โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 141
RC:บทที่ 141 ห้าป่าดึกดำบรรพ์
“เอาเถอะ เราเลิกพูดกันถึงเรื่องดอกไม้กันดีกว่า แล้วเดี๋ยวไปดูบ้านที่ฉันจะสร้างพื้นดีกว่านะ ถ้าตกแต่งด้วย รวมกันแล้วจะราคาเท่าไหร่ นายช่วยประเมินให้ทีสิฉันอยากรู้” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“เดี๋ยวฉันดูให้” ตู๋ กังว่าขึ้น
ตู๋ กังยืนอยู่ตรงหน้าหลิน เฟิง ก่อนจะมองไปที่บ้านของเขาพลางคำนวณราคาอยู่เงียบๆ
ส่วนหลิน เฟิงนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆตู๋ กัง และก็ได้เห็นว่าตู๋ กังนั้นนั้นแข็งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเป็นชายร่างใหญ่ แผ่นหลังกำยำ รู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขาม
ร่างกายแบบนี้อาจจะเกิดจากการที่ตู๋ กังนั้นรักการต่อสู้ ออกกำลังกายและมักจะทำงานหนักๆที่ไซท์ก่อสร้าง จนเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของเขาจึงแข็งแรงกำยำตาม
“เมื่อไหร่เราจะได้สัตว์วิญญาณที่ทำพันธสัญญากับตู๋ กังได้สักทีนะ ถ้าตู่ กังเข้ามาช่วยเราด้วย พลังของเราก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก” หลิน เฟิงคิดอยู่ในใจ
“มังกรดำ” หลิน เฟิงเรียกมันในใจ
“ขอรับ นายท่าน” เสียงทุ้มลึกของมังกรดำกังวานขึ้นในใจของเขา
“มังกรดำ ฟังนะ มีสัตว์วิญญาณตัวไหนที่เหมาะกับตู๋กังบ้าง” เขาขอคำแนะนำจากมังกรดำ
“ตู๋กัง? ” มังกรดำสงสัย
ตอนที่ตู๋ กังกับหลิน เฟิงได้เจอกันครั้งล่าสุดนั้น หลิน เฟิงนั้นไม่ได้ทำพันธสัญญากับมังกรดำ ด้วยเหตุนั้น มันจึงยังไม่เคยเห็นตู๋ กัง
หลังจากเห็นว่ามังกรดำรู้สึกสงสัย ร่างของมังกรดำก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหลิน เฟิง และทันใดนั้นเอง มันจึงได้เห็นตู๋ กังผ่านในดวงตาของหลิน เฟิง
“คนนี้ เป็นไปได้ยังไง” มังกรดำกล่าวขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ” เมื่อเห็นท่าทีอันประหลาดใจของมังกรดำ หลิน เฟิงจึงถามขึ้น
“ ตู๋ กังที่นายท่านว่าหมายถึงคนที่อยู่ตรงหน้าเจ้านายคนนี้ใช่ไหม” มังกรดำถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่น่ะสิ นี่ล่ะ ตู๋กัง มีอะไรงั้นหรือ” หลิน เฟิงยืนยัน
“ร่างกายยของชายคนนี้แข็งแกร่งเหลือเชื่อเลย เกือบจะเหมือนกับผู้มีพลัง แต่แค่ไม่มีพลังเท่านั้นเอง ปาฏิหาริย์ชัดๆ” มังกรดำถึงกับอุทาน
“อ่า แล้วถ้าเกิดเขามีพลังขึ้นมาล่ะ พลังจะไม่มากกว่านี้งั้นหรือ” หลิน เฟิงเอ่ยถาม
“ไม่ใช่แค่พลังเท่านั้นนะที่จะแกร่งขึ้น แต่ถ้าเขาทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งเข้าล่ะก็ ค่าความแข็งแกร่งจะต้องพุ่งปังสุดๆแน่ บางที นี่อาจเป็นเพียงพันธสัญญาเพื่อที่จะต่อสู้กับพวกที่อยู่ในความสามารถระดับ C หลายๆปีก็ได้” มังกรดำอุทาน
“อ๋อ ข้าหมายถึงพละกำลังและลักษณะทางกายภาพ ไม่ใช่ทักษะทางวิญญาณหรือศิลปะการต่อสู้” มังกรดำกล่าว
“แล้วสัตว์วิญญาณแบบไหนกันล่ะที่เหมาะกับตู๋กัง” หลิน เฟิงถาม
