โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 155
RC:บทที่ 155 ความเปลี่ยนแปลงของราชาหมาป่าขาว
ยิ่งไปกว่านั้น หมาป่าขาวได้ลงมืองับผลไม้ผลนั้นก่อนจะกลืนมันลงไป
“อืม ข้าเองก็คงจะเข้าสู่ห้วงนิทราลึกเหมือนกัน พาหลิน เฟิงไปพักเถอะ แล้วถ้าเขาตื่นขึ้นมา อาการบาดเจ็บทั้งหมดก็จะหายไป โรคภัยก็จะสลายหายไป” หมาป่าขาวพูดขึ้น แล้วจึงจากไปในทันที เพื่อหาที่หลับที่นอนในการพัฒนาไปอีกขั้น
จื้อเฉินจึงพาตัวหลิน เฟิงกลับไป
จนกระทั่งถึงวันที่สาม หลิน เฟิงก็ตื่นขึ้น
“เอ๊ะ นี่เกิดอะไรขึ้นกับตัวเราเนี่ย หลับไปนานแค่ไหนกันนะ เวียนหัวยังไงไม่รู้ แถมยังรู้สึกว่าร่างกายไม่เหมือนเดิมอีกด้วย” เมื่อเขาตื่นขึ้น ก็เดินไปที่กระจกพลางมองตัวเองในนั้น
“อ๊ะ ใช่แล้ว อาการบาดเจ็บของเรา” แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลิน เฟิงเลิกเสื้อขึ้นมา แล้วก็เห็นอีกด้วยว่าเขาไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆอีกแล้ว เขาจำขึ้นมาได้ในตอนนั้นว่าไหล่ซ้ายของเขานั้นเกือบหัก แถมมือซ้ายก็ขยับไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่แค่ไม่เป็นไรเท่านั้น แต่ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันเต็มเปี่ยม เป็นความรู้สึกที่แปลกเสียจริงที่ทั่วทั้งร่างของเขารู้สึกว่าไม่เหมือนเดิม
“แล้วนี่ ราชาหมาป่ากับจื้อเฉิงอีก พวกนั้นเป็นยังไงกันบ้างนะ” หลิน เฟิงนึกสงสัย
จากนั้นเขาก็รีบสวมเสื้อกับกางเกง เตรียมวิ่งออกไปที่หลังบ้านเพื่อหาตัวราชาหมาป่าขาว
แต่ทว่าทันทีที่หลิน เฟิงออกมาจากห้องของเขานั้น แม่ของเขาก็ปรี่เข้ามา
“อ้าว เสี่ยวเฟิง ตื่นสักทีนะลูกแม่ ลูกหลับไปสามวันเต็มๆเลย แม่กลัวแทบตายเลย รู้ไหม” แม่ของหลิน เฟิงพูดขึ้น ก่อนจะคว้าตัวหลิน เฟิงมองซ้ายทีขวาที เพื่อดูว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงไหนอีกบ้าง
“สามวันเลยงั้นหรือ พระเจ้าช่วย ถ้าจำไม่ผิด ฟาง หนิงบอกว่าในสามวันนี้ องค์กรของพวกนั้นจะเข้าโจมตีสถานีตำรวจนี่นา ก็พรุ่งนี้แล้วนี่” หลิน เฟิงเอ่ยพึมพำ
“นั่นลูกพูดพึมพำอะไรอยู่น่ะ” เมื่อผู้เป็นแม่เห็นใบหน้าแบบนั้นของเขาเข้า เธอก็ตบเข้าที่หน้าผากของเขา
“โอ๊ย แม่ ระวังหน่อยสิ แม่เกือบทำให้ลูกของแม่โง่แล้วนะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“แม่เองก็กลัวว่าตัวเองจะทำให้ลูกตื่นไม่ได้ บอกมาเลยนะว่าช่วงนี้ลูกไปทำอะไรมา ถึงได้นอนโคม่าไม่ก็ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งสองสามวันน่ะ บอกมานะ” แม่ของเขาโวยขึ้นพลางหยิบไม้กวาดขึ้นมา ทำเอาหลิน เฟิงกลัวตัวสั่น
ตอนที่หลิน เฟิงยังเด็กนั้น เขามักจะโดนตีอยู่บ่อยๆและนั่นทำให้เขาถึงกับขยาดไม้เรียวของแม่ไปเลย
“แม่ครับ แม่ ใจเย็นๆก่อนนะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” หลิน เฟิงปฏิเสธ ไม่ยอมรับ
