โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 214
RC:บทที่ 214 ความน่ากลัวของพลังระดับ A
“หรือนี่จะเป็นอุปกรณ์อีกอย่างหนึ่ง” หลิน เฟิงแปลกใจ
แต่เห็นได้ชัดว่าตงฟาง เซียงเองก็ไม่ต้องการบอกเรื่องนี้กับหลิน เฟิง นอกเสียจากจ้องไปที่เขา
“อสุนีบาตคำราม”
พลันเกิดเสียงคำรามของเสือตัวหนึ่งดังขึ้น ตามมาด้วยเงาของอุ้งเท้าขนาดใหญ่ของเสือที่โผล่ออกมาจากท้องฟ้า ก่อนจะเล็งไปที่หลิน เฟิง
“หมัดเพลิง” ส่วนหลิน เฟิงเองก็ไม่ได้นั่งอยู่เพื่อรอความตาย เขาสวนกลับไปในทันที
ตูม!!
เกิดเสียงดังลั่น แต่ไม่มีพวกเขาคนไหนได้ชัยชนะไป แถมร่างของพวกเขาก็สั่นไหวไปมา ห่างออกจากกันไปหลายเมตร
ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งนั้น หวัง หานและจื้อเฉิงจัดการลงมือฆ่าผู้มีพลังระดับ B ที่ได้รับบาดเจ็บเรียบร้อย
ส่วนต้นไม้ปีศาจกำลังบังคับกิ่งเจ็ดหรือแปดนั้นปะมือกับตงฟาง เย่วจิง ถึงเขาจะไม่ได้มีของมากเหมือนกับตงฟาง เซียง แต่เขาก็มีของสองสิ่งไว้ป้องกันตัวอยู่ ซึ่งก็คือพละกำลังและระดับพลังของเขา
ดังนั้น นอกเหนือจากการหลบหลีกแล้ว ตงฟาง เย่วจิงยังคอยยึดเอาทักษะทางวิญญาณซึ่งจะกินพลังวิญญาณไปเยอะมาก ด้วยเหตุนั้นจึงไม่สามารถกันการโจมตีของต้นไม้ปีศาจนี้ได้ทั้งหมด
แถมเขายังได้รับบาดเจ็บอีกหลายจุด นอกเหนือจากไหล่ซ้ายตอนที่ถูกโจมตีในคราวแรก และส่วนอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บตามมาอีก ยังดีที่เขาหลบเลี่ยงจุดสำคัญมาได้
“จัดการต้นไม้นั่น” และในตอนนี้ ตงฟาง เซียงเองก็เหมือนจะเห็นว่าต้นไม้ปีศาจนี้อ่อนแรงลงแล้ว
“เข้าใจแล้ว” เมื่อตงฟาง เย่วจิงได้ยินคำสั่งของตงฟางเซียง เขาจึงรีบไปที่ต้นไม้ปีศาจนั่นในทันที
“วิชามวยไท่ชาน”” เพียงแวบเดียว เขาก็มาถึงต้นไม้ปีศาจที่ร่างของมันอยู่ในต้นไม้แล้ว
ขณะที่วิ่ง เขาก็ร้องเสียงลั่น อีกทั้งยังทิ้งรอยเท้าขนาดใหญ่ไปในทุกที่ที่เขาย่ำผ่าน พร้อมกับปล่อยลมหายใจแห่งความน่ากลัวไปบนหมัดของเขาด้วย
วิชามวยไท่ชานจัดว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับสูง และเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ตงฟาง เย่วจิงได้รับมาหลังจากดิ้นรนฝึกฝนมานานหลายปีในตระกูลตงฟาง
ระดับและความยากของศิลปะการต่อสู้ดังกล่าวก็จัดว่ายากเป็นอย่างมาก ตงฟาง เย่วจิงสามารถใช้วิชานี้ได้แค่ 60% เท่านั้น และยังเป็นแค่แบบเริ่มต้นด้วย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พลังของเขาก็กลับเป็นที่น่าครั่นคร้ามไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนนี้ ตงฟาง เย่วจิงจึงก้าวลงไปที่พื้นก่อนจะกระโดดขึ้น หมัดของเขาแผ่พลังของความน่ากลัวออกมา การโจมตีอย่างเต็มรูปแบบของผู้มีพลังระดับ A นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก
ตงฟาง เย่วจิงระเบิดพลังจากในอากาศ และพอมาตอนนี้ แรงส่งของเขาก็เพิ่มสูงเป็นทวีคูณไม่ต่างกับภูเขาไท่ที่กำลังตกลงมาจากฟ้า
เมื่อต้นไม้ปีศาจเห็นดังนั้น มันจึงยื่นก้านของมันมากมายออกไปยังตงฟาง เย่วจิงเพื่อที่จะมัดเขาไว้
แต่ทว่า ภายใต้พลังของวิชามวยไท่ชานของตงฟาง เย่วจิงนั้น กิ่งไม้ที่ยื่นออกไปกลับหักกระจายเป็นเสี่ยงๆในทันทีก่อนที่เศษจะร่วงลงกับพื้น
ตูม!