“ก็ต้องเป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังอย่างหมีหรือไม่ก็ลิงชิมแปนซี ทั้งพละกำลังและร่างกายของสัตว์วิญญาณทั้งสองนี่น่าจะเข้ากับเขาได้สุดๆไปเลย แต่…” ในขณะที่พูดๆอยู่ มังกรดำก็ลังเลขึ้นมา
“แต่อะไรล่ะ” หลิน เฟิงถาม
“สัตว์ทั้งสองชนิดนี้จะอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงในระดับสัตว์วิญญาณ และเมื่อใดที่พวกมันกลายมาเป็นสัตว์กึ่งวิญญาณล่ะก็ ก็เปรียบได้เหมือนกับมังกรและเสือ และเมื่อเป็นสัตว์วิญญาณ พวกมันก็จะเป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังในหมู่สัตว์วิญญาณระดับเดียวกัน”
ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนสัตว์วิญญาณทั้งสองชนิดนี้กลับหาได้ยากยิ่ง และยิ่งพวกที่มีระดับเลือดสูงด้วยแล้วยิ่งมีน้อย หายากขึ้นไปอีก
“แต่ถึงจะน้อยก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีนี่ ตราบใดถ้าเรารู้ว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน เราก็แค่ออกไปตามหา” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ถ้างั้น ก็มีอยู่วิธีเดียว” มังกรดำพยักหน้าก่อนจะตอบออกไป
“นายรู้งั้นหรือว่าอยู่ที่ไหน” หลิน เฟิงถามกลับ
“ข้าคิดว่าพวกนั้นน่าจะอยู่ในห้าป่าดึกดำบรรพ์ในประเทศจีน” มังกรดำว่าขึ้น
“ป่าดึกดำบรรพ์ในประเทศจีนงั้นหรือ” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หลิน เฟิงได้ยินคำนี้
ป่าที่มีชื่อเสียงในประเทศจีนนั้นมีหลายที่ แต่เรื่องป่าดึกดำบรรพ์นั่นไม่ยักจะเคยได้ยิน
ยิ่งไปกว่านั้น หลิน เฟิงเองก็เป็นนักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ เขาคิดไม่ออกเลยว่าสภาพที่บ่งชี้ความเป็นประเทศจีนจะมีมากแค่ไหนกัน เพราะเขาเองก็ไม่ได้สนใจ
“ใช่แล้ว ป่าดึกดำบรรพ์ที่ใกล้ที่สุดก็คือทะเลสาบจิ๋นกวง ป่าผืนนี้คลอบคลุมพื้นที่นี้เป็นบริเวณกว้างเป็นพิเศษ แถมยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ที่ใจกลางป่าด้วยซึ่งนั่นก็คือทะเลสาบจิ๋นกวง ชื่อนั้นมาจากแสงสีทองแปลกๆที่ปล่อยออกมาจากทะเลสาบกว้างนั่นในบางครั้ง และนั่นล่ะคือชื่อของมัน” มังกรดำหลับตาลงพลางนึกไป
“นายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง” หลิน เฟิงรู้สึกแปลกใจก่อนจะถามขึ้น
“เพราะข้าก็เคยอยู่ในป่านั่น ที่นั่นเต็มไปด้วยอันตราย แล้วยังมีผู้คนแปลกๆเฝ้าอยู่รอบๆที่นั่นด้วยครับ”
“คนเฝ้าที่แปลกๆงั้นหรือ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ” หลิน เฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมถึงต้องมีการเฝ้าที่แน่นหนาในป่านั้นกันด้วย
“ก็เพราะที่นั่นมีพลังอยู่มากมาย รวมถึงพลังอันแข็งแกร่งหนึ่งหรือสองอย่างด้วยยังไงล่ะ ข้าบอกนายท่านไปแล้วไงว่าวิญญาณของโลกนั้นช่างอ่อนแอมากเสียจนสัตว์วิญญาณเองยังรู้สึกได้ แต่ในขณะที่มนุษย์นั้นไม่สามารถจะรู้สึกถึงมันได้มาเป็นเวลานานแล้ว”
“ดังนั้น วิถีทางที่มนุษย์ได้ปรับปรุงขึ้นมาก็คือการล่าและเข่นฆ่าสัตว์วิญญาณ แล้วจากนั้นก็ดูดเอาพลังวิญญาณมหาศาลนั่นเข้าไปในแก่นของดวงจิต แล้วปรับระดับพละกำลังของพวกเขา รวมถึงสัตว์เลี้ยงคู่หูด้วย”
