โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 553
RC:บทที่ 553 ความกังวลของนายท่านใหญ่
ไม่นานหลังจากนายท่านสามออกไป คนสองคนก็มาถึง พวกเขาเป็นชายวัยกลางคนสองคนช่วงอายุ 40 ถึง 50 ปี
ชายทั้งสองคนดูสง่างามและคิ้วขมวดตลอดเวลา ดูเหมือนจะได้พบกับบางสิ่งที่ไม่น่ายินดีมา
“นายท่านสามเล่า?” เมื่อพวกเขาเข้ามาก็ถามคนรับใช้
เมื่อคนรับใช้ที่กำลังจัดเครื่องเรือนเห็นชายสองคนเขาก็คำนับและคุกเข่าลงทันที: “คำนับนายท่านใหญ่ นายท่านสามกำลังดูแลบ้านขอรับ!”
“อืม” มีคนที่สองเท่านั้นที่พยักหน้าจากนั้นนายท่านใหญ่ก็พูดขึ้นอีกว่า:” ลุกขึ้น นายท่านสามตอนนี้อยู่ไหน? “
“พอกลับมา นายท่านสามก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่ ขอให้ข้าบอกพวกท่านว่าเขาไปร้านอาหารโหยวหยี่ ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นที่นั่น?” คนรับใช้ตอบอย่างซื่อตรง
“ร้านอาหารโหยวหยี่? ร้านโหยวหยี่คืออะไร?” นายท่านสองเอ่ยถามด้วยความสงสัย
นายท่านสองมักไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกมากนักในเวลาปกติ ปกติแล้วเขามักจะกักตนฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสนใจสิ่งภายนอกมากนักจึงไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
มีเพียงนายท่านใหญ่เท่านั้นที่ขมวดคิ้วแล้วนึกอะไรออกจึงพูดว่า “ร้านอาหารโหยวหยี่? ใช่ร้านอาหารโหยวหยี่ที่อยู่ภายใต้ชื่อหลินกรุ๊ปหรือไม่?”
“ใช่ขอรับนายท่าน!” คนรับใช้ตอบ
“พวกเขาทำอะไร เจ้ารู้ไหม?” เขาถาม
“ ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่วันนี้ปรมาจารย์ขวานพาคนออกไปกว่า 30 คนและยังไม่ได้กลับมานานแล้ว ต่อมาก็มีเด็กชายคนหนึ่งกลับมาและไม่รู้ว่าไปกล่าวสิ่งใดกับท่านลั่ว ก็พาคนอีก 40 ถึง 50 คนไปกับเขา แต่ก็ยังไม่กลับมาเช่นกัน”
“จากนั้นนายท่านสามจึงรับสายอีกครั้งแล้วออกไปด้วยความโมโห!” คนรับใช้กล่าวด้วยความงงงวย
“อะไรนะ? มันดูไม่ค่อยดีนัก! น้องสองไปกัน” นายท่านใหญ่คำราม โบกมือฉีกอากาศแล้วดึงนายท่านสองทะลุเข้าไปด้วยกัน
ขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าไป นายท่านสองกล่าวด้วยความสงสัย: “พี่ใหญ่ เป็นอะไรหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท่านถึงดูกังวลนัก?”
“อ่า มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น น้องสามอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่” นายท่านใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยด้วยความกังวล
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ พี่ใหญ่ ท่านเล่าให้ชัดเจนหน่อยเถอะ!” นายท่านสองกล่าวอย่างสงสัย
“ เจ้ารู้จักร้านอาหารโหยวหยี่ไหม?” เขากล่าว
“ร้านอาหารโหยวหยี่? ข้าเคยได้ยินมาบ้าง แต่ข้ากักตัวฝึกฝนมาตลอดทั้งปี ข้าเลยไม่เข้าใจ!”
