โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 206
RC:บทที่ 206 ยากที่จะหนี
เจียง เสี่ยวไป๋เอ่ยเตือนก่อนจะจากไป
“โอเค ขอบใจที่เตือนนะ”
หลังจากที่เจียง เสี่ยวไป๋ออกไป หลิน เฟิง ญาติผู้น้องของเขาอย่างจื้อเฉิงรวมถึงหวัง หานก็ยังไม่กลับไปในทันที แต่กลับอยู่ในร้านอาหารมิตรภาพเป็นเวลานานจนค่ำ
เมื่อพวกเขาออกไป พวกเขาไม่ได้ขับรถที่เพิ่งซื้อมา แต่เลือกที่จะเดินกลับแทนซึ่งนั่นสร้างความงุนงงให้อย่างยิ่ง
“พี่เฟิง พี่แน่ใจหรือครับว่าจ้าว หลงจะเข้ามาหาเรื่องเราวันนี้น่ะ” ญาติผู้น้องจื้อเฉิงถามขึ้น
“อาฮะ 80% เลยล่ะ ฉันรู้จักหมอนี่ดีที่สุด เข้าใจทั้งบุคลิกและความคิดมันได้ทะลุปรุโปร่งตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยเลยล่ะ แต่…” ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังพูดอยู่นั้น เขาก็หยุดไป
“แต่อะไรหรือครับ” หวัง หานสงสัย
“แต่ฉันเกรงว่าไอ้หมอนี่อาจจะโทรหาใครสักคน หรือเพิ่มเอาคนที่มีพลังเก่งๆเข้ามาในกลุ่มเฟิงไห่น่ะสิ แล้วพวกเราก็มีกันแค่สามคนด้วย ถ้าพวกนายรู้สึกว่าไม่ชนะแน่ๆ ก็ให้หนีไปซะ” หลิน เฟิงกล่าว
“ได้เลย พี่เฟิง” พวกเขาตอบกลับมา
ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็เดินออกมาจากตัวอำเภอ ถนนที่ทอดยาวออกไปนั้นเงียบสงัด และในตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืนด้วย แสงจันทร์สุกสกาวสาดส่องไปทั่วพื้นดินราวกับเวลากลางวันจนเห็นท้องถนนได้ชัดเจน
“พี่เฟิง พี่อาจจะเดาผิดแล้วมั้ง ตอนนี้พวกเราทุกคนเองก็ออกมาจากในเมืองแล้วด้วย ยังไม่เห็นจะเจอร่างของจ้าว หลงเลย” จื้อเฉิงว่าขึ้น
“ถ้าเราไม่รีบร้อน ศัตรูจะเข้าโจมตีอย่างคาดไม่ถึงก็ตอนที่กำลังสงบๆนี่ล่ะ เราต้องตื่นตัวไว้ และต้องคอยเพิ่มความระมัดระวังด้วย” หลิน เฟิงเสริม
ยิ่งหลิน เฟิงเดินไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความอึดอัดมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้กลัวมากนัก นับตั้งแต่ที่เขาทำพันธสัญญากับต้นไม้ปีศาจ พละกำลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมหาศาล ประเมินแล้วเขาน่าจะสู้กับพลังระดับ A ได้สบายๆเลย
แต่อย่างไรก็ตาม แม้พละกำลังของหลิน เฟิงจะเพิ่มขึ้นมหาศาลแล้ว แต่ก็ยังไม่มากถึงขั้นที่จะสู้กับพวกมีพลังระดับ A ได้หรอก
เดินไปได้สักพัก พวกเขาก็ออกมานอกตัวอำเภอแล้ว
“พี่เฟิง ไม่มีมาเลยนะครับ พี่อาจจะกังวลเกินไปแหละครับ” จื้อเฉิงว่าขึ้น
“ก็หวังว่า” หลิน เฟิงตอบไป แต่ยังคงไม่ปล่อยวางความระแวดระวังไปง่ายๆ
แต่ทันทีที่หลิน เฟิงพูดจบ จู่ๆเสียงฟ้าร้องก็ดังลั่นขึ้นต่อหน้าพวกเขา
“ระวัง ออกไปจากตรงนี้” หลิน เฟิงออกปากเตือนอย่างร้อนใจ
ทั้งญาติผู้น้องของเขาและหวัง หานตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อหลิน เฟิงเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น พวกเขาเองก็เห็นว่ามีอะไรต่างไปจากเดิมเช่นกัน และด้วยคำเตือนที่หลิน เฟิงพูดออกมา พวกเขาจึงหลบฟ้าที่ผ่าลงมาได้ทันท่วงที
