โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 193
RC:บทที่ 193 จุดเริ่มต้นของต้นไม้ปีศาจ
“นายท่านจะต้องทำสัญญาก่อน เพราะพวกสัตว์วิญญาณพืชน่ะมันเป็นพวกเหลี่ยมจัดแถมพละกำลังก็น่ากลัวนัก ในตอนนี้มันยังไม่ตายหรอก”
คำพูดในตอนแรกของมังกรดำนั้นยังไม่กระจ่างนักแต่ในที่สุดก็ได้รู้ หลังจากได้ฟังในสิ่งที่มันพูด หลิน เฟิงก็จิกมือของมันมาอีกครั้ง
“เอาพันธสัญญาชุดวิญญาณออกมา” หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางรู้สึกถึงแรงยึดเกาะที่มือของตนนั้นมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แล้วยิ่งควันสีดำนั้นขยายมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งร้องด้วยความเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
“ก็ได้ พันธสัญญาของข้า” หุ่นไม้ตัวจ้อยว่าขึ้นอย่างเจ็บปวดก่อนจะรีบยื่นพันธสัญญาชุดวิญญาณนั่นออกมา
จากนั้น หลิน เฟิงก็ขยับตัว ก่อนที่ชุดวิญญาณพวกนั้นจะลอยเข้ามาในจิตของเขา พันธสัญญาเสร็จสมบูรณ์แล้ว หลิน เฟิงเองก็เริ่มเชื่อมต่อกับหุ่มไม้ตัวน้อยนี้ขึ้นมาทีละนิดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนนัก
แต่หลิน เฟิงเองก็รู้แล้วว่าหุ่นไม้นี้ไม่สามารถแยกจากเขาไปไหนได้อีก จนตอนนี้ทั้งความคิดและอารมณ์ของมันนั้นเริ่มชัดเจนแล้ว
จนถึงตอนนี้ หลิน เฟิงจึงได้ปล่อยตัวหุ่นไม้นี้ เขาเห็นมันนอนกองอยู่กับพื้น ควันดำห่อหุ้มไปทั่วร่างราวกับกำลังจะตาย
แต่หลังจากที่ได้ทำพันธสัญญาระหว่างหลิน เฟิงกับเจ้านี่แล้วนั้น เขาก็ได้รู้แล้วว่าพละกำลังของมันนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ นี่ถ้าเขาไม่ได้ฟังมังกรดำก่อนล่ะก็ เขาคงถูกเจ้านี่หลอกสนิทแล้ว
มันนอนราบอยู่บนพื้น ล้อมรอบไปด้วยสัตว์วิญญาณที่ล้อมกันเป็นวงกลม ดวงตาน้อยใหญ่ต่างจับจ้องมาที่มัน
“อาฮ่า ในที่สุด ดูสิ นายท่าน ข้าเห็นหุ่นไม้นั่นทำท่าคุกเข่าด้วยล่ะ”
“เอ่อนี่ ลุกขึ้น ชื่อของนายคือต้นไม้ปีศาจงั้นหรือ” หลิน เฟิงจ้องไปที่หุ่นไม้ตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้น
“ใช่แล้วล่ะจอรับ นายท่าน นี่เป็นร่างที่ข้าใช้หนี ส่วนร่างลำต้นของข้าน่ะถูกนายท่านเผาไปแล้ว” ปีศาจต้นไม้ยืนขึ้นก่อนจะพูดออกมา
“อ้อ หรอ ถ้างั้น นายจะสามารถคืนร่างจริงของนายมาได้ยังไงน่ะ” หลิน เฟิงเอ่ยถาม
ถ้าเจ้านี่กลายเป็นแบบนี้ไปตลอด ก็ไร้ประโยชน์เพราะมันไม่มีพลังในการต่อสู้เลย นอกจากวิ่งเร็ว
“นายท่าน รอแปบ” แล้วเขาก็เห็นต้นไม้ปีศาจนั่นวิ่งตรงไปยังต้นไม้ใกล้ๆแถวนั้น ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
เมื่อเห็นความเร็วที่ใช้หลบหนี หลิน เฟิงก็ถึงกับประหลาดใจ นี่ถ้าเขาหมดแรงไปก่อนล่ะก็ เขาอาจจะจับเจ้านี่ไม่ได้ก็ได้
หุ่นไม้ตัวจ้อยนั้นวิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่หนาราวกับคนใกล้ๆนั้น ก่อนที่มันจะเข้าไปยังใจกลางของต้นไม้นั้นในทันที แล้วต้นไม้ใหญ่นั่นก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่นาน ต้นไม้นั่นก็กลายเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่มีกิ่งก้านออกมามากมาย
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า หลิน เฟิงก็ต้องตกใจสุดๆอีกครั้ง ณ ขณะนั้น ต้นไม้ปีศาจดูเหมือนจะเกิดใหม่พร้อมกับร่างใหม่
“ต้นไม้ปีศาจนี่ ถ้านายหนีไปหาต้นไม้อีกต้นหนึ่งล่ะก็ เราคงได้สู้กันหืดขึ้นคออีกแน่ๆใช่ไหมนี่” หลิน เฟิงถามขึ้น
“ถูกแล้วล่ะ นายท่าน ตราบใดที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่แถวๆนี้ จากในระดับเดียวกัน ก็ไม่มีใครจะมาเอาชนะข้าได้แล้ว แม้ว่าร่างจะถูกทำลายไป ถ้าจับร่างปีศาจนี้ไม่ได้ ข้าก็สามารถเปลี่ยนร่างแบบนี้ได้ในทันที แล้วเลือดก็จะกลับมาเต็มเหมือนเดิม” ดวงตาผีของต้นไม้ต้นนี้ขยับร่างขนาดใหญ่ของตนมายังหลิน เฟิง เดินพลางพูดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
หลังจากได้ฟังในสิ่งที่มันพูดออกมา หลิน เฟิงและทุกคนที่นั่นก็ถึงกับตกใจอย่างมาก นี่ถ้าหลิน เฟิงมาช่วยไม่ทันเวลาล่ะก็ พวกเขาคงต้องเจองานช้างแน่วันนี้
“ทรงพลังมากเลยหรือนี่ ว่าแต่ นายมาจากไหนกัน” จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“ก็นายท่านนั่นแหละเป็นคนฝึกข้ามาไม่ใช่หรือขอรับ” ดวงตาผีบนต้นไม้ตอบกลับมา
“อะไรนะ ฉันเป็นฝึกนายเป็นงั้นหรือ จะเป็นอย่างงั้นไปได้ไง” หลิน เฟิงงุนงง
“ข้าเคยเป็นเมล็ดพันธุ์เล็กๆ อยู่ที่อีกโลกหนึ่งในตอนนั้น ที่นั่นมีออร่ามากมายมากกว่าที่นี่หลายเท่า ในตอนนั้น ข้ายังมีสติดีอยู่ แต่จู่ๆก็ถูกดูดเข้ามาในนี้ด้วยหลุมวนสีดำ แล้วนายท่านก็เอาข้าเข้าไปในช่องสีเทา”
“นายท่านใช้เวลาอยู่นานเลยกว่าจะเอาข้าออกมาและปลูกลงที่นี่ น้ำยาที่มีสารอาหารของนายท่านเองก็ดื่มเต็มอิ่มมาก สำหรับพวกข้า กว่าจะมาถึงระดับนี้ได้ต้องใช้เวลาเป็นสิบหรือร้อยปี แต่นี่กลับใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งเดือนในการมาถึงระดับนี้ได้”
ในตอนนี้ ปีศาจต้นไม้ก็เหมือนกับเด็กๆที่เล่าเรื่องราวในตอนแรกของตนเป็นฉากๆซึ่งทำเอาหลิน เฟิงรู้สึกสับสน
ในตอนนี้เอง หลิน เฟิงก็นึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าตัวเองกับราชาหมาป่าขาวนั้นเคยลงต้นไม้วิญญาณทั้งสามต้น แล้วมีสิ่งหนึ่งร่วงลงมา แต่เขาไม่ได้นึกใส่ใจ และในตอนนั้น หลิน เฟิงเองก็รินน้ำยาเติบโตระดับต่ำไปบนพื้นเสียหลายขวดด้วย
สิ่งที่ตกลงมาบนพื้นนั้นก็คือเมล็ดพืชสีเขียวที่หลิน เฟิงได้มาอยู่ในหลุมดำลึกลับนั่นเอง
(ตรงนี้ขอชี้แจ้ง.. ตอนก่อนหน้านี้ตอนปลูกมีที่เมล็ดหล่นลงมา ผู้แปลคิดว่าเป็นผลจิตวิญญานบนต้นไม้ แต่2ตอนที่ผ่านมาได้เฉลยแล้วว่า ผลจิตวิญญานที่เหี่ยวเฉายังคงอยู่บนต้นทั้ง3ลูก ก่อนจะแบ่งกัน จากนั้น เมล็ดหรือผลที่หล่นลงพื้นคือเจ้าเมล็ดเถาวัลย์อันนี้นี้เอง)
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิน เฟิงจึงดูข้างในวงแหวนอวกาศจนมั่นใจแน่ว่าเมล็ดพืชสีเขียวนั้นหายไป เขาจึงเชื่อในสิ่งที่ต้นไม้ปีศาจนั้นพูด
“เป็นงี้นี่เอง” หลิน เฟิงแน่ใจแล้ว
“แล้วนี่ นายมาจู่โจมใส่หวัง หานได้ยังไงน่ะ” หลิน เฟิงถามขึ้นก่อนจะชี้ไปที่หวัง หาน
