โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 112
RC:บทที่ 112 ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันกำลังได้รับพร
“หานหลิง หุบปากนะ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร แกก็ต้องให้ความเคารพ!” หยางฉินชานเหลือบมองเขาและพูด
“หืม!” หานหลิงเหยียดหยามและหยุดพูด
จากนั้นเจียงเสี่ยวไป่ก็มองดูหลินเฟิงเดินไปทีด้านหนึ่งด้วยความรังเกียจ เขาพิงลงบนโซฟาและดื่มไวน์ของเขา
“พี่หลินเฟิง ไม่ต้องตกใจไป ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขานะครับ เรามาคุยกันต่อเถอะ!” หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายสงบลง หยางฉิงชานไม่ได้เพิกเฉยต่อหลินเฟิงอย่างที่คนอื่นทำ แต่กลับคุยด้วยอย่างร่าเริง
และหลินเฟิงก็ยังคงตอบคำถาม บทสนทนาของคนทั้งสองจึงดูกระอักกระอ่วน
“เอาล่ะ พี่หลินเฟิง ยินดีที่ได้พบกันนะครับ หลังจากที่คุยกันไปแล้วผมรู้สึกคอแห้งเล็กน้อย ผมขอตัวไปรินน้ำดื่มก่อนนะครับ!” หยางฉิงชานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอเคครับ ไปเถอะ!” หลินเฟิงพยักหน้าและกล่าว
หยางฉิงชานคนนี้ดูไม่เป็นปกติอย่างมาก เขาทำให้หลินเฟิงรู้สึกดีมาก ในที่สุดหลินเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเขา เขาคุยกับหลินเฟิงอยู่ในห้องเป็นเวลานานซึ่งได้ทิ้งความประทับใจที่ดีให้แก่เขา
หลังจากที่หยางฉิงชานไปแล้ว ชายหนุ่มสองคนก็เดินเข้ามา หลินเฟิงรู้สึกคุ้นๆ พวกเขาคือ เจิ้งยี่ชานและพี่ชายของซูหว่านเอ๋อ ซูหยวนเฟิง
“อ้อ อยู่นี่เอง!” เมื่อเห็นคนทั้งสองเดินมา ทุกคนในห้องก็พากันทักทายทีละคนๆ
“ขอบคุณที่มาร่วมงานนะครับ!” ซูหยวนเฟิงกล่าวต่อทุกคนที่มาในงาน
เมื่อเห็นการแสดงออกของทุกคน หลินเฟิงก็รู้สึกแปลกเป็นอย่างมาก ซูหว่านเอ๋อเพียงแค่พูดเชิญให้หลินเฟิงมาร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงต้องมาที่นี่ เขารู้สึกกลัวจริงๆ
จนถึงตอนนี้ หลินเฟิงก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขามาพบกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ร่ำรวยมหาศาลที่มีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งทำให้เขาประหลาดมาก
ในตอนนี้นั้น เขาเห็นคนสองคนที่มาจากตระกูลเล็กที่มาด้วยกัน แต่หลินเฟิงเองไม่คุ้นเคยกับพวกเขา เลยไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดคุยกัน
โชคดีที่มีขนมขบเคี้ยวหลากหลาย ทั้งเมล็ดแตงโม ถั่ว และผลไม้มากมาย ดังนั้นหลินเฟิงจึงกินอย่างเงียบๆ คนเดียว อาหารของร้านเถ้าแก่หวังนั้นช่างอร่อยนัก และหลินเฟิงก็รู้สึกว่ามีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เอ นี่หลินเฟิงใช่ไหม?” ขณะที่หลินเฟิงกำลังกินอยู่นั้น อยู่ๆ เจิ้งยี่ชานก็จำหลินเฟิงได้
“อ้อ เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีไหม!” หลินเฟิงพูดพร้อมกับกินไปด้วย แต่สายตาของเขาไม่ได้มองมาเลยแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้เจิ้งยี่ชานรู้สึกอาย เพราะว่าหลินเฟิงนั้นไม่แม้แต่จะมองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อยขณะที่กำลังกินอยู่
เมื่อซูหยวนเฟิงได้ยินคำของเจิ้งยี่ชาน เขาจึงมองไปทางด้านหลังและเห็นหลินเฟิง แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือหลินเฟิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ตัวตนของหลินเฟิงไม่ควรจะมาปรากฏที่นี่!
