โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 199
RC:บทที่ 199 ท้าประลอง
“ที่จริงแล้ว ผมมีความคิดห่ามๆความคิดหนึ่ง” หลิน เฟิงและคนที่เหลืออีกสองคนต่างยืนและขึ้นพูด
“ความคิดห่ามๆงั้นหรือ อะไรล่ะนั่น” หวัง ฮ่าวหมิงกับเติ้ง เทียนฝูถามขึ้น
“ถ้าคุณอยากทำธุรกิจ เราก็น่าจะพยายามทำอะไรสนุกๆกันมากกว่านี้ดีกว่า” หลิน เฟิงว่าขึ้นในขณะที่เขาเดินไปรอบๆโต๊ะตรงหน้า
“ขอตรงประเด็น” หวัง ฮ่าวหมิงว่าขึ้น
“ผมได้ยินที่พี่ทั้งสองพูดกันเมื่อวานนี้ ตอนแรกเนี่ยก็อยากจะเห็นด้วยหรอกนะครับ แต่พอกลับมาย้อนคิดดู ในใจผมกลับมีความคิดเพิ่มขึ้นมา”
“บอกฉันมาสิ” หัวหน้าเติ้งกล่าวขึ้นด้วยความอยากรู้
ตลอดเวลา สิ่งที่หลิน เฟิงมีมักจะนำความประหลาดใจครั้งใหญ่มาให้พวกเขาเสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงอดที่จะอยากรู้ไม่ได้
“ผมต้องการจะสร้างบริษัทหรือกลุ่มบริษัทสักแห่งหนึ่งกับพี่ทั้งสองคนน่ะครับ พี่ๆรู้ไหมว่าทำแบบนั้นต้องมีอะไรบ้าง” หลิน เฟิงมองไปยังพวกเขาก่อนจะพูดขึ้น
“หาหุ้นส่วนสร้างบริษัทงั้นหรือ กลุ่มบริษัท? น่าคิดนะ” เมื่อพวกเขาได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ
“บอกฉันมาสิว่าตอนแรกนายคิดอะไรอยู่” หวัง ฮ่าวหมิงดูเหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดของหลิน เฟิง
“ความคิดของผมก็คือเราทั้งสามจะเป็นหุ้นส่วนกัน ผมจะรับผิดชอบเรื่องการปลูกผลไม้ เลี้ยงไก่แล้วก็เรื่องอื่นๆ พี่หวังก็ดูแลเรื่องไก่ส่วนพี่เติ้งก็ดูแลเรื่องผลไม้ จริงๆก็เหมือนกับที่พี่ทั้งสองคนคิดนั่นล่ะครับ เราจะร่วมหุ้นกันสร้างบริษัทหรือกลุ่มบริษัทขึ้นมาสักแห่ง”
“พี่ทั้งสองก็เห็นของที่ผมมีแล้ว จะให้ผมอธิบายเรื่องผลลัพธ์พวกนี้เพิ่มอีกตั้งแต่ต้นคงไม่จำเป็นแล้วล่ะครับ ในเรื่องของฝูงไก่ ไม่ว่าจะเลี้ยงไก่หรือเป็ดหรือปลา ผมขอยืนยันว่าสิ่งต่างๆของผมไม่ว่าใครบนโลกก็เลียนแบบไม่ได้”
“เรื่องของผลไม้ก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะปลูกองุ่น แอปเปิ้ลหรือลูกแพร์ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ได้แย่กว่านี้หรือดีกว่าองุ่นนักหรอกครับ”
“จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยมีเงินทุนหรือช่องทางติดต่อใครเลย เรื่องเงินทุนกับช่องทางติดต่อนี่ยังไงก็ต้องใช้เวลาหาอยู่แล้ว แต่ของที่ผมมีอยู่ไม่มีใครทำได้แน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว ข้าวของที่ผมมีจะโด่งดังไปทั่วทั้งจังหวัด ทั่วประเทศหรือทั่วโลก และไม่ช้าก็เร็วก็จะกลายเป็นบุคคลที่รวยระดับโลก พี่ๆคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะครับ” หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางมองไปที่พวกเขา
