โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 150
RC:บทที่ 150 ความตายที่ปลายอุโมงค์
จู มู่เชื่อมั่นและนับถือในตัวฟาน หนิงร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่เชื่อว่าหลิน เฟิงจะเอาชนะฟางหนิงได้ด้วย ถึงรู้ว่าหลิน เฟิงจะแข็งแกร่งมากด้วยก็เถอะ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อฝุ่นสลายไปแล้ว เหตุการณ์ก็กลับมาสงบอีกครั้ง แต่หลิน เฟิงกับฟาง หนิงกลับหายตัวไป เหลือทิ้งไว้เพียงหลุมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตรและมีความลึกมากกว่าหนึ่งเมตร
“คน แล้วคนล่ะ” หลังจากรออยู่พักหนึ่งแล้วนั้น จู มู่ก็กลับไม่เห็นทั้งหลิน เฟิงและฟาง หนิง
“พี่เฟิงๆ พี่อยู่ไหน” ญาติผู้น้องจื้อเฉิงเองก็มองหาหลิน เฟิงอย่างร้อนใจ
แต่เมื่อผ่านไปนาทีกว่าๆ ทั้งหลิน เฟิงและฟาง หนิงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
อ๊า!!
แกว๊ก!!
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ทั้งมังกรดำและเหยี่ยวดำต่างก็ชะงักลงไปเช่นกัน เพราะการระเบิดครั้งใหญ่ที่เพิ่งปะทุในศึกระหว่างหลิน เฟิงกับ ฟานหนิงนั้นได้แทรกเข้ามาในขณะที่พวกมันกำลังสู้กัน
ทั้งคู่ตรงไปยังในจุดที่ระเบิดเมื่อครู่ ไม่ว่าจะที่ไหนก็หาคนทั้งคู่ไม่เจอเลย พวกมันจึงต่างร้อนใจ
แล้วทันใดนั้นเอง เจ้ามังกรดำจึงชูคอขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะกู่ร้องออกมา เสียงร้องของมันนั้นทำเอาสิ่งรอบข้างสะเทือนไหว ก้อนหินต่างๆล้วนสั่นสะเทือนลงมาที่พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนอีกฟากหนึ่งนั้น ก็เกิดลมพัดแรง พัดเอาทรายและหินทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการระเบิดออกไป
ในที่สุด ภายใต้สายลมอันแข็งแกร่งของเหยี่ยวดำนั้น ก็เจอกับร่างทั้งสองที่ถูกฝังอยู่ใต้จุดเกิดเหตุ นั่นก็คือหลิน เฟิงกับฟาง หนิงนั่นเอง
“นายท่าน” ทั้งมังกรดำกับเหยี่ยวดำต่างเรียกเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะรีบไปที่เจ้านายของพวกตน
พวกมันทั้งคู่ต่างประคองร่างของหลิน เฟิงกับฟาง หนิงขึ้นมาตามลำดับก่อนจะบินไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
“นายท่านๆ” เจ้ามังกรดำยังคงเรียกหลิน เฟิงอยู่อย่างนั้น
“แมงป่องน้ำแข็ง ขอน้ำแข็ง” มังกรดำพูดขึ้น
“ได้เลย”
แมงป่องน้ำแข็งรวบรวมพลังสร้างชิ้นน้ำแข็งเท่าหัวของมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มังกรดำจะใช้กรงเล็บข้างหนึ่งหยิบมันขึ้นมา จากนั้นมันก็งับเข้าที่ก้อนน้ำแข็งนั่นให้กลายเป็นหยดน้ำเข้าไปในปากของหลิน เฟิง
เพียงไม่นาน หลิน เฟิงก็ตื่นขึ้น
เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็เห็นว่ามีรอยเท้าขนาดใหญ่อยู่บนไหล่ของตน กระดูกแตกเป็นผุยผง
แม้แต่หัวใจยังสั่นระรัวจนทำให้หลิน เฟิงสลบไป
