โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 169
RC:บทที่ 169 ผู้ก่อการร้ายจากองค์กรมืด
“อย่างนี้น่ะหรือ” ในตอนนี้ มือของหลิน เฟิงนั้นก็บีบเข้าหากันอีกครั้ง รวมถึงพละกำลังของเขานั้นก็น่ากลัวมากเสียจนเขาเองยังแทบไม่หายใจ
จากนั้นมือของเขาก็จิกลงเล็กน้อยก่อนจะเกิดเสียงคลิก ชายคนนั้นไม่หายใจอีกแล้ว
รวมถึงดวงตาคู่โตที่จ้องมายังหลิน เฟิงคู่นั้น แม้ว่าตนจะตาย เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าหลินเฟิงหลีกเลี่ยงพลังเนตรมรณะนั้นไปได้อย่างไร
เมื่อหลิน เฟิงปล่อย ร่างของเขาก็ตกลงบนพื้น ส่วนอีกามรณะหอบหายใจถี่รัวจนแทบไม่หายใจ แล้วก็ตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยเช่นกัน
“นี่มัน เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
ชายคนที่กำลังสู้อยู่กับมังกรแห่งแสงอยู่นั้นเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขากับสัตว์คู่ใจจึงรีบผละออกจากมังกรแห่งแสงก่อนจะเร่งรุดมาที่นี่
ชายอีกคนก็โกรธหลิน เฟิงเช่นกัน ในขณะที่หลิน เฟิงแบกร่างเจ้านายของอีกามรณะตัวนั้น เขาเองก็พร้อมจะสู้กับหมอนั่นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงที่เพิ่งจะฆ่าชายคนดังกล่าว จึงไม่มีเวลามาโอ้เอ้ แล้วก็โชคดีที่มู่ ซินซินเองก็มาถึงแล้วหยุดเขาไว้ได้ หลิน เฟิงจึงปลอดภัย
เมื่อพวกนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลิน เฟิง เขาจึงวางร่างของชายคนนั้นลงบนพื้น
ชายสองคนนั้นมองเพื่อนร่วมงานของตนที่ร่วงลงบนพื้น ไร้ซึ่งลมหายใจ ด้วยแววตาที่ไม่นึกเชื่อ ในตอนนี้พวกเขาต่างรู้แล้วว่าพลังของชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
ในบรรดาทั้งสามคนนั้น หลิน เฟิงได้ลงมือฆ่าชายคนดังกล่าวด้วยวิธีการที่ประหลาดและล้ำลึกที่สุด
และที่คาดไม่ถึงก็คือ หลิน เฟิงลงมือสังหารในพริบตาเดียว
ไกลออกไปนั้น
“เจ้านี่มันเป็นใคร ก็แค่ผู้มีพลังระดับCเองนี่นา แต่พลังช่างแข็งแกร่งมากจนกระทั่งลงมือฆ่าสมาชิกระดับBถึงสองคนได้” ผู้คนต่างกำลังจ้องมองอยู่ในความมืดว่าขึ้น
“ฉันก็ไม่รู้ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้านี่เลย” อีกคนข้างหลังว่าขึ้น
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทีมอื่นๆเป็นยังไงกันบ้าง แต่ฉันก็พร้อมที่จะลงมือเหมือนกัน ให้เวลาพวกเขาอีกหน่อยแล้วกัน”
“ดีเลย”
ไม่ไกลกันนัก!
