอ้ย กล้าดียังไงวะ” จู มู่ลุกขึ้น ในตอนนี้ เสื้อของเขาตรงส่วนอกฉีกขาดกระจุย ไหนจะส่วนเนื้อและผิวหนังอีก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก จนในที่สุดเขาก็ยืนขึ้น
หลิน เฟิงรู้สึกช็อคกับค่าพลังชีวิตและความอึดของจู มู่ นอกจากนี้ เขายังโดนมังกรดำโจมตีหนักจนดูเหมือนคนไร้พลัง
แต่หลิน เฟิงกลับเห็นว่าลมหายใจของเขานั้นจริงๆกลับอ่อนลง และเขายังสามารถใช้พละกำลังที่สุดของเขาออกมาได้แค่ครึ่งเดียว
“นี่ นี่ฉันซี่โครงหักเลยอ่ะ”
ในตอนนั้นเอง หยาน จุนก็ลุกขึ้นมาอีกคน แค่ได้เห็นว่าที่หน้าอกตนได้รับความเสียหายซ้ำยังมาซี่โครงหักแบบนี้อีก
และที่หลิน เฟิงประหลาดใจก็คือ พวกเขากลับยืนต่อสู้กันต่อได้อย่างหน้าตาเฉย
เมื่อจู มู่นั้นสามารถยืนขึ้นมาได้ เขาทั้งแข็งแกร่งและอยู่ในระดับสูง รวมทั้งโดนพลังคลื่นแสงของมังกรดำด้วย นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
แต่ทว่า หยานจุนกลับทนต่อแรงโจมตีของหลิน เฟิงได้ซึ่งนั่นไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย หรือถ้าจะให้พูดก็คือพละกำลังของหลิน เฟิงในตอนนี้นั้นไม่ได้แย่ไปกว่าพลังระดับBโดยเฉลี่ย
ยิ่งไปกว่านั้น การควบคุมหมัดเพลิงของหลิน เฟิงนั้นก็เกือบจะสมบูรณ์แล้ว เพียงหมัดเดียวก็สามารถทำให้หยาน จุนสาหัสได้แล้วซึ่งนั่นทำให้หลิน เฟิงนึกแปลกใจ
“บ้าเอ้ยไอ้ผีบ้าสองตัวนี่” หยาน จุนลุกขึ้น เต็มไปด้วยความโกรธ
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงจึงได้เห็นว่าร่างทั้งร่างของหยาน จุนนั้นกำลังลุกไหม้ ก่อนที่เปลวเพลิงของหลิน เฟิงนั้นจะสลายหายไป
“เข้าใจแล้ว” ในเวลาเดียวกันนั้น หลิน เฟิงจึงเข้าใจในที่สุดว่ามันเกิดอะไรขึ้น หยานจุนเองก็เป็นผู้ใช้ไฟเหมือนกัน
เขามีการควบคุมเปลวไฟที่แน่นอนซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทนทานต่อหมัดของหลิน เฟิงแบบนั้น จริงๆแล้ว หมัดไฟของหลิน เฟิงนอกจากไม่ทำให้เจ้านั่นบาดเจ็บแล้ว เจ้านั่นยังดูดซับไปได้อีกด้วย
การโจมตีของหลิน เฟิงนั้นเป็นเพียงแรงที่ใช้โจมตีออกไป แต่ถึงโจมตีออกไปก็ไม่มีผล
“พวกแกสองคน อยากตายมากนักใช่ไหม เพลิงราชสีห์ ออกมา ฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆซะ” หยาน จุนโกรธจัด วันที่ผ่านมาก็เกิดเรื่องแย่ๆมากพอแล้ว ไม่ว่าใคร ก็ทำให้เขาโกรธจัดทั้งนั้น
ช่วงเวลาต่อมา ช่วงหว่างคิ้วของหยาน จุนก็เปล่งแสงพร้อมกับสิงโตที่ร่างทั้งร่างล้อมไปด้วยไฟก็ปรากฏขึ้น”
“โฮก” สิงโตเพลิงคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียงดังก้องจนหูอื้อ
“เอามันมาให้ฉัน” หยาน จุนกระโดดขึ้นไปบนหลังสิงโตเพลิงตัวนั้นก่อนจะรีบไปหาหลิน เฟิง