“แล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น ทำไมลูกถึงต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยจังล่ะลูก พูดมาเลยนะ เร็วๆ หรือนี่ลูกไปเข้าร่วมทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือเปล่า” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามพลางถือไม้กวาดไว้ในมือเพื่อจะตีหลิน เฟิง
แกร๊ก! ตอนนั้นเองพ่อของหลิน เฟิงก็ผลักประตูเข้ามาพอดี
“อ้าว ทำอะไรกันอยู่น่ะ” ผู้เป็นพ่อมองไปที่บุตรชายและแม่ของหลิน เฟิงเพื่อดูว่าทำอะไรกันอยู่
“พ่อครับ มาได้ถูกเวลาพอดีเลย แม่มีเรื่องอะไรจะบอกพ่อน่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นก่อนจะดันพ่อของตน พลางขยิบตาให้ จากนั้นเขาก็ปิดประตูก่อนจะวิ่งออกไป
“อ้าว แม่ มีอะไรให้พ่อช่วยงั้นหรือ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม
“นี่ไม่ใช่เรื่องของพ่อนะ ออกไป อย่าให้เสี่ยวเฟิงหนี” เมื่อผู้เป็นแม่เห็นว่าหลิน เฟิงกำลังจะวิ่งออกไป เธอจึงรีบเข้าไปหาเขา
“อาฮะ ได้เลย” พ่อของหลิน เฟิงรับทราบ
แต่ผู้เป็นพ่อก็พูดดีไปอย่างงั้น ร่างของเขากลับเข้ามากันแม่ของเขา พอแม่จะไปทางซ้ายพ่อก็เข้ามาทางซ้าย หรือพอแม่จะไปทางขวาพ่อก็ตามไปทางขวาด้วย
“นี่คุณตั้งใจใช่ไหม” แม่ว่าขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เปล๊า ไม่เลย แม่ พ่อก็แค่จะไปทางนั้น แต่แม่ดันมาเดินพร้อมพ่อเอง พ่อไม่รู้เรื่องน้า” พ่อว่าขึ้นอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ฮึ่ม” แม่ของหลิน เฟิงระบายลมหายใจอันเยือกเย็นออกมา ก่อนจะเหวี่ยงไม้กวาดออกไป
“ลูกเอ้ย พ่อช่วยลูกได้แค่นี้ล่ะนะ…”
ณ สนามหลังบ้าน
“เฮ้อ เหนื่อยแทบตายเลย เกือบโดนตีมา” หลิน เฟิงหายใจหอบ จากนั้นก็เดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน
“เสี่ยวเฟิง มาแล้วสินะ” หลังจากที่เข้ามาในสวนหลังบ้าน จู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นแทรกเข้ามาในจิตของเขา
“เอ๊ะ ราชาหมาป่างั้นหรือ” หลิน เฟิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าราชาหมาป่าเองก็เพิ่งมาถึงที่นี่
นอกจากนี้แล้ว เมื่อได้ฟังเสียงของราชาหมาป่า หลิน เฟิงก็รู้สึกว่าเสียงนั้นหนาและทุ้มขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ แต่เสียงนี่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคุณอาวัยกลางคน
หลิน เฟิงจึงรีบไปดู เพียงชั่วครู่ หลิน เฟิงจึงมายังสถานที่ที่ราชาหมาป่าอยู่ ทันใดนั้นหลินเฟิงก็รู้สึก งุนงง
ในตอนนี้เอง สิ่งที่อยู่หน้าหลิน เฟิงนั้นคือหมาป่าสีขาวตัวใหญ่ที่ยืนจังก้าอยู่ ตัวของมันสูงราวๆสามเมตร ยาวเจ็ดหรือแปดเมตร บนหลังของมันนั้นมีปีกสีขาวอยู่คู่หนึ่ง
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มอันแสนเยียบเย็นนั้นปล่อยแสงสีน้ำเงินจางๆออกมา พลางจ้องไปที่หลิน เฟิงที่ในตอนนี้กำลังรู้สึกว่าตนอยู่ในอันตราย