สุดท้าย หมัดไท่ชานอันทรงพลังของตงฟาง เย่วจิงก็อัดเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่ปีศาจต้นไม้นั้นอยู่เข้าอย่างจัง
การโจมตีตรงๆเช่นนี้ทำเอาต้นไม้ใหญ่ถึงกับสั่นไหวซึ่งทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนภายในบริเวณเส้นผ่าศูนย์กลางเป็นระยะทางกว่าสิบเมตรจากที่ตรงนี้ หลิน เฟิงรวมถึงคนอื่นๆต่างยืนเซและเกือบจะล้มไปกับพื้น
เมื่อหยุดสั่น พวกเขาต่างก็จ้องมายังหลิน เฟิง ต้นไม้ร้อยปีนั่นถูกเปิดออกด้วยฝีมือของตงฟาง เย่วจิง แถมหมัดของเขายังทะลวงลึกเข้าไปถึงข้างในต้นไม้อีกด้วย
รอยร้าวขนาดใหญ่ขยายจากมือของเขาลงไปที่พื้นและตรงยอดไม้
“คนที่มีพลังระดับ A นี่ ช่างน่ากลัวจริงๆ พวกนายสองคนถอยไปก่อน แล้วก็ไปหาที่ซ่อนตัวซะ ศึกในตอนนี้คงไม่เหมาะกับพวกนายแล้วล่ะ” หลิน เฟิงหันไปหาหวัง หานกับจื้อเฉิง
“ครับ พี่เฟิง” หวัง หานและจื้อเฉิงเอง เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ต่างถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาพยายามกันแล้วและการที่ไม่เป็นภาระให้กับหลิน เฟิงจะเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่สุด
“ฮึ่ม ไม่ว่ากิ่งไม้ของแกจะโผล่มาสักกี่ก้าน ก็ไม่มีประโยชน์เมื่อต้องมาเจอกับพลังอันสมบูรณ์แบบนี่ จะลุยล่ะนะ” ตงฟาง เย่วจิงปล่อยลมหายใจเย็นยะเยือกออกมา ก่อนที่หมัดของเขาจะต่อยออกไป แล้วทันใดนั้นเอง ต้นไม้ทั้งต้นนั้นก็แตกออกเป็นสอง โค่นลงมายังพื้น
ไม่มีใครสังเกตตอนที่ต้นไม้ใหญ่โค่นลงมาเลยว่ามีหุ่นไม้ตัวเล็กๆโผล่ออกมา ก่อนจะวิ่งกลมกลืนไปกับป่า พร้อมเข้าไปในต้นไม้อายุร้อยปีอีกต้นหนึ่ง
“ไอ้หนุ่ม แกฆ่าคนของเราไปเยอะเลยนะ ต่อไปก็ก็ตาแกโดนถลกหนังบ้างล่ะ” ตงฟาง เย่วจิงขยับมือของตนไปมา ก่อนจะก้าวเข้ามาหาหลิน เฟิงทีละก้าวด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“หึ ก็ไม่แน่หรอกว่าใครจะเป็นคนโดนถลกหนังน่ะ” หลิน เฟิงเองก็เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงต่ำและเย็นเฉียบ
“นี่ เด็กน้อย ฉันขอยอมรับเลยนะว่าครั้งนี้เป็นความประมาทของพวกเราเอง และฉันก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเพลี่ยงพล้ำแกได้อีก แต่ก็มาได้แค่นี้ล่ะ ต่อไป เป็นตาแกที่ต้องตาย” ตงฟาง เซียงจ้องไปยังหลิน เฟิงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย
ในตอนนี้ มีเพียงแค่เขากับตงฟาง เย่วจิงเท่านั้นที่เป็นผู้รอดชีวิต ส่วนคนอื่นๆตายหมดแล้ว บางคนถูกหลิน เฟิงฆ่า บางคนก็ถูกหวัง หานและจื้อเฉิงฆ่าตาย และที่เหลืออีกมากต่างเสียชีวิตด้วยน้ำมือของต้นไม้ปีศาจ
ที่เหลือในเวลานี้จึงมีแค่ตงฟาง เย่วจิงกับตงฟาง เซียงเท่านั้น พวกเขาทั้งคู่ต่างทรงพลังและมีเครื่องมือวิญญาณที่ช่วยชีวิตมากมาย จึงไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งคู่ได้ง่ายๆ
