โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 136
RC:บทที่ 136 ระดับความสำเร็จมีสูง
“คือว่า ครั้งนี้ คุณหมอบอกว่าเป็นครั้งสุดท้าย ตราบใดที่การตรวจนี้ไม่มีปัญหา ต่อไปก็ไม่ต้องมาตรวจแล้วค่ะ” เด็กสาวช่างสังเกตนั้นเห็นความเบื่อหน่ายในแววตาของซู หว่านเอ๋อร์
“อืม แล้วเธออยากจะไปเมื่อไหร่ล่ะ” ซู หว่านเอ๋อร์ถามขึ้น
“ไปตอนนี้เลย” เด็กสาวว่า
อืม ไปก็ไป” ซู หว่านเอ๋อร์กดปุ่มปิดเครื่อง
ถ้าหลิน เฟิงได้รู้เรื่องนี้ เขาคงจะสร้างความแตกต่างครั้งใหญ่ขึ้นมาแน่ๆ แต่ทว่าสุดท้ายซู หว่านเอ๋อร์ก็ไม่ได้ส่งข่าวนี้ไป
ไม่นาน ซู หว่านเอ๋อร์ก็มาถึงห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือที่เธอก็ไม่รู้จักสักชิ้นเลย
แล้วยังมีตู้ขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าห้องนี้อีก แบบนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนๆเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ” เด็กสาวเดินเข้ามาในห้องก่อนจะกล่าวทักทาย
หมอคนนี้เป็นชายสูงวัยประมาณหกสิบปี เส้นผมของเขาเป็นสีขาว หัวล้านแต่ดูดีเหมือนกับคุณปู่ข้างบ้านเลย
ซู หว่านเอ๋อร์พบกับเขาหลายครั้งแล้ว และจะเป็นเขาทุกครั้งที่มาต้อนรับเธอ
“อืม มาแล้วสินะครับ คุณหว่านเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัวไปนะครับ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่ต้องกังวลไปนะครับ” เห็นได้ชัดว่า คุณหมอคนดังกล่าวนั้นรู้ว่าการตรวจร่างกายนี้นั้นมันลำบากแค่ไหน เขาจึงปลอบใจเธอ
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณหมอ หว่านเอ๋อร์รู้แล้วล่ะค่ะ”
หลังจากนั้น ซู หว่านเอ๋อร์จึงเข้าไปในห้องเล็กๆนั้น ก่อนจะนอนลง หลับตาแล้วตู้นั้นก็ปิดลงอย่างช้าๆ
แสงไฟทุกแห่งสาดส่องพลางกวาดไปทั่วร่างของซู หว่านเอ๋อร์
“คุณหมอคะ คุณหมอเคยบอกว่าร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงพอที่จะมีชีวิตแบบนั้นได้ใช่ไหมคะ แน่ใจได้ใช่ไหมคะ” เด็กสาวคนนั้นถามขึ้น
“ก็ใช้ได้ดีเลย จากคนหลายๆคนที่ทางองค์กรเราได้เจอ โครงร่างของเธอนี่ล่ะพอดีที่สุดเลยและระดับความสำเร็จของเธอนั้นก็สูงที่สุด” คุณหมอตอบไป
“พอดีที่สุดงั้นหรือคะ ระดับความสำเร็จสูงด้วย ร่างกาย 50% นั่นน่ะหรือคะที่มีระดับความสำเร็จสูง” เด็กสาวโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้
“ชู่ว พูดเบาๆหน่อย คุณหนู นี่คือการตัดสินใจขององค์กรเราและนี่ก็เหมาะสมที่สุดแล้วด้วย แถมค่าความสำเร็จก็สูงที่สุด เดี๋ยวผมจะต้องบอกเรื่องนี้ อย่าไปไหนล่ะ ไม่อย่างงั้นล่ะก็ ผมแย่แน่” หมอคนนั้นพูดกระซิบ
“ฮึ่ม ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ล่ะก็ งั้นก็ไม่ต้องเหลือผมบนหัวไปเลยก็แล้วกัน เอาสิ” เด็กสาวคนดังกล่าวว่าขึ้นก่อนจะคว้าเส้นผมของหมอคนนั้น
“เฮ้ย ตายๆ ระวังหน่อยคุณหนู ยิ่งมีน้อยๆอยู่ นี่ก็จะไม่เหลือแล้วนะครับ” หมอคนนั้นร้องขอความเมตตา