“ร้านอาหารโหยวหยี่ เป็นโรงแรมที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ร้านอาหารโหยวหยี่มีสาขาไปทั่วทุกเมืองและทุกประเทศ” นายท่านใหญ่กล่าว
“ ร้านอาหารโหยวหยี่เหรอ? นั่นเป็นเพียงโรงแรมขนาดใหญ่พอควรที่เปิดขึ้นเท่านั้น เหตุใดพี่ใหญ่จึงกังวลนัก?” นายท่านสองเอ่ยถาม
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ร้านอาหารโหยวหยี่ แต่เป็นอำนาจที่อยู่เบื้องหลังมัน!” เขาพูดอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น
“อำนาจที่อยู่เบื้องหลังมัน? กองกำลังอะไร? มันทรงพลังมากหรือ?” นายท่านสองถามไปตลอดทาง
“มันไม่ใช่แค่อำนาจ แต่เป็นความน่ากลัว” นายท่านใหญ่กล่าวด้วยสีหน้ากังวล
“ น่ากลัวแค่ไหนกัน?” นายท่านสองก็ยังไม่รู้ว่ามันน่ากลัวอย่างไร แม้เขาจะกังวลเกี่ยวกับพลังใต้ดินที่ทรงอำนาจมากก็ตาม
นายท่านใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้านะว่ากองกำลังที่อยู่เบื้องหลังร้านอาหารโหยวหยี่คือหลินกรุ๊ป นี่คือกลุ่มองค์กรที่เติบโตขึ้นโดยใช้เวลาแค่เพียงหนึ่งปีและไม่ถึงสองปี ทั้งทรงพลังและน่ากลัว”
“ในกลุ่มของพวกเขามีเทคโนโลยีมากมายนับไม่ถ้วน, เครื่องมือและอุปกรณ์พีเอสไอออนนิกชนิดต่าง ๆ และสิ่งอื่น ๆ ที่สร้างความบ้าคลั่งขึ้นในโลกแห่งพลัง! เจ้ารู้ไหมว่าสามเดือนที่ผ่านมา ตระกูลมังกรทางตอนเหนือเกือบถูกทำลายล้างโดยมังกรสังหารหมู่?” เขาถาม
“ ข้ารู้เพียงว่าในเวลานั้น เทียนเหล่าและไป๋เหล่า สองในสามของวุฒิสมาชิกผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ออกหน้าช่วยป้องกันการสูญสิ้นของตระกูลมังกร! มิฉะนั้นตระกูลมังกรอาจถูกกวาดล้างออกจากตระกูลสิบอันดับแรก!” ทั้งสองมีสีหน้าตกตะลึง
“ถูกต้อง หากผู้อาวุโสทั้งสองไม่ทำ แม้ว่าตระกูลมังกรจะไม่ถูกกวาดล้าง แต่ก็จะหลุดออกจากรายชื่อตระกูลสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน!” นายท่านใหญ่กล่าวด้วยความกังวลใจ
“ ความสัมพันธ์ระหว่างหลินกรุ๊ปกับเหตุการณ์ของตระกูลมังกรคืออะไร?” นายท่านสองถาม
“แน่นอนว่ามันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน ในตระกูลมังกรยังมีสิ่งที่โดดเด่นอยู่อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือนายน้อยของตระกูลมังกร หลงอ้าวเทียน ที่กำลังจะแต่งงาน แต่เขากลับถูกเข้าขัดขวางในระหว่างพิธีและเจ้าสาวก็ถูกปล้นไป! ” นายท่านใหญ่กล่าว
“อะไรนะ? ใครกันที่กล้าปล้นนายหญิงในอนาคตของตระกูลมังกร? คงกร่างน่าดู” นายท่านสองตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
ด้วยสถานะของตระกูลมังกรในประเทศจีน ถือเป็นการดำรงอยู่ของสิ่งที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ยังมีคนที่กล้าไปฉกอาหารจากปากเสืออีก โอ้ ไม่นะ มันคือปากเสือที่ถูกเลาะฟันด้วย จงใจฆ่าตัวตายชัด ๆ
“ชายคนนั้นเป็นประธานของหลินกรุ๊ป หลินเฟิง! ว่ากันว่าเขารักกับมู่ซินซินที่เป็นคู่หมั้นของหลงอ้าวเทียนมานานแล้ว เขาปรากฏตัวในวันนั้นและปล้นคู่หมั้นของหลงอ้าวเทียนไป!” นายท่านใหญ่กล่าวพร้อมกับแสดงความชื่นชมบนใบหน้าของเขา
“โอ้ พระเจ้า ไม่มีใครในตระกูลมังกรที่จะหยุดไว้ได้หรือ?” นายท่านสองถาม
“ แน่นอนว่าการปล้นลูกสะใภ้ของตระกูลสิบอันดับแรก เราจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร?”