หมาป่ามีปีก หลิน เฟิงไม่อยากจะเชื่อ จนอดไม่ได้ที่จะต้องขยี้ตาเลยทีเดียว
“ฮ่าๆ เสี่ยว เฟิง ไม่เจอหน้ากันตั้งสามวัน ลมหายใจของเจ้าแข็งแรงขึ้นเยอะเลยนะ” หมาป่าตรงหน้าหลิน เฟิงเอ่ยขึ้น
“นี่นายคือราชาหมาป่างั้นหรือ” เขารู้สึกประหลาดใจ
“ใช่แล้วล่ะ แต่ตอนนี้ชื่อของข้าไม่ใช่ราชาหมาป่าขาวอีกแล้วนะ แต่เป็นสุนัขซีรีอุสจันทรากังวาล บรู๋” เมื่อราชาหมาป่าขาวพูดจบ มันก็ส่งเสียนหอนทอดยาว
“บรู๋”
หลังจากที่ราชาหมาป่าหอน หมาป่าข้างหลังต่างก็หอนตามกันเป็นทอดๆ
“จันทรากังวานงั้นหรือ นี่นายกลายร่างเป็นสัตว์วิญญาณขั้นสูงแล้วงั้นหรือ” หลิน เฟิงถามขึ้น
“เจ้าก็เห็นชัดแล้วนี่” ราชาหมาป่าขาวกล่าว
“อ๋อ นั่นสินะ ฮ่าๆ เยี่ยมไปเลย น่าพอใจสุดๆ” หลิน เฟิงรู้สึกสุขใจอย่างมาก
“ฮ่าๆ ขอบใจมาก ถ้าไม่ใช่เพื่อเจ้าข้าคงยอมแพ้ไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้ร่างของข้าได้พัฒนาไปอีกขั้นแล้ว สุดท้ายนี้ ข้าก็ได้ชีวิตอย่างที่ข้าหวังไว้ไปอีกพันปีเลยทีเดียว” ราชาหมาป่าขาวเอ่ยขอบใจเขา
“ขอบคุณมากงั้นหรือ ทำไมนายถึงขอบคุณผมล่ะครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เมื่อหลิน เฟิงตื่นขึ้น เขาก็ลืมเรื่องในคืนนั้นไปเสียแล้ว
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า…” หมาป่าขาวเริ่มจะเล่าย้อนอีกครั้ง
“ว่าไงนะ ผลจากต้นไม้นั่นสุก แล้วผมก็กินเข้าไปลูกหนึ่งด้วย เข้าใจละ มิน่าล่ะแผลถึงหายสนิท แม้แต่รอยแผลเป็นครั้งก่อนก็ไม่มีแล้วด้วย” ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงจึงนึกทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาได้
“ข้าคิดว่าลมหายใจและสภาพร่างกายของเจ้านั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียว เหตุใดจึงไม่ได้พัฒนาการไปถึงขั้นBกันนะ อีกทั้งมังกรดำกับมังกรทองเองก็ยังไม่มีการวิวัฒนาการไปอีกขั้นเลย” ราชาหมาป่าขาวถาม
“ไม่ใช่เลย พวกเขาก้าวขึ้นไปอีกขั้นแล้วต่างหาก ออกมาเลย มังกรดำ มังกรทอง” พลันคิ้วของหลิน เฟิงก็สว่างขึ้น แสงไฟทั้งสองตกลงมาบนพื้น
โฮก! !
จากนั้น ร่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลิน เฟิง
ตัวแรกก็คือมังกรดำซึ่งข้ามไปเป็นสัตว์วิญญาณระดับกลางแล้ว
มีเพียงแค่รูปร่างภายนอกของมังกรดำที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่สีทั้งตัวของมันกลับดำสนิทกว่าเดิมรวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย และสิ่งที่ทำให้หลิน เฟิงประหลาดใจที่สุดก็คือขาหลังทั้งสองข้างของมัน
ในตอนนี้ มังกรดำนั้นมีกรงเล็บอยู่สี่อันและดูไม่เทอะทะมากกว่าเดิม
ส่วนตัวที่สองก็คือมังกรทองซึ่งข้ามไปเป็นสัตว์วิญญาณระดับกลาง
แต่ทว่ารูปร่างภายนอกของมังกรทองนั้นกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว