โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 219
RC:บทที่ 219 ผลไม้จิตวิญญาณที่โตเต็มที่
“เรื่องสำคัญเรื่องอะไรครับ” หลิน เฟิงสงสัย
“ผลไม้จากต้นไม้เล็กๆทั้งสองต้นที่เจ้านำมาปลูกน่ะออกผลแล้วนะ และอีกไม่นานก็จะโตเต็มที่ กลิ่นหอมและพลังของต้นไม้พวกนี้กระจายไปทั่วทั้งพื้นที่หลังบ้านเลย ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองใช้จมูกสัมผัส ลองดมกลิ่นมันดูสิ” ราชาหมาป่าขาวว่าขึ้น
“อืม เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าทันทีที่ผมมาที่นี่ กลิ่นหอมถึงได้ชวนดึงดูดใจแบบนี้ ผมรู้สึกผ่อนคลายและสุขใจจังเลย” หลิน เฟิงรู้สึกถึงสิ่งนั้นแบบเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นเมื่อตนสัมผัสถึงกลิ่นมันได้
“การที่ผลวิญญาณกำลังโตแบบนี้นับเป็นเรื่องที่ดีเชียวล่ะ แต่ก็เป็นเพราะเจ้านี่ จึงดึงดูดสัตว์วิญญาณตัวอื่นๆให้เข้ามา โดยเฉพาะ เมื่อไม่นานมานี้ ข้าก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แข็งแกร่งจากสัตว์วิญญาณตัวหนึ่งแถวๆนี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็หาไม่เจอ” ราชาหมาป่าขาวเอ่ยด้วยเสียงทุ้มลึก
“ว่าไงนะครับ แม้แต่นายท่านหมาป่าขาวก็ยังหาไม่เจอเลยงั้นหรือครับ” หลิน เฟิงรู้สึกอึ้งไปเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ราชาหมาป่าขาวพูดขึ้น
แม้แต่ราชาหมาป่าขาวเองก็ยังไม่พบร่องรอยของมันเลย แต่กลับสัมผัสเพียงได้แค่ลมหายใจเท่านั้น หมายความว่าอะไรกัน
นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสัตว์วิญญาณตัวนั้นยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาหมาป่าขาวเสียอีก แล้วตอนนี้ราชาหมาป่าขาวอยู่ในขั้นไหนกันแล้วล่ะ สัตว์วิญญาณระดับสูงตัวนั้นอย่างน้อยก็ต้องเหนือกว่าขั้นสูงสุดขึ้นไปนั่นล่ะ
“ใช่แล้วล่ะ สัตว์วิญญาณตัวนั้นจะต้องมีพลังที่แกร่งพอดู อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่าข้า แต่ไม่น่าถึงระดับ S หรอก ไม่อย่างงั้นมันคงไม่มาที่นี่ เพราะผลไม้วิญญาณพวกนี้แทบไม่มีผลกับพวกที่อยู่เหนือระดับ S เลย ฉะนั้นแล้ว ระดับของสัตว์วิญญาณพวกนี้ก็น่าจะอยู่เหนือกว่าระดับสูงขึ้นไป” ราชาหมาป่าขาววิเคราะห์
“สูงกว่าระดับสุดยอดน่ะหรือครับ มันควรจะเป็นระดับที่อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้องกันสิครับ” หลิน เฟิงว่าขึ้น พละกำลังในตอนนี้ของหลิน เฟิงผนวกกับราชาหมาป่าขาวแล้วด้วยนั้น แม้ว่าสัตว์วิญญาณที่เข้ามาจะเป็นระดับสูงสุดยอด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ราชาหมาป่าขาว ไปกันเถอะ ไปดูต้นไม้วิญญาณสองต้นนั่นกัน” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้น ราชาหมาป่าขาวจึงเดินนำไปยังสถานที่ที่ต้นไม้วิญญาณทั้งสองต้นอยู่
ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ต้นไม้ทั้งสองต้นมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกถึงออร่าและกลิ่นหอมมากขึ้น
“หอมจริงๆ พอดมแล้วรู้สึกสบายใจ” หลิน เฟิงสูดหายใจ
“ใช่ ข้าก็รู้สึกว่าผลข้างเคียงของผลไม้ผลนี้จากต้นไม้วิญญาณทั้งสองนี่ดีกว่าของต้นไม้วิญญาณขนาดใหญ่นั่นจริงๆ” ราชาหมาป่าว่าพลางสูดหายใจ