เพราะว่า ทุกคนที่มาที่นี่ หากไม่ใช่คนที่ร่ำรวยมหาศาล ก็ต้องเป็นคนที่มีพลังมาก แต่ไม่คาดคิดเลยว่าหลินเฟิงจะได้รับเชิญมาที่นี่
แต่เมื่อพวกเขามาแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจที่จะไล่หลินเฟิงไปต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้นใครคือคนที่เชิญหลินเฟิงมา ก็ยังไม่มีใครรู้
ดังนั้น ซูหยวนเฟิงและเจิ้งยี่ชานจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
“สวัสดีทุกคน อยู่นี่เอง!” ในตอนนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นมา หลินเฟิงรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของ มู่หรงหลานนี่เอง
“พี่หลานมาแล้ว!” เมื่อมู่หรงหลานมาถึง ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับ สำหรับสิ่งอื่นใดเนื่องจากอัตลักษณ์ที่อยู่เบื้องหลังของมู่หรงหลานนั่นเอง ตระกูลชนชั้นสูงมู่หรง
แม้แต่คนไม่กี่คนที่ร่ำรวยและยังเป็นเด็กก็ยังยืนขึ้นและลดความเย่อหยิ่งลง
มีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่ยังคงนั่งกินอยู่บนโซฟาในเวลานี้ เขาดูเอร็ดอร่อยมาก และไม่ได้สะท้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“หืม!” ชายชราที่อยู่ด้านหลังของมู่หรงหลานทำเสียงฮึดฮัดและกำลังจะเริ่ม
“ช่างเถอะ นี่เพื่อนฉันเอง ไม่เป็นไรหรอก!” มู่หรงหลานหยุดเขาไว้
เมื่อพวกเขาได้ยินคำของมู่หรงหลาน พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่นัก หลินเฟิงนั้นมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยนักเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขา
แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่า มู่หรงหลานจะบอกว่าหลินเฟิงนั้นเป็นเพื่อน
ส่วนปฏิกิริยาของหลินเฟิงนั้น คนมากมายลุกขึ้นยืนแต่เขาก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอาล่ะ นั่งลงได้แล้ว! ไม่ต้องพิธีรีตองมากนักหรอก วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับหว่านเอ๋อ!” มู่หรงหลานกล่าว
“ขอบคุณพี่หลาน!” ทุกคนจึงนั่งลง
“หลานเจีย(เจีย=พี่สาว) มาทางนี้เถอะ!” เจิ้งยี่ชานร้องเรียก
“ถ้าอยู่ตรงนั้น แล้วใครจะนั่งกับพี่ล่ะ? พี่หลานต้องมากับผมสิ ผมเมาแล้ว!” ซูหยวนเฟิงขัดจังหวะเจิ้งยี่ชานและตะโกนใส่มู่หรงหลาน
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณทั้งสองคนนะ ที่ใจดีกับฉัน! แต่ฉันจะนั่งตรงนี้!” หลานเจียชี้มือไปทางด้านของหลินเฟิง
เมื่อหลินเฟิงเห็นหลานเจียชี้มือมาทางนี้ ทุกคนก็รู้สึกว่าโง่อีกแล้ว มันไม่ดีเลยที่มู่หรงหลานจะไปนั่งตรงนั้น
