โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 158
RC:บทที่ 158 องค์กรมืดทั้งสามแห่ง
เมื่อได้ยินแบบนั้น มู่ ซินซินก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ชายคนนี้นี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ
“งั้นมานี่ เดี๋ยวฉันค่อยเล่าให้นายฟังทีหลังแล้วกัน มานั่งนี่แล้วบอกเรื่องที่นายอยากจะพูดวันนี้ทีได้ไหม” มู่ ซินซินพิงกับโต๊ะ พลางกอดอก ก่อนจะจ้องไปที่หลิน เฟิง
หลิน เฟิงทำตัวไม่สุภาพเอาเสียเลย เขานั่งลงบนเก้าอี้ในห้องนั้น พลันก็เห็นกาน้ำชาบนโต๊ะ ล้อมรอบไปด้วยถ้วยหลายใบ
หลิน เฟิงยังไม่ตอบมู่ ซินซินในทีแรก แต่เขากลับหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินใส่ถ้วยแทน พลางลิ้มรสอย่างช้าๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งที่หลิน เฟิงนั่งนั้นประจัญหน้ากับร่างของตำรวจสาวพอดี เขานั่งในท่าสบายๆ ในขณะที่ตำรวจสาวซึ่งเปี่ยมไปด้วยมารยาทนั้นเข้ากันกับอารมณ์ของเธอในตอนนี้จริงๆ รูปร่างภายนอกเองก็ไร้ที่ติ ในขณะที่หลิน เฟิงนั่งเอ้อระเหย
“เอ่อ นี่นายมองอะไรอยู่ ที่นี่สถานีตำรวจนะ ไม่ใช่โรงน้ำชา” เมื่อมู่ ซินซินเห็นว่าภายนอกนั้นเขาไม่ได้ดูรีบร้อนหรือเฉื่อยชา จึงเริ่มตะโกนว่า
“นี่ คนสวย ไม่ต้องกังวลไปน่า ขอผมดื่มชาให้เสร็จก่อนนะ ก่อนจะต้องพูดอะไรให้ฟังเยอะแยะตาแป๊ะไก่น่ะ ได้ไหม” หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางจิบน้ำชาไปด้วย
“นี่นาย…ถ้าสบายใจแล้ว ก็รีบว่ามาซะ เพราะที่สำนักงานตำรวจวันนี้เขามีประชุมใหญ่กัน และฉันต้องเข้าร่วมด้วย” มู่ ซินซินมองว่าหลิน เฟิงนั้นจริงๆแล้วเป็นคนเจ้าเล่ห์และไม่มีทางเลือกอื่น และเธอก็พร้อมที่จะไปเต็มที
“นี่คุณจับคนที่มีอำนาจมาเมื่อเร็วๆนี้ใช่ไหม” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นพร้อมกับถือถ้วยชาไว้ในมือ
แล้วตอนนั้นเอง จู่ๆมู่ ซินซินก็ชะงักไปตรงประตูเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขากล่าวออกมา เธอหันหลังและเดินกลับมา
“เอ๊ะ นายรู้ได้ยังไง” มู่ ซินซินรู้สึกช็อค
คนที่รู้เรื่องนี้นั้น มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่อาวุโสในสถานีตำรวจบางนายเท่านั้น และที่รู้ก็เพราะความสัมพันธ์พิเศษ แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือหลิน เฟิงก็ดันรู้เรื่องนี้ด้วยนี่สิ
“และผู้มีอำนาจคนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้นำขององค์กรลับด้วย ใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่แค่พละกำลังที่แข็งแกร่ง แต่ตัวตนนั่นก็ไม่ธรรมดาด้วย และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ การประชุมใหญ่นั่นก็น่าจะเกี่ยวกับพวกนี้แน่ๆ” หลิน เฟิงพูดขึ้นขณะที่ดื่มชา
“นายเป็นใครกันเนี่ย รู้มากแค่ไหนกัน” ตำรวจสาวถามขึ้นอย่างนึกระแวง
ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นความลับ เธอเองก็ไม่รู้ว่าหลิน เฟิงไปรู้เรื่องนี้มาจากที่ไหนกัน
“ฮ่าๆ ผมก็แค่ประชาชนตาดำๆคนหนึ่ง ไม่รู้อะไรมากนักหรอกครับ ถึงรู้ก็แค่รู้มานิดหน่อย แต่เป็นเรื่องที่สำคัญมากด้วย แม้แต่เรื่องความปลอดภัยของสถานีตำรวจก็ตาม” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“เรื่องอะไรกันแน่ พูดมานะ” มู่ ซินซินอยากจะเข้าไปรัดคอหลิน เฟิงเสียจริงในข้อหาที่พูดเพียงครึ่งเดียว
“เฮ้อ เห็นแก่ว่าคุณอยากรู้หรอกนะ เลยต้องพูดอย่างช่วยไม่ได้” หลิน เฟิงดื่มชาจนหมดและพร้อมที่จะพูดแล้ว
เมื่อมู่ ซินซินเห็นแบบนั้น เธอจึงเหลือบตามองไปที่หลิน เฟิง นี่ถ้าเขาไม่ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อครั้งก่อนล่ะก็ เธอคงไล่เขากลับไปแล้ว
“พรุ่งนี้ องค์กรลึกลับจะเข้าโจมตีสถานีตำรวจ เราต้องช่วยผู้คน” หลิน เฟิงว่าขึ้นอย่างเคร่งเครียด
ถ้าตอนที่พูดปกติ หลิน เฟิงจะพูดด้วยท่าทีห้าวๆ แต่ในตอนนี้ ใบหน้าของเขาทั้งเครียดและเสียงก็ทุ้มต่ำลง มู่ ซินซินจึงรู้ว่าหลิน เฟิงนั้นไม่ได้พูดเล่น
“เรื่องจริงงั้นหรือ” มู่ซินซินถามอีกครั้ง
“แน่นอนสิครับ” หลิน เฟิงพยักหน้า
“นายรอก่อนนะ” มู่ ซินซินกล่าวขึ้น ก่อนจะรีบออกไป
ทำไมมู่ ซินซินถึงหนีออกไปแบบนั้นล่ะ นี่เขายังพูดไม่จบเลยนะ สามนาทีต่อมา มู่ ซินซินก็เดินมาหาหลิน เฟิงพร้อมกับพาชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาด้วย
หลิน เฟิงรู้จักชายคนนี้เพราะครั้งหนึ่งเคยพบกัน ชายวัยกลางคนท่านนี้เคยมาพบเขาหลังจากเหตุการณ์ปล้นครั้งก่อน หลิน เฟิงยังจำชื่อเขาได้อยู่เลย น่าจะชื่อมู่ เทียนเฉิงล่ะมัง เป็นอะไรกับมู่ ซินซินงั้นหรือ
“ซินซิน มีอะไรงั้นหรือ ลุงประชุมอยู่นะ แล้วจู่ๆก็ดึงลุงออกมาแบบนี้อีก” ชายวัยกลางคนว่าขึ้นอย่างไม่พอใจนัก
“ลุงคะ นี่ๆ เขามีอะไรจะพูดกับลุงค่ะ” มู่ ซินซินดึงมู่ เทียนเฉิงกลับมาก่อนจะชี้ไปที่หลิน เฟิง
“อ้าว พบกันอีกแล้วนะ หนุ่มน้อย มีอะไรให้ฉันช่วยงั้นหรือ” มู่ เทียนเฉิงว่าขึ้น
“คุณลุงครับ” หลิน เฟิงพูดทักทาย
“ท่านเป็นลุงของนายเมื่อไหร่ ท่านเป็นถึงอธิบดีกรมตำรวจ” มู่ ซินซินแย้ง
“ท่านอธิบดีงั้นหรือ”
หลิน เฟิงถึงกับอึ้งไป ชายวัยกลางคนนี้คือท่านอธิบดีกรมตำรวจจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่หลิน เฟิงรู้สึก เขาก็รู้สึกได้ว่าพละกำลังของชายคนนี้นั้นช่างน่ากลัว และเขาจะต้องเป็นเจ้าของลมหายใจแย่ๆนั่นแน่ๆ
“ไม่เป็นไรน่าพ่อหนุ่ม นายเองก็อายุเท่าๆกับซินซิน จะเรียกลุงก็ได้” ท่าทางของมู่ เทียนเฉิงนั้นดูองอาจ แต่จริงๆแล้วข้างในของเขานั้นเป็นคนสุภาพและพูดจานุ่มนวล
“โห ขอบคุณนะครับ คุณลุง เข้าใจแล้วล่ะ คือแบบนี้นะครับ มีกลุ่มลึกลับกำลังจะเข้าโจมตีสถานีตำรวจในพรุ่งนี้ครับ” หลิน เฟิงอธิบาย