“การที่ผลไม้ของต้นวิญญาณขนาดใหญ่จะร่วงลงมานั้นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้ามันไม่ได้น้ำยาเติบโตระดับกลางหล่อเลี้ยงไว้ล่ะก็ คงได้ร่วงโรยไปนานแล้วเป็นแน่ และผลที่หวังไว้ก็คงออกมาไม่ดีด้วย” หลิน เฟิงว่าขึ้น
ครั้งล่าสุดที่ต้นไม้วิญญาณขนาดใหญ่ย้ายมาจากหุบเขาราชาหมาป่านั้น ผลไม้บนต้นนั้นก็จวนจะร่วงแล้วซึ่งอยู่ในสภาพแย่กว่านี้มาก
แต่ทว่าต้นไม้อ่อนๆสองต้นนั้นไม่เหมือนกัน หลิน เฟิงกระตุ้นพวกมันด้วยน้ำยาเติบโตระดับต่ำบ่อยๆ นอกจากนี้ เมื่อเขาเห็นว่ามันออกผล หลิน เฟิงจึงใช้น้ำยาเติบโตระดับกลางกระตุ้นพวกมันมากกว่าหนึ่งครั้ง รวมทั้งหมดสามครั้ง
ต้นไม้วิญญาณทั้งสองต้นนั้นต้องใช้น้ำยาเติบโตระดับกลางถึงหกขวดซึ่งต้องใช้เป็นปริมาณมากอย่างน่ากลัว แต่ผลที่ได้กลับคืนนั้นก็เป็นสัดส่วนที่สมน้ำสมเนื้อ
ผลบนต้นวิญญาณสองต้นนี้มีขนาดใหญ่มากเป็นสองเท่าของต้นวิญญาณขนาดใหญ่ ทั้งความหอมเองก็มากกว่าหลายเท่า
“ดูท่าอีกไม่กี่วันก็คงโตเต็มที่แล้ว คงต้องขอฝากให้ท่านราชาหมาป่าขาวช่วยดูให้หน่อยนะครับ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ไม่มีปัญหา” หมาป่าขาวตอบกลับมา
หลังจากนั้น หลิน เฟิงจึงฝากให้มังกรแสงและสุนัขนรกสองหัวเสี่ยวเฮยอยู่ที่นี่กับราชาหมาป่าขาว เผื่อมีเหตุไม่คาดฝัน
จากนั้น หลิน เฟิงจึงเดินไปรอบๆหลังบ้าน ตอนนี้หลังบ้านของหลิน เฟิงเองนั้นก็ขยายไปไกลขึ้นถึงฝั่งภูเขา เดิมทีนั้น หลังบ้านของเขาเองนั้นมีสวนไผ่เล็กๆและป่าไม้
ยิ่งจิตวิญญาณที่นี่ทรงพลังมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งดึงดูดสัตว์วิญญาณได้มากขึ้นเท่านั้น และภายใต้อิทธิพลของพลังวิญญาณดังกล่าวก็ทำให้พืชพรรณที่นี่งอกงามมากขึ้นเรื่อยๆ จนสนามหลังบ้านกลายเป็นป่าขนาดย่อม
ไม่เคยคิดเลยว่านี่จะเป็นข้างนอกบ้าน เพราะเมื่อเข้ามาที่สวนหลังบ้าน เขากลับคิดว่านี่เป็นป่าไปเสียอย่างงั้น
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า หลิน เฟิงก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกัน เขาเองก็วางแผนจะขยายหลังบ้านไปติดจนถึงภูเขาที่อยู่ห่างออกไปทางข้างหลังเขาหลายไมล์ ในขณะเดียวกันนั้น นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะหาที่อยู่อาศัยให้พวกสัตว์ ปลูกผลไม้และเลี้ยงสัตว์
ในตอนนี้ หลิน เฟิงก็มีไก่ฟินิกส์โตเต็มวัยถึง 50000 ตัวและหลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ว่าหวัง หานทำได้ยังไง
แถมต้นองุ่นเองก็มีมากกว่า 100 ต้นแล้ว ตอนนี้ส่งออกทุกวันเป็นน้ำหนักหลายพันจิน ด้วยการจัดจำหน่ายในระยะเวลาสั้นๆ
เพราะว่าหลังจากจัดตั้งกลุ่มหลินขึ้นมา ทุกๆอย่างได้มอบให้เติ้ง เทียนฝูและหวัง ฮ่าวหมิงเป็นผู้ดูแล นอกจากนี้ หวัง ฮ่าวหมิงยังได้เพื่อนเก่าสมัยเรียนมาร่วมงานด้วยอย่างลู่ ซื่อจี้ ทนายความสาวคนล่าสุดในฐานะเลขานุการ
ทั้งสามคนล้วนเป็นคนมีความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่ ซื่อจี้ซึ่งทำเอาหลิน เฟิงถึงกับแปลกใจ ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ ไม่ใช่แค่เชี่ยวชาญในเรื่องกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเก่งด้านเศรษฐศาสตร์ด้วย เพราะตอนที่เธอเรียนในมหาวิทยาลัยวิชาเอกของเธอคือกฎหมาย ส่วนวิชาโทคือเศรษฐศาสตร์