แต่เป็นเพราะว่าทั้งสามเพิ่งจะหลบสายฟ้านั้นมาได้ ก็เลยยังยืนได้ไม่มั่นคงนัก จากนั้นก็มีการโจมตีมาจากรอบทิศทาง ทั้งสายฟ้า ใบเลื่อยลม ลูกบอลไฟ ฯลฯ
ทางฝั่งหลิน เฟิงเองต่างหลบกันจ้าละหวั่น พลังที่ส่งมานั้นรุนแรงและทรงพลังเอาการ หลังจากที่หวัง หานและญาติผู้น้องของเขาตามจัดการคนพวกนั้นหลายต่อหลายครั้งนั้นก็เล่นเอาทั้งสองเจ็บหนักไปตามๆกัน
“บ้าเอ้ย โล่ศิลายักษ์”
เมื่อเห็นว่าจื้อเฉิงกับหวัง หานไม่สามารถยื้อพวกนั้นได้อีกต่อไปแล้วนั้น หลิน เฟิงก็ว่าเสียงดังลั่น โล่หินขนาดใหญ่สามชั้นปรากฏขึ้นมาล้อมรอบทั้งสองคนไว้
ในตอนนั้นเอง หวัง หานกับจื้อเฉิงจึงได้โอกาสหายใจหายคอ
“หวัง หาน จื้อเฉิง เป็นยังไงกันบ้าง บาดเจ็บหนักมากหรือเปล่า” หลิน เฟิงเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไร พี่เฟิง ดีที่ผมเร็วก็เลยไม่บาดเจ็บมากนัก” หวัง หานเอ่ยขึ้นขณะที่มองไปรอบๆ
“ผมก็ไม่เป็นไรครับ ได้โล่น้ำแข็งนี้ช่วยไว้ ก็เลยไม่ได้รับความเสียหายมาก” ญาติผู้น้องของเขายังคงถือโล่น้ำแข็งไว้ในมือ แต่เมื่อเทียบกับโล่ศิลายักษ์ของหลิน เฟิงแล้วนั้น โล่น้ำแข็งนี้ถือว่ามีขนาดเล็กกว่ามาก
“ดีแล้ว นี่ถ้าดูจากการต่อสู้ ฝั่งตรงข้ามเรามีคนอยู่เยอะ และต้องมีคนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ระวังตัวด้วย” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“เข้าใจแล้วครับ พี่เฟิง” ทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ใครกัน น่ารังเกียจชะมัด ออกมาเจอกันหน่อยสิ มาลอบโจมตีกันมืดๆค่ำๆแบบนี้ ฮีโร่ที่ไหนเขาทำกันเล่า” หลิน เฟิงตะโกนขึ้นไปบนฟ้า
ในตอนนั้นเอง มีหนึ่งหรือสองคนย่องหนีออกจากการโจมตีของหลิน เฟิงได้ในบางครั้ง แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าโล่หินยักษ์ทั้งสามของหลิน เฟิงแล้วนั้น จะสู้ไปก็ไร้ประโยชน์
“หยุด” เมื่อนั้นเอง เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น ก่อนจะค่อยๆปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา
ทันทีที่เห็นชายคนดังกล่าว หลิน เฟิงก็เห็นว่าชายคนนี้เป็นคนรูปหล่อและสง่า แต่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และความเกลียดชัง
“ตงฟางเซียงใช่ไหมนี่” ในตอนนั้นเอง เมื่อหลิน เฟิงเห็นชายตรงหน้า คนๆนี้ก็ตือตงฟางเซียงที่ตอนนั้นเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบจะเข้าทำร้ายหลิน เฟิงแล้ว
ในตอนนี้ อาการบาดเจ็บของตงฟางเซียงเองก็ได้รับการฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว รวมถึงแรงที่ส่งมาก็มากขึ้นด้วย
“ไง ไอ้หนุ่ม ในที่สุดฉันก็เจอแกจนได้ ออกมาเถอะ เขาหนีไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ” ตงฟางเซียงว่าขึ้น
ทันทีที่สิ้นเสียงของตงฟางเซียง ทุกคนต่างก็ค่อยก็ทยอยกันออกมาจากทั่วสารทิศ
ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีบางคนที่หลิน เฟิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นก็คือจ้าว หลง