เจ้านายทั้งสองคนต่างตะลึงไปเมื่อเห็นหลิน เฟิง ทนายหลายคนรวมถึงลู่ ซื่อจี้มองไปที่หลิน เฟิงพลางรู้สึกว่าเขากำลังยืนอยู่บนยอดสูงสุดของภูเขา หลิน เฟิงดูผงาดขึ้นมาในทันทีจนทำเอาใครต่อใครไม่กล้าเงยหน้ามอง
ทนายบางคนก็ไม่ได้ทราบความต้องการทางการตลาดของหลิน เฟิงนัก แต่หวัง ฮ่าวหมิงและเติ้ง เทียนฝูต่างรู้ดี
พวกเขาทำเงินจากข้าวของของหลิน เฟิงได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในเวลาหนึ่งหรือสองเดือน และก็รู้ด้วยว่านี่มันแค่เริ่มต้น
ถ้าธุรกิจดำเนินไปแบบนี้ ภายในปีหรือสองปี หลิน เฟิงก็จะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในจังหวัดGเลย
“นี่…” เมื่อเติ้ง เทียนฝูได้ฟังในสิ่งที่หลิน เฟิงพูด เขาก็ไม่ได้พูดอะไรไปพักนึง แล้วหัวหน้าหวังที่อยู่ถัดจากเขาก็เงียบไป
พวกเขาทั้งคู่กำลังขบคิดสิ่งที่หลิน เฟิงนำเสนอขึ้นมา มันเป็นไก่แบบเดียวที่โลกมี และไม่รู้ว่าทำไม ไก่ที่เกิดจากไก่พวกนี้ไม่ใช่ไก่ฟีนิกส์ ก็แค่ไก่ธรรมดา ไม่ใช่ไก่ฟีนิกส์เสียหน่อย
ดังนั้น ความคิดที่จะเอาไก่สักสองสามตัวจากหลิน เฟิงมาเพาะพันธุ์จึงต้องล้มเลิกไป
นอกจากนี้ องุ่นของหลิน เฟิงก็เช่นเดียวกัน ครั้งหนึ่ง เติ้ง เทียนฝูเคยขอให้ใครบางคนไปศึกษาองุ่นของหลิน เฟิงและเอามาปลูก แต่ออกมากลับเป็นแค่องุ่นธรรมดา ไม่ใช่องุ่นมหัศจรรย์เหมือนของหลิน เฟิงเลย
พวกเขาต่างสับสนไปหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าพวกเขาไม่เจอกับหลิน เฟิง พวกเขาคงต้องไปจัดตั้งบริษัทกันเองแล้ว
“แต่ถ้าพี่ทั้งสองคนคิดว่าความคิดของผมไม่เข้าท่า ในอนาคต ผมก็จะขายของให้กับพวกพี่นะครับ แล้วหลังจากนั้น พี่ๆก็จะกลายเป็นคนกลุ่มเดียวที่ช่วยเหลือผมตอนที่ผมอ่อนแอที่สุด” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“แต่ไม่ช้าก็เร็ว ของๆผมก็จะมีไปทั่วประเทศหรือแม้แต่ทั่วโลก ถ้าได้พวกพี่มาช่วย เราก็จะไปถึงจุดนั้นได้เร็วขึ้น คิดว่าไงล่ะครับ พี่ๆ” หลิน เฟิงกลับมาพูดเรื่องของตนก่อนจะนั่งมองพวกเขา
ผมเห็นหวัง ฮ่าวหมิงและเติ้ง เทียนฝูมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ แต่จริงๆแล้ว หลิน เฟิงเห็นแล้วว่าพวกเขากำลังคุยกัน
หลิน เฟิงเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าทั้งหัวหน้าเติ้งและหัวหน้าหวังต่างเป็นผู้มีพลังทั้งคู่และไม่ใช่พลังธรรมดาๆด้วย อย่างน้อยก็มากกว่าหลิน เฟิงในตอนนี้ล่ะนะ
มีการรับส่งเสียงกันเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่ผู้วิเศษเท่านั้นจึงจะทำได้ ถ้าให้พูดตามจริง ต่อหน้าคนอื่นจะเป็นเสียงกระซิบและคนธรรมดาไม่สามารถได้ยิน
