โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 197
RC:บทที่ 197 ความตกใจของลู่ ซื่อจี้
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวคนดังกล่าวเดินออกมาข้างหน้า ก่อนจะยื่นมือออกมาพลางยิ้ม
“สวัสดีครับ คุณทนาย” ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงได้มายืนอยู่ต่อหน้าเธอ เมื่อเห็นว่าเธอยื่นมือออกมา หลิน เฟิงจึงรีบยื่นมือจับ
“ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยยังไงก็ไม่รู้ค่ะ” หลังจากได้จับมือกับหลิน เฟิง หญิงสาวก็มองไปที่เขาก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม
“คุ้นๆงั้นหรือ” หลิน เฟิงเองก็ถึงกับนิ่งไป พอมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างถ้วนถี่ เขาเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
“อืม ผมเองก็ว่าคุณดูคุ้นๆอยู่ ไม่ใช่แค่เสียง แต่รูปร่างภายนอกก็ด้วย ถอดแว่นให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา หลิน เฟิงก็รู้สึกว่าเขาคงจะขอมากไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” หญิงสาวว่าขึ้น ก่อนจะถอดแว่น
“จำได้แล้ว นี่เธอคือลู่ ซื่อจี้นี่” หลังจากที่ถอดแว่นให้เห็น หลิน เฟิงจึงมองอย่างถี่ถ้วนและจำเธอคนนี้ได้ขึ้นมาทันที
“แล้วคุณคือ” เมื่อหญิงสาวเห็นว่าหลิน เฟิงจำเธอได้ แต่เธอกลับจำหลิน เฟิงไม่ได้
“ฮ่าๆ ฉันหลิน เฟิงไง เพื่อนนั่งข้างๆเธอตอนเรียนมัธยมปลาย ที่นั่งอยู่ด้วยกันเดือนหนึ่งน่ะ จำไม่ได้หรอ” หลิน เฟิงว่าพลางยิ้มๆ
“หลิน เฟิงงั้นหรือเนี่ย จำได้ละ คุณ เอ้ยนี่นายโตขึ้น สูงขึ้นมากเลย แถมยังหล่อด้วย” ลู่ ซื่อจี้เอ่ยด้วยความประหลาดใจก่อนจะมองไปที่หลิน เฟิงตาโต
“ขอบใจนะ เธอเองก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ความสวยนะ แต่นิสัยด้วย” หลิน เฟิงอุทาน
ตอนที่หลิน เฟิงเรียนอยู่มัธยมปลาย เขาต้องนั่งกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในเดือนแรก แต่เธอไม่ค่อยคุยอะไรมากนัก เพราะเธอเป็นคนขี้อายมาก และตอนนั้นก็ยังไม่ได้ใส่แว่นด้วย
หลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือน ครูจึงจัดให้ลู่ ซื่อจี้ย้ายไปนั่งอีกที่หนึ่ง
ลู่ ซื่อจี้เป็นคนอวบเล็กน้อย ผมสั้นและไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก แม้แต่กับหลิน เฟิง
นี่ก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกันว่าหกปีต่อมาลู่ ซื่อจี้จะสวยได้ขนาดนี้ ถึงจะไม่เท่าซู หว่านเอ๋อร์กับมู่ ซินซินเลยก็เถอะ แต่ก็ถือว่าติดหนึ่งในร้อยเลย
ผมสั้นแบบนั้นทำให้ดูมีชีวิตชีวา ดวงตาสีทอง ท่วงท่าสง่างาม ชุดเดรสสีดำที่เผยให้เห็นถึงรูปร่างสมส่วน
แม้แต่หลิน เฟิงเองก็ยังตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ใครจะไปคิดล่ะว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่เมื่อก่อนเคยอ้วนในตอนนั้นจะโตมาเป็นสาวหุ่นยาวเข่าดีแบบนี้ ใครจะไปคิดว่าเด็กผู้หญิงที่เคยเป็นคนพูดน้อยมาก่อนคนนั้นจะกลายมาเป็นทนายความที่พูดจาฉลาดฉะฉานแบบนี้ได้
เพียงหกปี อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ในเวลานั้น สถานะของครอบครัวหลิน เฟิงเองก็ไม่ได้ดีนัก ไม่ได้กินอะไรที่อุดมสมบูรณ์แบบลู่ ซื่อจี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตาเดียว
“โห พี่เฟิง ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะมีเพื่อนเก่าด้วย แบบนี้ก็ง่ายเลยสิ ไม่ต้องมามัวเก้อเขินกันอีกแล้ว ฮ่าๆ” หวัง หานมองไปที่ลู่ ซื่อจี้ก่อนจะหัวเราะ
ลู่ ซื่อจี้เป็นสาวที่น่าหลงใหล ทั้งหวัง หานและจื้อเฉิงต่างก็รู้สึกสนใจ ยกเว้นแต่ว่าจื้อเฉิงนั้นมีภรรยาเรียบร้อยแล้วและหลิน เฟิงเองก็มีใครในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ก็เหลือแค่คนเดียว ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงได้แค่นึกชื่นชมเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม หวัง หานเองก็มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ก็ปิดบังได้อย่างรวดเร็ว
แต่เพราะหลิน เฟิงและจื้อเฉิงนั้นต่างมีพลังกันแล้วในตอนนี้ ในขณะที่พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังที่ว่านั้นแรงแค่ไหน พวกเขาก็เห็นคลื่นอารมณ์ของหวัง หานในตอนนั้นทันที แต่พวกเขาก็ทำเป็นยิ้มๆ
“ผ่านไปหกปี ดูเปลี่ยนกันไปเยอะเลยเนอะ แล้วนายสบายดีนะ เออ ใช่ เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องธุระกันก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยคุยกันเนอะ แล้วว่าแต่ตอนนี้นายกำลังจะทำอะไรล่ะ”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลู่ ซื่อจี้เองก็ไม่ลืมว่าเธอเองเป็นทนายความและที่มาก็เพราะเรื่องนี้
“ก็ ไม่มีอะไรหรอก แค่มาคุยเรื่องอะไรบางอย่างแล้วครั้งนี้ก็จะมาเซ็นสัญญา แต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนักด้วย เราก็เลยต้องการความช่วยเหลือจากทนายน่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“อ๋อ ได้สิ ไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไรเลย แล้วเราจะไปที่ไหนกันล่ะ กับใคร” ลู่ ซื่อจี้ถามขึ้น
เมื่อหลิน เฟิงได้ฟังเธอพูด เขาก็รู้สึกถึงความชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผล พลางนึกถึงความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ เธอที่ไม่ใช่แค่ขี้อายแต่ยังพูดน้อยตอนที่เรียนอยู่มัธยมปลาย
“มากับฉันเลย มา”
จากนั้นหลิน เฟิงจึงพาทั้งสามคนไปยังร้านมิตรภาพของหวัง ฮ่าวหมิง
หลังจากนั้นเพียงครู่ หลิน เฟิงและคนอื่นๆก็มาถึงจุดหมาย ร้านอาหารมิตรภาพ
ตอนนี้ ร้านอาหารแห่งนี้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร้านหลักนั้นเป็นแค่โรงแรมสามชั้น แต่ตอนนี้กลับมีเพิ่มสองแห่งอยู่ใกล้ๆกัน
หลิน เฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้านายทั้งสองคนนี้เลย เขาเคยอยู่ที่นี่สามหรือสี่เดือนนับตั้งแต่รู้จักพวกเขามา และก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ด้วย
“ที่นี่ไงล่ะ มาทานอาหารเช้ากันก่อนเถอะ” หลิน เฟิงพูดขึ้นเมื่อมายืนอยู่หน้าร้านอาหารมิตรภาพ
“ที่นี่น่ะหรือ” ลู่ ซื่อจี้รู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นร้านอาหารมิตรภาพที่หลิน เฟิงชี้
ร้านอาหารมิตรภาพในตอนนี้มีชื่อเสียงในอำเภอจิ้งเฟิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไก่ฟีนิกส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรวยๆเท่านั้นที่จะกินได้ แม้แต่ลู่ ซื่อจี้เองก็เคยกิน
ในตอนนี้ มีไก่ฟีนิกส์เพิ่มขึ้นมาในร้านอาหารมิตรภาพ แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาได้กินอยู่ดีเพราะไม่ใช่ว่าพวกเขาจะกินได้โดยใช้แค่เงินแต่ยังต้องมีเส้นสายด้วย
สิ่งที่กินจะเป็นสิ่งที่บอกถึงสถานะ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นว่าหลิน เฟิงชี้ไปที่ร้านอาหารนี้แล้วบอกว่าจะกินข้าวเช้าอีก เธอจึงตกใจและคิดว่าหลิน เฟิงต้องบอกผิดแน่ๆ
“ใช่น่ะสิ ที่นี่ไง แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาพูดถึงเรื่องพวกนี้ทีหลัง ไปกันเถอะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางก้าวเข้าไปเป็นคนแรก
“เอ่อ…” ลู่ ซื่อจี้รู้สึกช็อคไปชั่วครู่ พลางกลัวว่าหลิน เฟิงเองอาจจะถูกไล่ออกมา แต่เธอก็ตามเขาไปอย่างช้าๆ
เพราะตอนนี้ ไม่ว่าหลิน เฟิง หวังหานหรือจื้อเฉิงต่างก็แต่งตัวไม่เหมือนคนที่ประสบความสำเร็จหรือลูกหลานของคนรวยเลย แต่เหมือนกับคนที่มาจากชนบทเสียมากกว่า
ถ้านี่ไม่ใช่เพราะนิสัยที่คลุมเครือของทั้งสามล่ะก็ คนอื่นๆอาจคิดว่ามาจากชนบทจริงๆก็ได้
เมื่อคนทั้งสี่คนเดินเข้าไปในร้านอาหารมิตรภาพด้วยกันนั้น เพียงแค่ที่ประตู หลิน เฟิงจึงได้พบว่าพวกเขาทุกคนต่างต้องจัดระเบียบและต้องดูหรูหรากว่านี้ ให้ต่างจากเดิม
“หยุดก่อน” เมื่อทั้งสี่คนเดินมาถึงประตู บริกรคนหนึ่งก็บอกให้หยุด
“ว่าแล้วไง เฮ้อ” ลู่ ซื่อจี้ถอนหายใจพลางรู้สึกว่าเธอสามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้
“หืม” เมื่อได้เห็นชายคนนี้ หลิน เฟิงก็คาดไม่ถึงว่าครั้งล่าสุดนั้นก็มีคนขอให้เขาหยุด และมาครั้งนี้ก็มีคนขอให้เขาหยุดอีก
“นี่ นั่นหัวหน้าหลินไม่ใช่หรือไง” ในตอนนั้นเอง บริกรสาวอีกคนหนึ่งก็เข้ามาเห็นหลิน เฟิงก่อนที่เขาจะมองบริกรสาวคนนั้น
“โอ๊ะ ขอโทษครับ” แล้วชายคนดังกล่าวก็รีบเอ่ยขอโทษ แล้วก็เดินออกไป บริกรคนที่จำหลิน เฟิงได้ก็รีบเข้ามาพะเน้าพะนอเขา
ในตอนนั้นเอง สายตาของลู่ ซื่อจี้ที่มองหลิน เฟิงก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เธอคิดว่าเหตุการณ์ต่อมาคงจะมีการปะทะคารมกันเกิดขึ้นแน่ๆ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คืออีกฝ่ายกลับให้ความเคารพเขาอย่างมาก
นี่หลิน เฟิงเป็นใครกันแน่เนี่ย
ลู่ ซื่อจี้ก็ตกใจมากที่เห็นท่าทีของบริกรสาว พลางอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้หลิน เฟิงกำลังทำอะไรอยู่กันแน่จึงทำให้บริกรสาวเคารพนบนอบมากขนาดนี้
“ไง เจ้านายของพวกคุณล่ะ”