โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 109
RC:บทที่ 109 บังเอิญอะไรเช่นนี้
“คุณซู คุณคงจะไม่ปฏิเสธที่ผมจะมาแสดงความยินดีด้วยนะครับ!” จ้าวหลงกล่าวอย่างหน้าด้านๆ
“ขอบคุณค่ะ ในเมื่อเขาเป็นแขก เถ้าแก่หวังคะได้โปรดเห็นแก่หน้าฉัน ให้เขาเข้ามาเถอะค่ะ!”
ซูหว่านเอ๋อในตอนนี้ใบหน้าเปลี่ยนสีในทันที เธอดูนิ่งสงบจนไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เอาล่ะ ฉันไม่เห็นแก่หน้าของคุณซูหรอก! แต่ฉันได้พูดไปแล้วว่าถ้าแกกล้ามาสร้างปัญหาที่นี่อีกฉันจะไม่สุภาพกับแกอีกต่อไปแม้แต่กับพ่อของแก จ้าวป๋อ! นั่นน่ะ” เถ้าแก่หวังพูดออกมาตรงๆ
“เถ้าแก่หวัง ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ถ้าเขากล้ามาสร้างปัญหาอีก ฉันให้คนมาโยนเขาออกไปเอง!” ในตอนนั้น หญิงสาวอีกคนหนึ่งก็ลงมาจากชั้นบนและกล่าวออกมา
หญิงสาวคนนี้มีชายสูงวัยติดตามมาด้วย ซึ่งติดตามหญิงสาวมาอย่างเงียบๆ ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ยินเสียงของเขาก็อาจจะไม่รู้สึกได้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น
“โอ้ ใครกันนะช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน? กล้าดียังไงถึงจะโยนจ้าวหลงออกไป? หลีกทางไปซะ! ไม่มีใครในมณฑลฉิงเฟิงกล้าพูดแบบนี้นะ!” ทันที่จ้าวหลงได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดจบประโยค เขาก็สำลัก และทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนร่างของเขากำลังลอยออกไป
“นายน้อย!” เมื่อเห็นดังนั้น หว่อหยูจึงกระโดดถอยหลังและคว้าตัวจ้าวหลงเอาไว้
“แม่งเอ้ย แม่งเป็นใครกันวะ? รีบหลีกไปซะ ไม่งั้นฉันจะให้หว่อหยูฆ่าแก!” หลังจากที่จ้าวหลงถูกคว้าตัวไว้โดยหว่อหยู เขาก็เกรี้ยวกราด
“นายน้อย ไม่นะ นายใหญ่สั่งว่าอย่าให้คุณสร้างปัญหาและชายคนนี้ก็แข็งแกร่งมาก คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับเขา!” หว่อหยูกล่าวด้วยความกังวล
เพียงแค่เขาต้องการที่จะทำเขาก็ถูกล๊อคไว้ด้วยแขนของหว่อหยู
“อะไรนะ?” คำตอบของหว่อหยูทำให้จ้างหลงถึงกับตะลึง เพราะเป็นที่ปรึกษาของเขา
มันเป็นใครกันนะ? ถึงทำให้หว่อหยูกลัวได้ก่อนที่มันจะปรากฏตัวมาซะอีก จ้าวหลงมองดูอย่างระมัดระวัง
เมื่อจ้าวหลงเห็นคนๆ นั้นอย่างชัดเจนเขาก็ไม่กล้าที่จะทำตัวยโสอีกเลย เขารีบซ่อนความยโสโอหังเอาไว้ในทันที
“มู่ คุณมู่หรงหลาน ผมไม่คิดว่าคุณจะอยู่ที่นี่!” จ้าวหลงในเวลานี้พยักหน้าและกล่าวออกมา
“อ้าว คุณก็ยังอยู่ที่นี่เลย ทำไมฉันจะมาที่นี่ไม่ได้!” หญิงคนนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ถึงแม้จะเผชิญกับการเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนี้ จ้าวหลงก็ไม่กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจ แต่เขากลับยิ้มอย่างช้าๆ และหยุดพูด
เพราะว่าจ้าวหลงนั้นรู้ดีว่าตัวตนของผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเพียงใด และความแข็งแกร่งเบื้องหลังของเธอนั้นก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นจ้าวหลงจึงไม่กล้าที่จะกระตุ้นอะไรออกมาง่ายๆ
เมื่อหลินเฟิงเห็นปฏิกิริยาของจ้าวหลง เขารู้สึกประหลาดใจมากเพราะหลินเฟิงคุ้นชินกับการทำตัวเป็นพระเจ้าองค์ที่สองของจ้าวหลง ซึ่งดูเหมือนว่าเขาไม่เคยกลัวใครมาก่อน!
ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าตลกและเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวซึ่งนั่นทำให้หลินเฟิงประหลาดใจมาก
หลินเฟิงหันไปมองหญิงสาวคนที่กำลังพูดอยู่ และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็สั่น เพราะว่าหลินเฟิงนั้นเคยเห็นผู้หญิงคนนี้และเขาก็เพิ่งจะเจอเธอวันนี้นั่นเอง
ในตอนนั้น หญิงสาวก็หันมาเห็นหลินเฟิงเช่นกัน ทั้งคู่มองกันและกันอย่างตกตะลึง
ผู้หญิงคนนั้นหน้าแดงก่ำขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด ใบหน้าของเธอแสดงความเขินอายเมื่อเห็นหลินเฟิง
“อ้าว หลินเฟิง นี่เราเจอกันอีกแล้ว โชคดีอะไรอย่างนี้!” หญิงสาวกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“อ้า โอ้ ใช่ครับ ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้!” หลินเฟิงตอบกลับอย่างสุภาพ
หญิงสาวตรงหน้าคนนี้เป็นใครไปไม่ได้ เธอคือหลานเจีย ที่เป็นเจ้าของร้านที่หลินเฟิงไปซื้อเสื้อผ้าวันนี้
“กลายเป็นว่าคุณชื่อ มู่หรงหลาน แต่มู่หรงเป็นนามสกุลที่แท้จริงสินะ!” หลินเฟิงพึมพำ
“หลินเฟิง?” แต่ทันทีที่หลินเฟิงพูด เสียงห้าวก็ดังขึ้น
หลินเฟิงหันกลับไปมองจ้าวหลง
“พระเจ้า หลินเฟิง แกนี่มันไอ้ลูกหมา แกทำให้ฉันเสียใจ!” เมื่อจ้าวหลงเห็นหลินเฟิง เขาไม่สามารถที่จะสะกดอารมณ์โกรธของเขาไว้ได้และตรงรี่เข้าหาทันที
“หยุดนะ นายน้อย!” หว่อหยูไม่คิดว่าหลินเฟิงจะมาปรากฏตัวที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หยุดจ้าวหลังไว้ในทีแรก
“คุณจะทำอะไรน่ะ จ้าวหลง?” ทันในนั้นเสียงของมู่หรงหลานก็ดังขึ้น
ทันที่ที่สิ้นเสียงเธอ ชายชราก็ปรากฏขึ้นมาทางด้านหลังของเธอทันที ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังเห็นฉากที่ไม่น่าเชื่อซึ่งมีเพียงแค่ดอกไม้อยู่ตรงหน้าของพวกเขา
ชายชราไม่รู้ว่ามาถึงด้านหน้าจ้าวหลงตั้งแต่เมื่อไร เขาคว้าคอของจ้าวหลงไว้ด้วยมือข้างเดียวและยกตัวเขาขึ้น
“พลังระดับA รวดเร็วมาก แม้แต่ฉันก็ยังเห็นท่าทางของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!” หลินเฟิงรู้สึกช๊อคอยู่ในใจ
“โอ้ย ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! หว่อหยู มาสิ มาช่วยฉันที” จ้าวหลงถูกยกขึ้นบนอากาศ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง
“โธ่ ไอ้ห่วย ไอ้คนที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จมีแต่ความล้มเหลว!” หว่อหยูถอนหายใจอยู่ในใจ
“ยกโทษให้นายน้อยของผมด้วยเถิด ได้โปรดปล่อยนายน้อยของผมไปสักครั้ง!” หว่อหยูกล่าว
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดขอโทษออกมาเช่นนั้น แต่หว่อหยูกลับไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนแกจะไม่ได้รู้สึกผิดเลยมิ้แต่น้อยเลยนะ! หืม!” ชายชราเปล่งเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น และแรงบีบที่มือของเขาก็ยิ่งแรงขึ้น
“แล้วอีกอย่างนะ แกก็ไม่คู่ควรที่จะมาขอโทษแทนเขา! ให้เขาพูดเองสิ” ชายชรากล่าวและเหล่ตามอง