ในตอนนี้นั้น ไหล่ซ้ายของหลิน เฟิงเกือบจะหักออกจากกัน มือทั้งช่วงนั้นลู่ลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
นอกจากนี้ เพราะอาการบาดเจ็บจากการที่แผ่นดินไหว หลิน เฟิงจึงกระอักเลือดออกมา จนถึงตอนที่ถูกฝังอยู่ในดิน ทำเอาเขาเกือบจะหายใจไม่ออก
แต่อย่างไรก็ตาม ฟาง หนิงซึ่งอยู่อีกฝั่งนั้นก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีนัก ขาซ้ายของเขาไหม้เกรียมเป็นจุน และถึงแม้จะไม่ได้เสียขาแต่ก็เกือบพิการ
เมื่อเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น หลิน เฟิงจึงนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในศึกก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้
กลายเป็นว่าเมื่อฟาง หนิงได้ใช้ท่านกร็อกสยายปีกก่อนจะบินลงมาจากฟ้า หลิน เฟิงก็รู้ได้ในทันทีว่าโล่หินยักษ์ของเขานั้นไม่สามารถต้านทานแรงโจมตีของฟาง หนิงได้
เมื่อมั่นใจแบบนั้นแล้ว ทันทีที่ฟาง หนิงลงมาโจมตี แรงกระแทกอันทรงพลังและการทำลายที่เน้นพลังไปที่เท้าของฟาง หนิงนั้นก็ปะทะเข้ากับโล่หินยักษ์ของหลิน เฟิงเข้าเต็มๆ
เพียงแค่หลังจากได้สัมผัส หลิน เฟิงก็พบว่าโล่หินยักษ์นั่นไม่สามารถต้านทานแรงโจมตีของฟาง หนิงได้เพราะบนตัวโล่มีรอยร้าวขึ้นมา และในทันใดนั้นเอง รอยร้าวนั้นก็ขยายไปทั่วทั้งโล่หินยักษ์
หลิน เฟิงจึงได้รู้ว่าสถานการณ์แย่แล้ว ในตอนนี้ เขาไม่สามารถหนีหรือต้านทานการโจมตีได้เลย จนในที่สุดเขาก็ต้องรีบหลบออกมา
ในขณะที่โล่หินยักษ์ของหลิน เฟิงกำลังจะแตก เขาจึงดึงพลังวิญญาณที่เหลือซึ่งรวบรวมเอาไว้ที่มือข้างขวาออกมา
แล้วตอนนั้นเอง แขนของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ใช่แล้ว เป็นสีดำสนิทไม่ใช่สีแดงเหมือนทุกทีอีกต่อไป
นี่คือสิ่งที่หลิน เฟิงได้มาในตอนท้าย เพลิงสีดำลุกขึ้นบนมือขวาของเขา เพลิงนั้นเป็นสีดำสนิทคล้ายกับหมึกดำที่กำลังไหม้
นี่ก็คือหมัดเพลิงนรก
โค้งสุดท้าย ความเข้าใจเรื่องหมัดเพลิงของเขาก็มาถึงจุดสูงสุด เพราะแทนที่จะใช้พลังไฟตามคุณลักษณะที่เป็นไฟนั้น ในตอนนี้กลับกลายเป็นว่าได้ใช้ไฟจากนรกเป็นหมัดเพลิงนี้แทน หลิน เฟิงจึงตั้งชื่อหมัดเพลิงนี้ว่าหมัดเพลิงนรก
“หมัดเพลิงนรก”
หลิน เฟิงจึงได้รู้ว่าเขาไม่สามารถหนีการโจมตีของฟาง หนิงไปได้ และก็รู้ดีด้วยว่าการโจมตีอันหนักหน่วงนี้อาจมีผลถึงชีวิตของเขาเลย เบาะๆสุดก็คงต้องหยอดน้ำข้าวต้มไปอีกนานเลย
ด้วยเหตุนั้น หลิน เฟิงจึงไม่อยากมาคิดถึงปัญหานี้อีกต่อไปแล้ว ก่อนจะใช้หมัดเพลิงนรกนี้สวนเข้ากับฟาง หนิงที่โจมตีเข้ามา
เมื่อฟาง หนิงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาก็ร้องลั่นว่านี่มันไม่ใช่เรื่องดีแล้ว แต่ด้วยแรงโจมตีอันทรงพลังนั่น เขาก็ไม่สามารถถอนตัวกลับได้อีกแล้ว เขาจึงจัดการเตะหลิน เฟิงด้วยเท้าอีกข้าง จากนั้นหมัดเพลิงนรกก็พุ่งเข้าใส่เขาเต็มๆ