เมื่อมีเธอ รวมถึงหวัง ฮ่าวหมิงและเติ้ง เทียนฝู ธุรกิจของหลิน เฟิงก็มีแต่เจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ ในตอนนี้ หลิน เฟิงได้กลายเป็นคนคุมเกมแล้ว โดยมอบให้พวกคนที่เหลือจัดการทุกอย่าง
แต่ถึงอย่างงั้น บัญชีทุกบัญชีก็ได้รับการบันทึกอย่างชัดเจน เมื่อใดที่บัญชีถูกพบว่ามีปัญหา หลิน เฟิง ก็จะตัดส่วนที่เป็นผลองุ่นและไก่ฟีนิกส์ออกไป เพื่อที่พวกเขาจะได้ดูทีละอัน และจะได้ไม่สับสน
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงนี้ หลิน เฟิงได้มอบความสำคัญอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับพวกเขาแต่ละคนไปแล้ว
หลังจากนั้นเพียงเล็กน้อย หลิน เฟิงจึงไปที่ที่เก็บขยะ บ่อบำบัดของเสียและส่วนอื่นๆที่ต้องไปดู เมื่อเห็นหลิน เฟิงเดินมา ทุกคนต่างก็โค้งหัวลงก่อนจะเรียกเขาว่าเจ้านาย
ในตอนนี้ หลิน เฟิงรู้สึกได้ถึงความภูมิใจที่ยากจะอธิบาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่ว่าใครก็อยากเป็นเจ้านายด้วยกันทั้งนั้น เพราะเวลาได้ความเคารพนั้นมันต่างออกไปจริงๆ
ตอนนี้ บ่อบำบัดของเสียและที่เก็บขยะของหลิน เฟิงนั้นได้รับการซ่อมแซมอีกครั้ง และใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าอีกด้วย
ตอนนี้ ความจุของขยะ 5-600 ตันจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป และที่เก็บขยะเองก็ยังใหญ่ขึ้นอีกเป็นสองเท่าแล้ว
แต่แค่นี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับหลิน เฟิงเพราะการเก็บขยะนั้นทำได้ช้าเกินไปเนื่องจากขยะที่ผลิตขึ้นในหมู่บ้านเหล่านี้นั้นต้องผลิตออกทุกๆวัน และหลิน เฟิงก็ยังไม่รู้วิธีเลยด้วย
“ดูเหมือนว่าในอนาคต เราต้องจัดตั้งที่ทิ้งขยะและบ่อบำบัดของเสียขึ้นมาในทุกที่ ทรัพยากรขยะรวมถึงของเน่าเสียจะได้มีแบบไม่จำกัดอีกต่อไป” หลิน เฟิงคิดในใจ
กริ๊งๆๆๆ
พลันมือถือของหลิน เฟิงก็ดังขึ้น ในขณะที่เสียงเรียกเข้ามือถือของคนอื่นๆจะเป็นเพลงป๊อป แต่ทว่ากลับมีแค่หลิน เฟิงที่ใช้ริงโทนยุคเก่าๆอยู่ และใช้มานานแล้วด้วย เพราะเขาขี้เกียจเกินกว่าจะเปลี่ยนมัน
“ฮัลโหล ใครครับ” ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงมัวแต่มองของที่อยู่ตรงหน้าเขา เลยไม่ได้มองชื่อที่ปรากฏขึ้นบนมือถือ
“เสี่ยวเฟิง นี่ฉันเอง นายอยู่ไหน เป็นครึ่งวันแล้วฉันยังหานายไม่เจอเลย คือฉันกังวลมากเลยน่ะ” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวขึ้น
“คุณจะตามหาตัวผมทำไมครับ ผมก็จัดการทุกอย่างให้หมดแล้วไม่ใช่หรือ” หลิน เฟิงสงสัย
“เอ่อ คือนายมาที่นี่สักแป๊บหนึ่งสิ คือว่าทีมตรวจสอบชุดแรกกำลังจะมาถึงในอีกไม่นานนี้แล้วน่ะ พอนายไม่อยู่ ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเลย แล้วถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไรน่ะ” ผู้ใหญ่บ้านว่าขึ้น
“เฮ้อ ปัญหาอะไรกันน่ะครับ ช่างเถอะ เดี๋ยวผมทำงานเสร็จแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ฉันไม่รู้ว่าคนที่จะมาตรวจสอบจะเป็นใคร แล้วพวกเขาเป็นคนระดับไหน มาดูหน่อยเถอะ…”