“ตอนนั้นแก้ปัญหาอย่างไรหรือ?” นายท่านสองถามอย่างกระตือรือร้นราวกับว่าเขาต้องการรู้คำตอบ
นายท่านใหญ่หยุดชั่วขณะและกล่าวว่า “ในตอนนั้น เหล่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลมังกรจำนวนมากต้องหนีออกไปเพราะมังกร ตระกูลมังกรที่โจมตีอยู่ก็ต้องไปช่วยเหลือพวกเขา! และยังมีผู้แข็งแกร่งอีกเป็นจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ และพวกเขาได้ต่อสู้เพื่อหยุดยั้งกลุ่มคนของตระกูลหลิน! “
“ แล้วไงต่อ?”
“อย่างนั้นลองเดาดูสิว่าคนในหลินกรุ๊ป ทั้งหมดต่างก็เป็นผู้มีพลัง แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่พวกเขามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่กับตัว บางคนก็มีหกมือ พวกเขาทั้งหมดต่างก็กลายเป็นหมียักษ์ที่มีขนปกคลุมไปทั่วร่าง และบางคนก็มีปีกบนหลัง … ในระยะเวลาอันสั้น พวกเขานั้นต่างก็ทรงพลังมากซะจนหยุดยั้งคนในตระกูลมังกรได้ชั่วขณะ! “
“และผู้คนจำนวนมากจากสิบตระกูลต้นๆ ได้เข้าช่วยเหลือตระกูลมังกร แต่ก็มีสี่ตระกูลที่เข้ามาช่วยกลุ่มตระกูลหลินและพวกเขาทั้งหมดก็มีสิ่งเดียวกันกับคนของหลินกรุ๊ปและพลังการต่อสู้ของพวกเขาก็มีล้นหลามกว่าตระกูลอื่น ๆ และตระกูลมังกรในเวลานั้นอีกด้วย!” นายท่านใหญ่กล่าวด้วยความช็อค
“หลินกรุ๊ปมีขุมพลังมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร? มันน่าเหลือเชื่อที่อีกสี่ตระกูลยังยอมเสี่ยงที่จะถูกอีกหกตระกูลปิดล้อมเพื่อช่วยพวกเขา!” นายท่านสองก็ตกใจเช่นกัน
“ตอนนี้เจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่าทำไมข้าถึงกังวลมาก! ลูกน้องของน้องสามนั้นเคยชินกับการหยิ่งผยองและครอบงำ เราทุกคนต่างก็ปล่อยให้เขาตามใจลูกน้อง ข้าหวังว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่! มิฉะนั้นถ้ากลุ่ม หลิน โกรธขึ้นมา กองกำลังของเราจะไม่ถือเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้เลย! “นายท่านใหญ่กล่าว
“รีบไปกันเถอะ ข้าหวังว่าน้องสามจะไม่ทำผิดพลาดมากเกินไป!” นายท่านสองตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้แล้ว
ในอีกด้านหนึ่งที่ร้านอาหารโหยวหยี่!
ในเวลานี้ หลินเฟิงกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะถัดไปจากเสี่ยวหยาง และทั้งสองข้างก็คือหวังซือกับหลี่หง
“มันเป็นใคร? กล้ามากักขังคนในแก๊งของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”