ในตอนนั้น โล่หินยักษ์ของหลิน เฟิงจึงสลายไปเพราะพลังงานที่ทรงอานุภาพ พ่วงด้วยพลังงานจากเพลิงนรกของหลิน เฟิงด้วยแล้ว เมื่อเอาสองพลังนั้นมารวมกันจึงเกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที ทำให้แผ่นดินสะเทือน หินทั้งหลายร่วงกราว
หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็โคม่า แต่ก่อนที่ตกอยู่ในอาการโคม่า ความรู้สึกที่ไหล่นั้นก็แปลบขึ้นมาจากการที่โดนฟาง หนิงโจมตีเข้าที่ไหล่
รวมถึงว่าหมัดเพลิงนรกของหลิน เฟิงเองก็เล่นงานเท้าของฟาง หนิงด้วย เปลวเพลิงนรกนั่นแผดเผาต่อหน้าต่อตาของเขา
ในตอนนี้นั้น ฟาง หนิงตกอยู่ในอาการโคม่า เท้าของเขาเกือบจะพิการเพราะโดนไฟนรกของหลิน เฟิงจนเกือบตาย จนกระทั่งชายทั้งสองที่โดนฝุ่นซึ่งมาจากการระเบิดนั่นฝังกลบร่าง ฝุ่นนั่นก็ค่อยๆจางไป
“ฟางหนิงๆ ตื่นสิ” จู มู่จับตัวฟาง หนิงเขย่าอย่างแรง
เพียงชั่วครู่ ฟาง หนิงก็ตื่นขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าเท้าข้างหนึ่งของตนไหม้เกรียม เขาก็ร้องลั่นด้วยความทุกข์แสนสาหัส
“ไอ้เวรเอ้ย”
ฟาง หนิงจ้องไปที่หลิน เฟิงด้วยความเกลียดชัง เขาไม่ได้สลบ และต้องการรีบกลับไปดูแลบาดแผลนี้ เขาขึ้นไปบนร่างของเหยี่ยวดำ
“เฮ้ย หยุดพวกนั้นไว้ พวกเขากำลังจะหนี” เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงจึงรีบพูดขึ้น
“ไปเลย” ฟาง หนิงที่อยู่บนหลังเหยี่ยวดำออกคำสั่งกับจู มู่และหยาน จุน แล้วทั้งสามก็หลบหนีไปที่ปากถ้ำ
“ราชาหมาป่าขาว อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้นะ” หลิน เฟิงจึงโกนไปที่ปากถ้ำ
ทันทีที่หลิน เฟิงพูดจบ ทั้งสามก็ไปถึงปากทางเข้าถ้ำแล้ว แต่ในขณะที่กำลังจะรีบหนีกันออกไปนั้น จู่ๆร่างของหมาป่าขาวก็ปรากฏขึ้น
ตามมาด้วยพลังใบเลื่อยทั้งสามที่ไม่ว่าใครก็เข้าไปแตะต้องหรือแม้แต่ป้องกันไม่ได้ พวกเขาสามคนจึงโดนเข้าเต็มๆจนกระเด็นล้มลง
ส่วนเหยี่ยวของฟาง หนิงนั้นไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ปีกข้างหนึ่งของมันถูกตัดออกไป มันทรุดลงกับพื้นก่อนจะร้องครวญครางไปมา
“หา แก นี่แกเองหรือ” ฟาง หนิงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ฮ่าๆ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว ครั้งล่าสุดนั่น ข้าถูกเจ้าทำร้ายจนเกือบตาย พูดให้ดีก็คือ เราต่างเป็นหนี้กันนี่เนอะ ฮ่าๆๆ โอ บรู๋ว” ราชาหมาป่าขาวพูดพลางหัวเราะขึ้นมา
ในตอนนี้ ชายทั้งสามคนต่างถูกใบเลื่อยลมอันทรงอานุภาพของหมาป่าตัวดังกล่าวจนเกิดบาดแผลไปทั่วร่าง เลือดไหลเป็นทาง
และเพราะตอนนี้ได้รับบาดเจ็บเลยไม่สามารถยืนขึ้นได้เลย
“เอาล่ะ ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว” ทันทีที่พูดจบก็เกิดระลอกคลื่นกรงเล็บ แล้วใบเลื่อยลมทั้งสามอันก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะตรงเข้าไปที่คอของทั้งสาม จนขาดอากาศหายใจในทันที
“ฉันจะ…ไม่ ไป ไป”
พลันดวงตาของฟาง หนิงก็เบิกกว้าง เลือดไหลออกมาจากคอเป็นสาย และเสียชีวิตลง