ในตอนที่เขาได้เห็นจ้าว หลง หลิน เฟิงอยากจะสับไอ้หมอนี่ให้เป็นชิ้นๆและจัดหนักซ้ำๆให้อีกหลายๆทีเลย และนี่จะต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดจะคาดเดาแน่
“นายนี่เอง จ้าว หลง” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ฮ่าๆ หลิน เฟิง ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่าแกจะทำให้ฉันดูเป็นตัวตลกต่อหน้าผู้คนแบบนั้น คราวนี้ล่ะ ฉันจะปล่อยให้แกได้ตายแล้วฝังแกให้ด้วย แถมพี่น้องของแกไปด้วย จะได้ไม่เหงาไง ฮ่าๆ” ว่าจบ จ้าวหลงก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
ในตอนนี้ ร่างแต่ละคนก็ปรากฏตัวออกมา มองเพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็เห็นว่ามีอยู่สิบสองคน
สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้หลิน เฟิงก็คือ คนทุกคนที่ตงฟาง เซียงพามาล้วนแต่เป็นพวกเหนือกว่าระดับ B ทั้งนั้น ยกเว้นคนของจ้าว หลง นอกจากนี้ ยังมีคนของตงฟาง เซียงอีกเก้าคนด้วย
นอกจากตงฟาง เซียงแล้ว ยังมีระดับ B ขั้นสูงสุด ระดับ B ขั้นกลางและอีกคนที่หลิน เฟิงไม่สามารถสัมผัสได้ และเขาเองก็ไม่อยากรู้เลยว่าคนๆนี้นั้นเป็นคนระดับ A ด้วยหรือเปล่า
คนจากฝั่งจ้าว หลงมีเพียงแค่สามคน มีจ้าว หลง หวู่ เย่วและลั่ว จิ้วชาน หวู่เย่วนั้นอยู่ในระดับ B ขั้นสูงสุด ส่วนลั่ว จิ้วชานนั้นแต่เดิมเคยอยู่ในระดับ C ขั้นสูงสุด แต่ตอนนี้อยู่ระดับ B แล้ว
ด้านนี้ พวกเขาล้วนแต่แข็งแกร่งและอยู่เหนือระดับ B อีกด้วย มีระดับ B ขั้นสูงสุดถึงห้าคน ระดับ B ขั้นกลางสี่คน และระดับ B ขั้นเริ่มต้นหนึ่งคน และคนธรรมดาๆอย่างจ้าว หลงหนึ่งคน
จริงๆแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขานึกกลัวสักนิด แต่สิ่งที่ทำให้หลิน เฟิงรู้สึกกดดันก็คือพวกที่มีพลังระดับ A เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งจากตระกูลตงฟาง
ระดับ A ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพลังในตระกูลใดๆก็ตาม แม้แต่ในตระกูลทั้งสิบ ผู้มีพลังส่วนใหญ่ก็ต้องไม่ต่ำกว่าระดับ A ทั้งนั้น
ดูอย่างหวัง ฮ่าวหมิงกับเติ้ง เทียนฝูสิ พวกเขาอยู่ในระดับ B ขั้นสูงสุดกันมานานแล้ว คุณลักษณะสัมพันธ์ของพวกเขานั้นต่ำมาก และไม่สามารถมาถึงขั้น A ได้แม้จะไม่ได้เจอโอกาสใดๆ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะดูดซับแก่นวิญญาณได้ แต่ความสามารถของพวกเขาก็มีจำกัด
ในตอนนี้ พวกของหลิน เฟิงทั้งสามคนถูกคนสิบสองคนล้อมรอบ หนีจากพวกเขาคงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังคิดอยู่ว่าจะพาหวัง หานและจื้อเฉิงหนีไปได้สำเร็จได้อย่างไร
“ฟังที่ฉันสั่งต่อไปนี้นะ ให้ตามฉันมา แล้วถ้าฉันเริ่มหนีเมื่อไหร่ ก็ให้ตามมาเลยนะ” หลิน เฟิงพูดกับพวกเขา
“ครับ” ทั้งสองพยักหน้า
“หลิน เฟิง แกหนีไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ พวกเราจะจับตัวแกเดี๋ยวนี้ล่ะ ลงมือเลย เรามีสิบสอง ไม่สิ 11 แค่เริ่ม ก็คงไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้าแล้วล่ะ” ตงฟาง เซียงว่าพลางยิ้มๆ
“สิบเอ็ดงั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น…”