ในทางกลับกัน สถานการณ์ในตอนนี้หลินเฟิงยังคงแสดงออกจากเฉยเมย เพราะสัตว์คู่ใจของเขาถูกล้อมเอาไว้ ส่วนหวัง หานกับจื้อเฉิงนั้นอ่อนแรงมากเกินไป และถ้าพวกเขาเข้ามาถึงตัวเมื่อไหร่ หลิน เฟิงก็จะถูกสังหารในทันที ดังนั้น เขาจึงปล่อยให้ทั้งคู่หนีออกไปให้ไกล
นอกจากนี้ หลิน เฟิงยังต้องคอยต้านผู้มีพลังเหนือกว่าทั้งสองคนนี้ด้วยพละกำลังของตนเพียงคนเดียวซึ่งไม่สามารถหวังให้สำเร็จได้เลย
จริงๆแล้ว เมื่อมาถึงจุดนี้ หลิน เฟิงควรที่จะหยุดวิ่งไปมาและควรจะฆ่าคนอีกมากมายรวมถึงสอนบทเรียนสักบทให้พวกเขา
แต่อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานของหลิน เฟิงนั้นกลับมีมากขึ้น เพราะเขาอยากจะทิ้งทั้งสองคนนี้ให้อยู่ที่ภูเขาลึกที่นี่ ให้หลับใหลไปตลอดกาล
“ฮึบ” ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงจึงเรียกทักษะพลังเวทย์ออกมาอีกครั้ง
ร่างของต้นเถาวัลย์ปรากฏขึ้นในทันทีที่ด้านหลังของหลิน เฟิงซึ่งแผ่ออกไปเหมือนกับต้นไม้ปีศาจ แต่ต้นเถาวัลย์เขียวของหลิน เฟิงต้นนี้นั้นไม่ได้ใช้สำหรับการต่อสู้
หลังจากที่ต้นเถาวัลย์เขียวปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็ลงไปในพื้นใต้ดินอย่างรวดเร็ว พวกมันมีอยู่ด้วยกันหลายต้นและหลายๆต้นนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ต้นเถาวัลย์พวกนี้ชอนไชลงไปในดินแล้วนั้น พวกมันต่างก็ส่งร่างของพวกมันเข้าไปในตัวของหลิน เฟิงอย่างรวดเร็วราวกับดูดกลืนอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเอง ลมหายใจของหลิน เฟิงก็กลับมาเพิ่มสูงขึ้น
ไม่ว่ามันจะเป็นแรงส่ง ทักษะ การโจมตีและการป้องกัน ฯลฯ ก็ล้วนแต่เพิ่มสูงขึ้นมหาศาลและรวดเร็ว
“ลุยเลย จัดการมัน แรงส่งของเจ้านี่กำลังเพิ่มสูงขึ้น” เมื่อตงฟาง เย่วจิงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาจึงรีบเอ่ยเตือนเขาในทันที
“วิชามวยไท่ชาน”
“อสุนีบาต กรงเล็บพยัคฆ์” จากนั้นทั้งสองคนจึงเข้าโจมตีหลิน เฟิงอย่างรวดเร็ว
หลิน เฟิงเองก็เพิ่งได้เห็นวิชามวยไท่ชานของตงฟาง เย่วจิง พลางสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างเพียงหมัดเดียว รวมถึงพลังกรงเล็บสายฟ้าของตงฟางเซียงเองก็ไม่ใช่เบาๆ ภายใต้การโจมตีและแรงหนุนของถุงมือสายฟ้า ทำให้พลังดูน่าหวั่นกลัวเป็นอย่างมาก สายฟ้าที่แลบแปลบปลาบไปมาอยู่บนนั้น ส่องแสงระยิบระยับและส่งเสียงเปรี๊ยะๆ
“เอาล่ะ เข้ามาเลย” เมื่อพวกเขามาถึงตัวหลิน เฟิง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ในตอนนี้ ไม่ใช่ตงฟางเซียงแล้ว แต่เป็นหมัดไท่ชานของตงฟาง เย่วจิง พลังหมัดนี้ไม่ทรงพลังเหมือนกับอันก่อน ถ้าให้เดาก็คือ เป็นเพราะพลังวิญญาณของเขากินพลังไปครึ่งหนึ่ง จึงมีพลังเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
แต่อย่างไรก็ตาม พลังหมัดนี้ก็ยังคงความน่าหวั่นเกรงและน่ากลัวอยู่ดี