“และนี่ก็จะนำไปสู่การตายของสัตว์วิญญาณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกมนุษย์เองก็ไม่มีวันจะให้กำเนิดพลังตรงนี้ได้ด้วยหรือแม้แต่จะนึกเสียใจเรื่องการล่มสลายของมนุษยชาติ ด้วยเหตุนั้น เมื่อร้อยปีก่อน จึงมีบางคนที่กระโดดออกมาเพื่อออกโรงปกป้องสัตว์วิญญาณ และห้าป่าดึกดำบรรพ์ก็ได้รับการคุ้มครองจากตระกูลผู้ทรงพลังอีกด้วย”
“แต่เมื่อร้อยปีก่อนนั้น ทุกๆอย่างกลับเลวร้าย ในขณะที่พวกเขากำลังคุ้มกันป่าแห่งนี้นานขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ค่อยๆเอาของจากในป่าแห่งนี้ไปเป็นสมบัติส่วนตัว ปล่อยให้คนภายนอกเข้ามารุกล้ำ แล้วส่งคนแข็งแรงๆไปคุ้มกันพวกนั้น นี่ล่ะคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้คนในเมืองนั้นจึงมีแต่คนแข็งแกร่ง”
มังกรดำถ่ายทอดคำพูดออกมามากมายให้กับหลิน เฟิงภายในรวดเดียวจนทำเอาเขาประมวลไม่ไหวเลยทีเดียว
“มนุษเราช่างละโมบอะไรแบบนั้นนะ” หลิน เฟิงถอนหายใจ
“ป่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ไม่ควรมีผู้ใดถือครอง แต่ควรเป็นของประเทศ ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง และก็คาดไม่ถึงเลยว่าคนพวกนี้จะเห็นสัตว์วิญญาณเป็นเหมือนของใช้ส่วนตัว เพียงเพื่ออยากได้มันมา
“ใช่แล้วล่ะ มนุษย์นั้นช่างละโมบโลภมากอย่างที่สุดและเป็นเผ่าพันธุ์ที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก แต่ถึงอย่างงั้น ก็ยังมีคนดีๆอีกมากที่ไม่ได้เห็นแก่ตัวแบบนั้น” มังกรดำกล่าว
“แล้วนี่ จังหวัดไหนที่อยู่ใกล้กับป่าดึกดำบรรพ์ของทะเลสาบจิ๋งกวงมากที่สุดล่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้น
“เราไม่ได้อยู่ไกลจากที่นั่นมาก จริงๆแล้ว นายท่านกับข้า พวกเราอยู่ไม่ไกลเลยต่างหาก” มังกรดำกล่าว
“แล้วนี่อยู่ที่ไหนกันล่ะ จังหวัดyงั้นหรือ” หลิน เฟิงเอ่ยถามด้วยความฉงน
หลิน เฟิงจำได้เพียงว่ามีสถานที่เดียวที่เขากับมังกรดำได้ไปมาซึ่งก็คือจังหวัดy โดยจังหวัดyนั้นตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดG ซึ่งเป็นที่ที่คนอยู่กันน้อยและมีพืชพรรณที่เขียวชอุ่ม
“ใช่แล้วละ จังหวัดyนั่นแหละ ในตอนนั้นน่ะ น้ำตกปิงตันที่พวกเราไปถึงนั่นก็อยู่ไม่ไกลจากป่าดึกดำบรรพ์ของทะเลสาบจิ๋งกวงด้วย ด้วยความเร็วของข้า เราจะไปถึงที่ป่าดึกดำบรรพ์แห่งทะเลสาบจิ๋งกวงนั่นภายในครึ่งชั่วโมง” มังกรดำคาดการณ์
“ก็ไม่ได้ไกลมากนี่นะ ด้วยความเร็วของนาย เราคงจะทำได้สำเร็จภายในสามชั่วโมง ไว้เรามีเวลาเมื่อไหร่ก็ค่อยหาสัตว์วิญญาณให้ตู๋ กัง หวังหานกับคนอื่นๆเพื่อทำพันธสัญญานั้นซะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“อืม แต่พวกเราคงจะต้องไปอย่างลับๆ ไม่ให้ถูกจับได้นะ เพราะถ้าโดนพวกพี่เบิ้มในนั้นจับได้ครั้งหนึ่งแล้วล่ะก็ การที่จะหนีออกมาคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก” มังกรดำเอ่ยขึ้น
“รับทราบแล้ว” หลิน เฟิงพยักหน้า
“เจ้าบ้า ฉันรู้แล้ว ประเมินคร่าวๆแล้วอ่ะนะ พื้นชั้นแรกที่จะสร้างแล้วก็ตัวอาคารที่จะต้องเปลี่ยนใหม่รวมถึงสนามรอบบ้านด้วยแล้วเนี่ย น่าจะอยู่ที่ 120000…”