“ว่าไงนะ องค์กรลึกลับงั้นหรือ องค์กรลึกลับไหน” เมื่อได้ฟังแบบนั้น มู่ เทียนเฉิงก็ถึงกับตกใจสุดขีด
“ผมก็ไม่รู้ ผมไปได้ยินเข้าโดยบังเอิญน่ะ หนึ่งในนั้นคือหยาน จุนที่หลบหนีไปตอนที่ปล้นธนาคารในตัวอำเภอเมื่อครั้งก่อน ผมก็เลยคิดว่าเป็นองค์กรนั้นล่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“หยานจุน? ใช่แล้ว ต้องเป็นพวกนั้นแน่ๆ องค์กรราตรี” มู่ เทียนเฉิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก
“องค์กรราตรีงั้นหรือ” นี่เป็นครั้งแรกที่หลิน เฟิงได้ยินเกี่ยวกับองค์กรนี้ และเขาก็ถึงกับอึ้งไป
“ใช่แล้วล่ะ ในโลกแห่งพลังนั้นจะมีองค์กรมืดอยู่สามองค์กรด้วยกัน ได้แก่ องค์กรราตรี องค์กรวันวิบัติและองค์กรปีศาจ ทั้งสามองค์กรนี้ล้วนเป็นองค์กรใหญ่ยักษ์ที่เหนือกว่าระดับSเสียอีก แถมพลังก็เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงด้วย” มู่ เทียนเฉิงว่าด้วยเสียงทุ้มลึก
“สามองค์กรนั่น เหนือกว่าระดับSอีกงั้นหรือ” หลิน เฟิงรู้สึกไม่รู้เรื่องอะไรเลยเมื่อได้ยินแบบนี้เข้า
“ตอนนี้ พวกเราจับตัวผู้นำสาขาหนึ่งขององค์กรราตรีมาได้ เขานั้นแข็งแกร่งจริงๆ และเราจะพาเขาไปแถลงข่าวที่เมืองหลวงในสองวันนี้ น่าแปลกจริงๆที่พวกนั้นจะมาที่สถานีตำรวจเพื่อมาช่วยคนในวันพรุ่งนี้ สิ่งใดกันนะที่ขับเคลื่อนคนพวกนั้นให้ทำแบบนี้” มู่ เทียนเฉิงรู้สึกสงสัย
“ไม่จำเป็นต้องพรุ่งนี้หรอก ผมได้ยินพวกนั้นบอกว่าอีกสามวัน บางทีอาจจะพรุ่งนี้ก็ได้ หรือมะรืนนี้ก็ได้ครับ” หลิน เฟิงเสริม
“นอกจากนี้ผมยังได้ยินว่า…อะไรนะ” หัวสมองของเขาตีกันไปหมด ยังจำอะไรไม่ค่อยดีนัก
“นี่จะพูดอะไรกันแน่ หนุ่มน้อย ไม่ต้องกังวลนะ ค่อยๆคิด” มู่ เทียนเฉิงเอ่ยปลอบ
“เหมือนจะมีของสำคัญบางเรื่องต่อองค์กรอยู่กับคนๆนี้ ใช่แล้ว เรื่องนั้นยังไงล่ะ” หลิน เฟิงคิดอยู่ชั่วครู่ สักพักก็กล่าวขึ้น
“สิ่งที่สำคัญต่อองค์กรนี้งั้นหรือ เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ หนุ่มน้อย ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ซินเอ๋อร์ หลานดูแลหนุ่มน้อยคนนี้ต่อแล้วกัน แล้วก็ พ่อหนุ่มน้อยเองช่วงนี้ไม่ยุ่งอะไรใช่ไหม ที่สถานีตำรวจกำลังขาดคนอยู่พอดีเลย ทำไมหลานชายไม่คิดจะช่วยลุงเลยล่ะ ฮึ” มู่ เทียนเฉิงกล่าวขึ้น
“ฮะ” เมื่อหลิน เฟิงได้ยินแบบนั้น เขาก็อึ้งไปเพราะต้องการแค่รายงานข่าวนี้แล้วก็กลับ
“ไม่นะ สัญญาสิ ก็พูดเองไม่ใช่หรอว่าตัวเองเป็นประชาชนตาดำๆ นี่ก็คงถึงเวลาสละให้บ้างแล้วล่ะ” มู่ ซินซินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ก็ได้ครับ” หลิน เฟิงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคล้อยตาม
“นี่ ขอบใจนะ หนุ่มน้อย ซินเอ๋อร์ พาเขาไปดูรอบๆด้วยล่ะ” มู่ เทียนเฉิงพูดกับมู่ ซินซิน
“ค่ะ ลุง”
…