ร่างทั้งร่างของสิงโตเพลิงนั้น จู่ๆเพลิงก็ลุกโชน จนดวงไฟอาบไปทั่วฟ้า ส่องสว่างโดยรอบ
“เอ๊ะ นั่นนายนี่” หลังจากได้เห็นหน้าของหลิน เฟิงนั้น หยานจุนก็อึ้งไป
“นายรู้จักมันได้ยังไง หยาน จุน” ฟาง หนิงถามขึ้น
“เจ้านี่คือคนที่ทำแผนล่มตอนที่เราหนีออกจากธนาคารยังไงล่ะ มันแกร่งเอาการเลย” การโจมตีในตอนแรกของหยาน จุนนั้นหยุดลงในทันที ก่อนจะเริ่มถอยร่น
เขาเห็นว่าหลิน เฟิงเอาชนะชายสวมหน้ากากนั่นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ เล่ย หวังยังพ่ายแพ้หลิน เฟิงอย่างหมดรูปอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่เห็นกับตาเองก็เถอะ
“หยาน จุน ฉันอยากจะเห็นจริงๆว่าไอ้เจ้าเด็กนี่มันทำอะไรได้บ้าง แรดเกราะเหล็กคลั่ง!” ทันทีที่ตะโกนจบ แรดตัวโตก็ปรากฏกายขึ้น
ร่างทั้งร่างของแรดตัวนี้นั้นเป็นเหล็กเงาวับ และทันทีที่มันลงมาที่พื้น พื้นดินก็ถึงกับสั่นสะเทือน จมูกทั้งสองข้างพ่นลมออกมาทำให้ฝุ่นที่พื้นดินคลุ้งกระจาย
“แรดเกราะเหล็กคลั่งงั้นหรือ” จู่ๆเจ้ามังกรดำก็นึกขึ้นมาได้ในตอนที่เขาเห็นแรดเกราะเหล็กคลั่งนี่ จนถึงตอนนั้น เขาก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเอาชนะจู มู่ด้วยพลังมหาศาลนั้นไม่ได้
แรดกึ่งเหล็กนี้จัดว่าเป็นสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่งที่มีพลังการป้องกันสูงมหาศาล และจะมีอยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้นในระดับเดียวกันที่จะทำลายการป้องกันของมันได้
นอกจากนี้ คนที่ทำพันธสัญญากับมันด้วยนั้นก็จะได้ทักษะการป้องกันที่สูงขึ้นซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจู มู่ถึงมีร่างกายที่อึดและทนทานเวลาต่อสู้
“นี่ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายมาที่นี่กันได้ยังไง เจ้าพวกเด็กน้อย แต่ถ้าเข้ามาแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ออกไป” ฟางหนิงโผล่ออกมาจากอีกฝั่ง ก่อนจะมารวมตัวกันสามคน
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ราชาหมาป่าขาวยังคงแฝงตัวอยู่ในความมืดและยังไม่ได้ออกมา มันกำลังหาโอกาสที่จะเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่
ดังนั้น ในตอนนี้จึงมีสองคนกับสัตว์วิญญาณอีกสามตัวที่จะต่อสู้กับสามคนกับสามสัตว์วิญญาณ โชคยังดีที่หลิน เฟิงกับมังกรดำโจมตีเข้าไปอย่างรุนแรงซึ่งนั่นทำเอาหยาน จุนและจู มู่บาดเจ็บหนัก
“แรดเกราะเหล็กคลั่ง มานี่ ขวิดมันซะ”
จู มู่ควบคุมแรดของเขาให้มุ่งไปที่หลิน เฟิง และในขณะที่แรดตัวดังกล่าวกำลังจะเข้าทำร้ายหลิน เฟิงอยู่นั่นเอง จู มู่ก็กระโดดลงมาจากข้างบนก่อนจะต่อยหลิน เฟิงเพียงหมัดเดียว
“โอ้ เด็กน้อย อุตสาห์พัฒนามาได้แต่คิดอะไรตื้นไปหน่อยนะ…”