“พูดไวๆ ขอความจริงด้วย ไม่อย่างงั้นล่ะก็ ฉันจะไม่ใช่แค่ถอนผมของคุณ แต่จะเอาหนวดไปด้วย” เด็กสาวคนดังกล่าวพูดจบมืออีกข้างก็คว้าเข้าที่เคราของหมอคนดังกล่าว
“อ๊ะๆๆ หยุดๆ จะบอกแล้ว ผมจะบอกแล้ว” หมอคนนั้นร้องขอความเมตตาอีก
“หึ ก็รู้ใช่ไหมว่าตัวเองเป็นใคร พูดออกมาเร็วๆ” เด็กสาวปล่อยมือก่อนจะพูดขึ้น
“จริงๆแล้วนั้น ก็เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีมนุษย์สักคนเข้ากันได้พอดีกับมัน ยกเว้นก็แต่ซู หว่านเอ๋อร์นี่ล่ะครับ ในหลายๆคนที่เราได้พบตั้งแต่ตอนเริ่มจนจบ แม้แต่คนที่เหมาะสมที่สุด ก็ยังมีระดับความสำเร็จแค่ 20% เท่านั้นเอง”
“ว่าไงนะ แค่ 20% เองงั้นหรือ ไม่ใช่ห้าสิบหรือหกสิบตามที่ได้ประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าเป็นค่าสูงสุดหรอกงั้นหรือ” เด็กสาวถามขึ้น
“มันจะไปสูงแบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะครับ หลอกลวงทั้งเพ ไม่อย่างงั้น ทำไมพวกเราถึงต้องมาทดลองกับจำนวนคนมากกว่าสิบคนแล้วก็ไม่เห็นมีใครสักคนประสบความสำเร็จเลยล่ะ ที่บอกว่าระดับความสำเร็จ 50% และ 60% นั้นก็เพื่อที่ให้พวกเขารู้สึกโล้งใจเท่านั้น จริงๆแล้ว ระดับสูงสุดก็คือ 20 % ต่างหากล่ะครับ” หมอคนนั้นถอนหายใจ
และหมอคนนี้ก็คนที่ดูแลในเรื่องนี้ ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดจึงดูเชื่อถือที่สุด แม้เพียง 20 % ก็เป็นตัวเลขที่น่ากลัว
“ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แค่ยี่สิบเปอร์เซ็น นี่คุณยังกล้าทำการทดลองกับชีวิตมนุษย์แบบนี้น่ะหรือ ชีวิตมนุษย์ก็จะเหมือนกับต้องคำสาปไปเลยนะ” เด็กสาวพูดอย่างฉุนโกรธ
“ไม่มีทางอื่นแล้วล่ะครับ พลังการต่อสู้ขององค์กรระดับสูงแบบนั้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้นั้นกำลังเสื่อมถอยลงตามช่วงอายุ เมื่อใดที่องค์กรไม่มีแรงหนุนจากพลังระดับสูงแล้วล่ะก็ ไม่ช้าก็เร็วกองกำลังและองค์กรอื่นๆก็จะเข้ามากลืนกิน ความจริงเป็นสิ่งโหดร้ายแบบนี้ล่ะครับ” หมอกล่าวขึ้นอย่างสิ้นหวัง
“พลังขั้นสูงงั้นหรือ ทำไมคุณถึงเอาแต่พึ่งวิธีแบบนี้ที่จะให้กำเนิดพลังต่อสู้ขั้นสูงล่ะ หรือคิดว่ายังไงฉันก็คงหาทางหยุดองค์กรนี้ไม่ได้” เด็กสาวจ้องหน้าหมอก่อนจะเตะจนตัวลอย
“คุณหนูครับ ไว้ชีวิตผมด้วยๆ” หมอคนนั้นขอร้องอย่างลนลาน
“ฮึ่ม” เด็กสาวทำเสียงขึ้นจมูก แล้วคุณหมอคนนั้นก็ล้มลง
“พูดต่อสิ บอกข้อมูลจริงๆของพี่ซู หว่านเอ๋อร์มาด้วย” เธอว่าขึ้น
“ครับ ร่างกายของหว่านเอ๋อร์นั้นพิเศษมากจริงๆ เกือบจะคล้ายกับเจ้าของคนก่อน 99% เลย และความเป็นไปได้นั้นเกือบจะเป็นศูนย์ แต่นี่กลับมีขึ้นมาจริงๆ แล้วนี่แหละจึงทำให้ระดับความสำเร็จของเธอนั้นสูงกว่าคนอื่นหลายเท่า”
“ค่าความสำเร็จของบุคคลทั่วไปโดยเฉลี่ยแล้วนั้นจะมีแค่ 20% เท่านั้นครับ แต่เขากับเธอนั้นมีถึง 50% เลย และถ้าครั้งนี้เธอทำล้มเหลวอีก การทดลองนี้ก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่าแน่ๆครับ” คุณหมอว่าขึ้น
“ถ้าการทดลองนี้ล้มเหลว เราจะช่วยชีวิตเธอได้หรือเปล่า” เด็กสาวเอ่ยถาม