“คิดว่าไงครับ พี่เติ้ง อยากจะทำกับเขาไหม ทุกครั้งที่เด็กนี่โผล่มา เขาก็ดูเปลี่ยนไปมากทุกครั้งเลย จะต้องมีกองกำลังที่มีอิทธิพลหนุนหลังเขาอยู่แน่ๆ” หัวหน้าหวังบอกกับหัวหน้าเติ้ง
“ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเราได้คิดวางแผนกันแล้ว ตราบใดที่พวกเราดำเนินแผนการนี้ต่อ อีกไม่นานเราก็คงจะได้กลับไปหาครอบครัว แต่เราเองก็คาดไม่ถึงถึงการเปลี่ยนแปลงแบบนี้” หัวหน้าเติ้งตอบ
“ผมกำลังคิดว่าทุกครั้งที่เด็กคนนี้ปรากฏตัวขึ้น เขาจะเปลี่ยนไปมาก ตอนพบกันครั้งแรก เขาไม่ใช่คนที่มีพลัง แล้วต่อมาไม่นานก็กลายเป็นคนที่มีพลังขึ้นมา และลมหายใจของเขาก็แรงขึ้นทุกครั้งที่โผล่มาด้วย”
“ใช่ ตอนที่พี่พาเขามาที่นี่ครั้งแรก เขายังเป็นแค่พลังระดับCอยู่เลย แต่ตอนนี้ไปถึงระดับBขั้นกลางแล้ว แม้แต่คนใกล้ตัวอย่างหวัง หานกับจื้อเฉิงเองก็กลายเป็นคนมีพลังขึ้นมา ลมหายใจไม่ใช่อ่อนๆเลยด้วย ระดับเลือดของสัตว์วิญญาณตามพันธสัญญาน่าจะสูงอยู่” หวังเตือน
“กองกำลังแบบไหนกันนะที่หนุนเขาอยู่จนสามารถเปลี่ยนตัวเขาไปได้มากขนาดนี้ในเวลาไม่นาน แล้วเจ้าเด็กคนนี้รู้หรือเปล่าว่าเราคือผู้มีพลังมาก่อนหน้านี้นานแล้ว นายอยากจะท้าสู้กับเจ้าเด็กนี้สักหน่อยไหมแล้วค่อยมาคุยกันทีหลัง” เติ้ง เทียนฝูว่าขึ้น
“หรือไม่งั้น ลองมาท้าสู้กันสักตั้งกับเจ้าหนูนั่น แล้วค่อยมาคุยเรื่องนี้กันก็แล้วกัน”
“ก็ดี”
แม้จะพูดกันช้าๆ แต่การสื่อสารผ่านดวงจิตระหว่างทั้งสองคนกลับเสร็จสิ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว
“เสี่ยวเฟิง มาสู้กันเถอะ” เติ้ง เทียนฝูว่าขึ้น
“ฮ่าๆ โอเค งั้นให้พวกทนายออกไปก่อนนะครับ” หลิน เฟิงว่า
“นี่ พวกคุณสามคนออกไปหาน้ำชากินกันก่อนนะ แล้วก็คุยอะไรกันไปก่อน” เติ้งพูดขึ้นกับทนายทั้งสาม
ส่วนทนายทั้งสามคนนั้นเป็นคนมีเหตุผลจึงมาเป็นทนาย อีกทั้งยังมีความฉลาดทางอารมณ์ ตอนที่ลู่ ซื่อจี้เดินออกไป เธอหันไปมองหลิน เฟิง ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไร
“เอาล่ะ มาสู้กัน เสี่ยว เฟิง นายคงมีของดีอยู่แน่ๆ” หวัง ฮ่าวหมิงกล่าวขึ้น จากนั้นก็ปลดปล่อยแรงกระแทกออกไป เติ้ง เทียนฝูที่อยู่ข้างๆก็เช่นกัน
แรงอัดจากทั้งสองคนนั้นมารวมกัน ก่อเกิดเป็นพายุลูกหนึ่งที่ม้วนตัวไปหาหลิน เฟิง
แต่หลิน เฟิงกลับนั่งอยู่แบบนั้น ไม่ขยับไปไหน หวัง หานและจื้อเฉิงที่อยู่ข้างๆต่างปลดปล่อยพลังของพวกตนต้านกลับไป
อ๊ากก
จากนั้น เสียงกู่ร้องของมังกรก็ดังขึ้นมา พลังมังกรที่ไม่เคยกลัวใครเข้าเล่นงานคนทั้งสองคน
ทันทีที่มังกรดำปรากฏตัวขึ้น แรงอัดที่เติ้ง เทียนฝูและหวัง ฮ่าวหมิงส่งมาก็ถูกกั้นไว้ ทำให้หวัง หานและจื้อเฉิงได้พัก
“มังกร.. งั้นหรือ คาดไม่ถึงเลยนะว่าสัตว์คู่ใจของนายจะเป็นตระกูลมังกร…”