นั่นทำให้หลินเฟิงกลายเป็นเป้าสายตา สายตาทุกคู่จ้องมองมาที่เขา หลินเฟิงรู้สึกอึดอัดมาก
แต่มู่หรงหลานไม่ได้สนใจหลินเฟิงมากนัก เธอนั่งและหลินเฟิงก็ขยับไปอีกด้านหนึ่ง
“เสื้อผ้าเป็นอย่างไรบ้างคะ?” หลานเจียถามและยิ้มให้กับหลินเฟิงที่นั่งพิงอยู่อีกทางด้านหนึ่ง
“ดี มันพอดีเป๊ะเลยครับ ขอบคุณมาก!” ในเวลานี้หลินเฟิงอยากจะร้องไห้ออกมาแบบไม่มีน้ำตา เพราะเขาถูกจับจ้องด้วยสายตาหลายคู่
แม้แต่คำพูดทุกคำทุกคนก็ตั้งใจฟัง หลินเฟิงสาบานว่านี่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกเขินอายที่สุดในชีวิต
“อ้าว พวกนายก็คุยกันสิ อย่าเอาแต่จ้องพวกเรา!” เมื่อเห็นอาการประหม่าของหลินเฟิง มู่หรงหลานก็พบความผิดปกติบางอย่าง
หลังจากที่มู่หรงหลานพูดออกไปเช่นนั้น ทุกคนจึงได้ละสายตาไป
จริงๆ แล้ว หลินเฟิงเองไม่รู้เลยว่ามีคนสักกี่คนที่อิจฉาเขาในตอนนี้ เพราะว่าคนพวกนั้นก็ต้องการที่จะเข้าใกล้ตัวมู่หรงหลานแต่พวกเขาไม่มีโอกาส และหลินเฟิงกลับทำตัวเหินห่าง เขาไม่รู้จริงๆ เลยว่าเขานั้นโชคดีแค่ไหนราวกับว่าเขาได้รับพรอะไรมา
ไม่นานนัก ในที่สุดซูหว่านเอ๋อ และเถ้าแก่หวังก็มาถึง
ในที่สุด หลินเฟิงก็รู้สึกสบายขึ้นเพราะเถ้าแก่หวังและซูหว่านเอ๋อเป็นคนที่หลินเฟิงรู้จัก
ปราศจากคำพูดใดๆ หลินเฟิงดึงมือเถ้าแก่หวังไปอีกด้านและนั่งลงตรงนั้น โดยไม่พูดอะไร ซึ่งทำให้เถ้าแก่หวังหัวเราะอย่างเฝื่อนๆ
“หว่านเอ๋อ มากันครบแล้วใช่ไหม?” มู่หรงหลานถาม
“ยังเลย ดูเหมือนว่าจะมีน้องๆ ตระกูลหยางและนายน้อยตงฟาง!” หว่านเอ๋อกล่าว
“เฮ้อ ชายคนนั้นชอบเหลวไหลอยู่เรื่อยเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จริงๆ เลย!” มู่หรงหลานกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ไม่เป็นไร บางทีพี่ตงฟางคงจะติดธุระอะไรอยู่ก็เลยมาสาย!” ซูหว่านเอ๋อกล่าว
“เอาล่ะ งั้นรออีกสักหน่อยแล้วกัน!” ดังนั้นทุกคนจึงกินและคุยกันต่อไป
“พี่ชาย คุณรู้เกี่ยวกับอัตลักษณ์ของคนรวยและเด็กๆ พวกนี้หรือไม่? ช่วยบอกผมหน่อย!” หลินเฟิงกล่าวกับหวังฮ่าวหมิง
พูดได้ว่าข้อมูลติดต่อของหวังฮ่าวหมิงนั้นกว้างขวางมากและเขาก็รู้ทุกอย่างเสียด้วย
“เจ้าตัวเล็กนั่น ชื่อ เจียงเสี่ยวไป่! เป็นลูกชายของประธานบริษัทผลิดเหล้าที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลฉิงเฟิง บริษัทของพวกเขาติดหนึ่งในห้าอันดับของมณฑลฉิงเฟิง”
“ส่วนอีกคนคือ หานหลิง เป็นทายาทรุ่นที่สองของนักการเมือง ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจมาก พ่อแม่ของเขาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของมณฑล…”