“ก็นะ ใครใช้ให้เขาเอาไม้มาฟาดข้ากันล่ะ ข้าก็แค่ออกไปหาอะไรใส่ท้องเฉยๆหรอก” ต้นไม้ปีศาจต้นดังกล่าวไม่พอใจเหมือนกับเด็กๆ
“เอาล่ะๆ เข้าใจละ เรื่องในวันนี้ก็แค่นี้ล่ะนะ นายจะกินไก่ก็กินได้แต่ต้องควบคุมปริมาณด้วย นายจะมาทำให้สัตว์วิญญาณตรงหลังบ้านเจ็บตัวแบบนี้ไม่ได้ เข้าใจไหม” หลิน เฟิงกล่าวกับต้นไม้ปีศาจ
“ขอรับ นายท่าน” มันตอบกลับมาด้วยเสียงเศร้าๆ
“อืมๆๆ โอเค เท่านั้นแหละ แล้วก็นี่ จื้อเฉิง นายเรียกหวัง ซื่อมาหน่อย” หลิน เฟิงกล่าวกับจื้อเฉิง
ก่อนหน้านี้ หลิน เฟิงก็ไม่ได้มีแผนที่จะให้หวัง หานกับ หวัง ซื่อต้องมารับรู้ความลับของเรื่องสัตว์วิญญาณของเขานี้อยู่แล้ว แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเขาเข้ามาในบริเวณหลังบ้านนี้ หลิน เฟิงก็จะบอกให้สัตว์วิญญาณตัวอื่นๆซ่อนตัว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เคยรู้ว่ามีสัตว์วิญญาณอยู่มากมายอยู่บริเวณหลังบ้าน
ตอนนี้ มีสัตว์วิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ และก็จะมีมาอีกในอนาคต นี่คงถึงเวลาที่ต้องบอกพวกเขาแล้วเพื่อไม่ให้ต้องมาโดนโจมตีแบบนี้ในคราวหลังอีก
ในระยะเวลาสั้นๆ หวัง ซื่อและจื้อเฉิงก็เดินกลับมา เมื่อหวัง ซื่อมาถึง เขาก็เห็นสัตว์รูปร่างแปลกๆยืนนิ่งอยู่แบบนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้นึกหวาดกลัว แต่กลับมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่า
เหตุผลที่ว่าทำไมสัตว์พวกนี้ถึงยืนนิ่งๆนั่นก็เพราะหลิน เฟิงขอให้พวกมันทำแบบนั้นเพื่อไม่ให้หวัง ซื่อกลัว แต่ทว่า การแสดงออกของหวัง ซื่อนั้นทำเอาหลิน เฟิงประหลาดใจ
“นี่ พี่เฟิง นี่มันอะไรกันครับเนี่ย ตุ๊กตาหรอ ดูเหมือนมีชีวิตเลยนะเนี่ย โดนเฉพาะมังกรดำตัวนี้นี่ เหมือนจริงเวอร์อ่ะ” หวัง ซื่อว่าขึ้นพลางใช้มือบิดเขามังกรดำก่อนจะกระตุกหนวดมังกรตัวดังกล่าว
“ก็ลองดูอีกทีสิ ส่วนจะเชื่อหรือไม่ ให้ข้ากินเจ้าก่อนแล้วกัน” พลันมังกรดำก็ผงกหัวขึ้นก่อนจะจ้องที่เขา
“ขอถูตาแป๊บ มันเกิดอะไรขึ้นนี่ เจ้านี่มันพูดได้ไงกันน่ะ” หวัง ซื่อรู้สึกกลัวขึ้นมาก่อนถอยกรูดกลับไปอย่างไว
“ไม่มีอะไรๆ ทุกคนใจเย็น” หลิน เฟิงว่า
จากนั้น สัตว์ทุกตัวที่อยู่ในนั้นก็เริ่มขยับตัว ส่วนหวังซื่อก็ได้แต่ตกตะลึงและแทบไม่อยากเชื่อ
“เฮ้ย นี่พี่ก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ” ในตอนนั้นเอง หวัง หานก็เดินออกมา
“งั้นก็มานี่เลย ทั้งสองคน แล้วนายก็บอกหวัง ซื่อไปด้วยละกันว่าอะไรหอบนายมาที่นี่” หลิน เฟิงบอกหวัง หานเรื่องนี้
“วางมือของนายลงบนลูกบอลคริสตัลสิ” หลิน เฟิงหยิบเอาลูกบอลดังกล่าวมาไว้ในมือซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้ขอเอาไว้ก่อนที่ท่านผู้อาวุโสไป๋จะจากไป
สิ่งนี้ก็คือลูกบอลทดสอบคุณลักษณะสัมพันธ์ ซึ่งจะถูกใช้เป็นพิเศษในการทดสอบความเป็นหนึ่งเดียวของคุณลักษณะของผู้คน แล้วมันยังใช้ทดสอบคุณลักษณะที่มีอยู่หรือที่ไม่มีอยู่ได้
ลูกบอลนี้ยังใช้งานได้อีกมากมาย แล้วท่านผู้เฒ่าไป๋ก็ได้บอกเรื่องนี้กับหลิน เฟิงแล้ว
“มานี่ เอามือนายวางลงบนนี้…”