บริเวณบ้านพักถัดจากพวกเขาไปนั้น ชายสูงวัยท่านหนึ่งกำลังมองมาด้วยท่าทีเพลิดเพลิน
“ไม่เลวเลย ช่างเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีเสียจริง ไหนจะการใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ลึกซึ้งมาก แถมเชาวน์ปัญญาก็ชั้นเลิศอย่างที่สุด ยอดเยี่ยมเลย เราจะต้องรับเขามาเป็นศิษย์ให้ได้” ชายสูงวัยกล่าวให้กำลังใจตนเองขณะที่มองดูอยู่
ชายชรามองดูการต่อสู้ตั้งแต่เริ่มจนจบ รู้สึกพอใจเอามากๆ
เป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะเอาชนะผู้มีพลังระดับBได้ด้วยการใช้พลังระดับC
“เอ๋ ดูเหมือนจะยังมีพวกกระจอกนั่นกำลังจะมาร่วมสู้ด้วยอีก แถมยังจะสู่กับหลิน เฟิงด้วย มาเลย มาดูซิว่าขีดจำกัดของเขาจะไปได้ถึงไหนกัน” ชายชราว่าขึ้นพลางลูบเคราไปมา
แต่อีกฟากหนึ่งนั้น ก็ยังมีหัวหน้าอยู่ ก็คือมู่ เทียนเฉิง คู่แข่งของเขา ชายชราลูบคางพลางสงสัย
“เอาเลย หลิน เฟิง บวกกับความช่วยเหลือจากเด็กสาวคนนั้น แม้ว่าจะเอาชนะพวกกระจอกนั่นไม่ได้ แต่พวกเขาก็จะไม่เป็นอันตราย ฉันน่าจะไปช่วยมู่ เทียนเฉิงดีกว่า” ชายชราเอ่ยขึ้นก่อนจะหายตัวไป
ในเวลาไม่นาน ร่างของชายชราก็มาปรากฏขึ้นที่อีกห้องหนึ่ง ตรงประตูเรือนจำของสถานีตำรวจ
“โครม”
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น ก่อนจะมองไปเห็นร่างของคนสองคนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น จากนั้นร่างของทั้งสองคนนั้นก็กระเด็นปลิวไปคนละทิศคนละทางตามลำดับ
คนหนึ่งคือมู่ เทียนเฉิง ส่วนอีกคนคือชายสวมหน้ากากดำ
ชายคนนั้นสวมชุดดำ สวมหน้ากากผี ลอยไปในอากาศพลางมองมู่ เทียนเฉิงด้วยแววตาเย็นชา
การปรากฏตัวขึ้นของชายชรานั้นไม่ได้เป็นที่สะดุดตาของใคร ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่
เพียงแวบเดียว ชายชราก็เห็นกลุ่มคนยืนอยู่เป็นสองฝ่าย กลุ่มคนชุดดำทางซ้าย แต่ละคนสวมหน้ากากสัตว์ บ้างก็สวมหน้ากากผี
แถมแต่ละคนยังมีลมหายใจที่รุนแรงด้วย
“โห องค์กรราตรีมารวมตัวกันแล้วหรือคืนนี้ การได้มาเห็นคนพลังระดับAเจ็ดหรือแปดคนนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ” ชายชราพึมพำ
“หัวหน้าคนไหนขององค์กรราตรีที่เป็นผู้นำของฝั่งตรงข้ามนี้” มู่ เทียนเฉิงและผู้นำของอีกฝ่ายต่างเข้าต่อสู้กัน ก่อนจะถอยร่นแล้วถามขึ้น
“องค์กรราตรี หน่วยที่ห้า เป็นหนึ่งในสามของรองหัวหน้า กลุ่มแสงราตรี” หัวหน้าของฝั่งตรงข้ามตอบ
“ไม่คิดไม่ฝันเลยนะว่าจะเป็นหนึ่งในสามคนดังของรองหัวหน้าแห่งองค์กรราตรี เย่หมิง จะมาด้วยตัวเอง ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว” มู่ เทียนเฉิงผ่อนลมหายใจก่อนจะว่าขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่ใจกลางของความลับอันเลวร้ายนี้ เขาเองก็คาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นหนึ่งในสามรองประธานขององค์กรมืดที่ออกมาด้วย
เย่หมิง เป็นผู้มีพลังระดับA เช่นกัน เขาได้เป็นผู้มีชื่อเสียงก่อนมู่ เทียนเฉิงเสียอีก เขานั้นได้ก้าวเข้ามาในวงการนี้เป็นเวลานานแล้ว แถมพละกำลังของเขานั้นห่างจากพลังระดับSเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