“ยากมากครับ สถานการณ์นี้ยากเกินไป ประเมินอะไรไม่ได้เลย” คุณหมอว่าขึ้นพลางส่ายหัว
“ทำให้ดีที่สุด ถ้าการทดลองนี้ไม่ได้ผล ยังไงก็ต้องช่วยชีวิตเธอด้วย” เธอว่าขึ้น
“ได้ครับ คุณหนู” หมอคนนั้นตอบพลางก้มหน้า
และเมื่อหมอคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา เด็กสาวร่างเล็กคนดังกล่าวก็หายไปแล้ว
“เฮ้อ เด็กคนนี้นี่นิสัยเสียจริงๆ ทำเอาเรากลัวเกือบตาย ถ้าการทดลองนี้จบเมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะเกษียณให้ไว ไม่อยากอยู่อีกหลายปีเลย…”
วันต่อมา หลิน เฟินจึงเรียกลูกจ้างทั้งหมดมาที่สนามหลังบ้านของเขาเพื่อจ่ายค่าจ้างและให้รางวัลแก่พวกเขา
และในตอนนี้ สนามของหลิน เฟิงเองก็เกือบจะเต็มแล้ว ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็มีจื้อเฉิง หวัง หานและหวังซื่อ
และยังมีคนอีก 35 คนนั่งอยู่ข้างหลังพวกเขา มากกว่าครึ่งโหลนั้นมาจากหมู่บ้านลั่วหยาง และพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลิน เฟิงซึ่งเป็นคนที่รับสมัครพวกเขาเข้ามานั้นจะเข้ามาเมื่อไหร่
การรับสมัครงานของหลิน เฟิงนั้นได้ไปถึงมือของหวัง หานซึ่งมีความสามารถในด้านนี้เอามากๆ เขาเป็นคนละเมียดละไมแต่ก็เอาจริง หลิน เฟิงพิจารณาจากในทุกส่วนแล้ว จึงสบายใจที่จะมอบงานนี้ให้กับเขา
คนเหล่านี้ได้รับการว่าจ้างจากเขาเมื่อไม่นานมานี้ หลิน เฟิงไม่ได้เอ่ยอะไร แต่กลับยกย่องเขามากเสียด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้สมรรถภาพในการทำงานของเขาดีเอามากๆ ในเดือนเดียว หลิน เฟิงก็มีบัตรที่มีจำนวนเงินถึงสองล้าน
และที่สร้างความประหลาดใจให้กับหลิน เฟิงนั้นก็คือก่อนหน้านี้ หวัง หานจ่ายไป 100000 หยวนให้กับหลิน เฟิงเพื่อซื้อไก่และเอาไปเพิ่มจำนวนไก่ตัวใหม่ๆ และเขายังขายไก่บนอินเทอร์เน็ตควบคู่กันไปด้วยซึ่งยอดขายนั้นก็ร้อนแรงปรอทแตกเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องของการขายองุ่นนั้น พวกเราทำเงินได้เยอะเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังทำเงินให้หลิน เฟิงมากกว่า 2 ล้านด้วย จนตอนนี้หลิน เฟิงเองก็มีเงินมากกว่า 3 ล้านหยวน จำนวนเงินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
“งานของทุกคนไปได้สวยมากเลยนะเดือนนี้ ผมรู้สึกพอใจสุดๆไปเลย วันนี้ ผมจะจ่ายให้พวกคุณเพิ่มอีกห้าร้อยเลยแล้วกัน” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ว้าว พระเจ้าช่วย ดีใจโคตรเลย”
“เจ้านายน่ารักจังเลยครับ”
“แข็งแกร่งด้วย” คนงานทุกคนรู้สึกตื่นเต้น
หวัง หาน หวัง ซื่อและจื้อเฉิงจะคอยรายงานเงินเดือนของทุกคนกับหลิน เฟิงแล้วค่อยมาจ่ายให้กับทุกคนที่นี่ แล้วจากนั้นจึงค่อยให้ในส่วนปลีกย่อย
“เอาล่ะ ใครที่ได้เงินแล้ว ไปได้” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นกับคนงาน
คนงานพวกนั้นเข้ามาทักหลิน เฟิงทีละคนก่อนที่จะไปแล้วตะโกนขึ้น “หลิน เฟิงจงเจริญ” แล้วก็เดินออกไป
“นายสามคนอยู่ก่อน…”