“ครับ ผมขอโทษครับ ผมมันบ้าบิ่นเกินไป!” จ้าวหลงไม่ได้รีรอเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจต่อหลินเฟิงจริงๆ
ในตอนแรกนั้น เขาถูกหลินเฟิงล่อลวงในการล่าหมูป่า และทำให้มือของเขาหักและต้องใช้เวลาในรักษาตัวอยู่นานกว่าครึ่งเดือนกว่าจะฟื้นตัว
จากนั้นในวันถัดมาที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากโรงพยาบาล หลินเฟิงก็นำเขาไปพบกับสัตว์วิญญาณดุร้ายสองตัว เขาถูกต่อยถึงสามครั้งโดยตัวต่อที่น่ากลัวและมันก็ใหญ่เท่ากับฝ่ามือของเขา หากพ่อของเขาไม่ได้ใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเชิญผู้เชี่ยวชาญเพื่อมากำจัดพิษนั้น ไม่เช่นนั้นก็คาดว่าจ้าวหลงคงจะไปนอนอยู่ในโรงเก็บศพนานแล้ว
“หืม ครั้งต่อไป อย่าเรียกตัวเองว่าจ้าวหลง ผู้สึบทอดของกลุ่มเฟิ่งไห ถึงแม้ว่าพ่อของนายจะเป็นแค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้นสำหรับตระกูลมู่หรง” ชายชรากล่าวอย่างเหยียดหยัน
“แค่ก แค่ก ครับ!” ผมทราบแล้วว่ามันผิด!” จ้าวหลงถูกวางลงและเขาก็ไอออกมา
เมื่อหลินเฟิงเห็นดังนั้น เขาก็เต็มไปด้วยความฉงน ประเด็นแรก ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? ประเด็นที่สอง เขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับมู่หรงหลาน? และสาม ตระกูลมู่หรงมีอิทธิพลอย่างไร?
คำถามเหล่นี้ทำให้หลินเฟิงรู้สึกใคร่รู้เกี่ยวกับมู่หรงหลาน!
เดิมทีแล้ว เมื่อหลินเฟิงเจอกับมู่หรงหลานในตอนแรกนั้น เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ดูไม่ธรรมดา เธอไม่เพียงแต่น่าเกรงขามแต่เป็นเธอดูเหนือธรรมดามาก
ในตอนแรก หลินเฟิงคิดว่ามู่หรงหลานนั้นก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ร่ำรวยเพียงเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ธรรมดาเหมือนที่เขาได้จินตนาการเอาไว้
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ก็เข้าไปข้างในกันเถอะ!” ซูหว่านเอ๋อมองดูสถานการณ์และยุติสถาณการณ์ที่กระอักกระอ่วนนี้อย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ!”
เมื่อได้ยินคำของซูหว่านเอ๋อ จ้าวหลงก็รู้สึกผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจเกี่ยวกับหลินเฟิง แต่เขาก็ทำได้เพียงแต่ข่มมันเอาไว้อย่างเงียบๆ
ผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมด นำโดยซูหว่านเอ๋อ เดินขึ้นไปที่ชั้นสามของร้านอาหารแห่งนั้น
“อ้อ เสี่ยวเฟิง นายนี่นะ นายนี่มันช่างกว้างขวางเสียจริง นายเก่งกว่าน้องชายของฉันอีกนะเนี่ย!” เมื่อคนทั้งหลายเดินขึ้นไปบนชั้นสาม เถ้าแก่หวังก็พูดเบาๆ อยู่ข้างๆ หลินเฟิง
“ หมายความว่าอย่างไรครับ?” หลินเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ยังจะมาแกล้งโง่อีกนะ ก็คุณซูหว่านเอ๋อ เธอเป็นคนที่มีเอกลักษณ์พิเศษ แล้วยังคุณมู่หรงหลานอีกล่ะเธอคนนี้ยิ่งน่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่า…”