แม้ว่าจะอยู่ในระดับAขั้นสูงสุด แต่มู่ เทียนเฉิงก็ไม่ใช่คู่มือของเย่หมิงในแง่ของพละกำลัง และถ้าเขาดึงดันที่จะสู้ต่อ มู่ เทียนเฉิงจะต้องเป็นคนแพ้แน่
สิ่งที่ทำให้มู่ เทียนเฉิงกลัวมากกว่าเดิมนั้นก็คือพวกมีพลังระดับAหกหรือเจ็ดคนที่ยืนอยู่ข้างๆเหยอ หมิงนั่นล่ะ แม้ว่าพวกนั้นจะไม่ใช่ระดับAขั้นสูงสุด แต่ก็ถือว่าเป็นพวกแนวหน้าและแนวกลางของระดับAเลย แถมยังมีอยู่จำนวนมากด้วย นอกเหนือจากตัวเขาเอง มู่ เทียนเฉิงนั้นมีพลังระดับAแค่สามคนเท่านั้น นี่จึงไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้นัก
“ สิ่งของที่อยู่กับชายคนนั้นคืออะไรกัน พอที่จะทำให้รองหัวหน้าหน่วยที่ 5 ลงมือเองแบบนี้ ” มู่ เทียนเฉิงไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ท่านประธานมู่ คุณก็เป็นแค่อธิบดีของสถานีตำรวจในอำเภอเล็กๆอย่างจิ้งเฟิงเท่านั้น แล้วทำไมคุณถึงต้องมาเป็นศัตรูกับองค์กรราตรีของพวกเรากันล่ะ คุณก็น่าจะรู้ถึงระดับและความน่ากลัวของพวกเรานี่นา เกรงว่าถ้าเราลงมือจริงๆล่ะก็ สถานีตำรวจอำเภอจิ้งเฟิงแห่งนี้ก็จะถูกเรากำจัดเป็นผุยผงภายในพริบตาเดียวเท่านั้น” เหยอ หมิงกล่าวขึ้นพลางเดินไปเดินมา
“นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่เรียกว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นของคุณก็ดูเหมือนจะไม่มีเวลามาช่วยคุณได้ทัน พอถึงตอนนั้น ทั้งโลกก็จะประกาศว่าคุณตายอย่างสมเกียรติและห้าวหาญ ชื่อของคุณจะดังกระฉ่อน อาจจะเป็นวีรชนหรืออะไรทำนองนั้น ว่าไหม ฮ่าๆๆ” มันว่าพลางหัวเราะ
น้ำเสียงของเหยอ หมิงนั้นเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย แต่มู่ เทียนเฉิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นก็เป็นความจริง
มู่ เทียนเฉิงนั้นตระหนักถึงความร้ายกาจขององค์กรราตรีนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังมืดหลักทั้งสามนี้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีใครในจีนจะรู้จักพลังพวกนี้ด้วย
และยิ่งกับอำเภอเล็กๆอย่างจิ้งเฟิงด้วยแล้ว พวกมีอำนาจเบื้องบนก็ยิ่งไม่ได้ให้ความสนใจมากอะไร
“สิ่งที่หัวหน้าขององค์กรราตรี เย่หมิง พูดนั้นมีเหตุมีผลมากอยู่นะ แต่ที่สงสัยก็คือมีสิ่งไหนที่ทำให้พวกนายมาที่นี่แบบนี้” มู่ เทียนเฉิงกล่าวขึ้น
“ฮ่าๆ ไม่ว่านายจะทำอะไร อย่าถามซะดีกว่า นี่ล่ะคือสิ่งที่เบื้องบนสั่งมาให้ทำ ดังนั้นฉันจึงมาแนะนำให้ท่านอธิบดีได้รู้อะไรมากขึ้นและจะได้จัดการคนให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่อย่างงั้นแล้ว สถานีตำรวจของคุณได้นองเลือดแน่ๆ” ชายจากองค์กรราตรีว่าขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“ฮ่าๆ ฉันน่ะเก่งทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้ทุกเรื่อง และถ้ายิ่งมีใครมาขู่ให้ฉันทำโน่นทำนี่ล่ะก็ ฉันก็ยิ่งไม่อยากทำมากเท่านั้น”
มู่ เทียนเฉิงรู้ว่าตนนั้นไม่ใช่คู่มือของเขาในคืนนี้ นี่ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพวกเขามีพลังในมือมากมายอีก แต่ยังไงเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ในฐานะที่เป็นอธิบดี จะไม่ยอมก้มหัวให้พวกคนชั่วเป็นแน่
“งั้น ท่านอธิบดีจะต่อต้านเราไปแบบนี้จนจบ…”