โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 148
RC:บทที่ 148 สายเลือดของต้าเผิงปีกทอง
“เผิงเฮย หยุดล่าได้แล้ว มานี่” ฟาง หนิงพูดกับเหยี่ยวดำ
แกว่ก!
เหยี่ยวดำจึงเลิกล่ามังกรทอง ก่อนจะบินกลับไปที่ฟาง หนิง
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงจึงได้เห็นร่างทั้งร่างของเหยี่ยวดำตัวนั้น แม้ว่าสายตาของคนทั่วไปจะมองได้ไม่ถนัดนักในตอนกลางคืน แต่ทว่าสายตาของสัตว์วิญญาณนี้นั้นไม่เหมือนกัน เพราะเมื่อเทียบกับตอนกลางวันแล้ว รอบข้างกลับมืดมากกว่า
รวมถึงพลังในการรับรู้ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ และด้วยพลังระดับนี้ การมองเห็นในบางครั้งจึงเชื่อถือไม่ได้
ร่างของเหยี่ยวดำนั้นเป็นสีดำไปทุกสัดส่วน ปีกที่ยาวถึง 8-9 เมตร รวมถึงดวงตาสีทองที่โดดเด่นออกมาท่ามกลางความมืด
กรงเล็บขนาดใหญ่ทั้งสองข้างนั้นช่างแหลมคมและหนากว่าเหล็ก
“นายท่าน ไอ้เหยี่ยวดำนี่ท่าจะกินมันยากเสียแล้ว มันจะต้องมีระดับเลือดในร่างกายสูงแน่ๆ และก็สูงมากๆด้วย แล้วข้าก็ได้ยินมาสดๆร้อนๆเลยว่าเขาเรียกเหยี่ยวดำตัวนี้ว่าเผิง อาจจะเป็นได้ว่าเจ้าเหยี่ยวดำนี่มีสายเลือดของนกเผิงอยู่ในตัว” มังกรดำอธิบาย
“น่าจะใช่ ระดับเลือดของเจ้านี่สูงมาก ข้าเลยเจ็บมากเลย” เมื่อนั้น มังกรทองก็ออกมาจากสนาม
เพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็พบว่ากำลังของมังกรทองนั้นตกลง บนหลังยังมีรอยข่วนสามรอย แม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้ใหญ่นัก แต่นั่นก็ทำให้หลิน เฟิงอึ้งไป
มังกรทองนั้น ร่างกายของมันนั้นหนามาก แม้แต่หลิน เฟิงเองยังต่อยทะลุเข้าไปไม่ได้
และที่คาดไม่ถึงก็คือ เจ้านั่นใช้แรงเพียงเล็กน้อย มังกรทองกลับได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้
“เจ้าเหยี่ยวดำนั่นท่าจะเคี้ยวยากเสียแล้ว” หลิน เฟิงพยักหน้า
“พี่เฟิง พี่ต้องระวังตัวด้วยนะ ความเร็วของเหยี่ยวกับผู้ชายคนนั้นนั่นไวมากจนน่าขนลุก แมงป่องน้ำแข็งกับผมเองก็มีพลังไม่พอที่จะสู้ด้วยเลย นี่ต้องพึ่งความสามารถของแมงป่องในการผสานโล่ขึ้นมาด้วยความไวเพื่อป้องกันตัว ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสได้ออกมาหรอก” ในตอนนี้เอง จื้อเฉิงก็เดินออกมาสมทบก่อนจะพูดขึ้น
“อืม เข้าใจแล้วล่ะ” หลิง เฟิงพยักหน้า
“นี่ มังกรดำ เลือดที่นายพูดถึงน่ะเป็นแบบไหน” จู่ๆ หลิน เฟิงก็ถามขึ้น
“ลองดูที่เหยี่ยวดำตัวนี้สิขอรับ ทั้งตัวของมันเป็นสีดำสนิท มีแค่ปีกทั้งสองข้างที่หางกับดวงตาที่เป็นประกายสีทอง ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เจ้านี่คงมีสายเลือดของต้าเผิงปีกทองแน่ๆ” มังกรดำว่าขึ้น
“ต้าเผิงปีกทองงั้นหรือ นั่นไม่ใช่เรื่องเล่าสัตว์ปรัมปราหรอกหรือ” หลิน เฟิงว่า
“แล้วนั่นเป็นเรื่องแปลกหรือ ขนาดข้ายังเป็นสัตว์ในเรื่องเล่าปรัมปราเลย” มังกรดำเอ่ยอย่างเชิดๆ
“อ่า ก็จริง แล้วอย่างงี้ระดับเลือดของต้าเผิงปีกทองนั่นจะมีแค่ไหนกัน” หลิน เฟิงถามขึ้น
“ระดับSS”
“SSงั้นหรือ ไม่แปลกใจเลยที่เหยี่ยวดำตัวนี้จะแข็งแกร่งมาก” หลิน เฟิงถอนหายใจ
“มังกรดำ นายมั่นใจไหมว่าเราจะเอาชนะเหยี่ยวดำได้” หลิน เฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่แพ้” มังกรดำตอบกลับไป
“พวกแกสองคน ออกมานี่ ไม่งั้นตาย” ฟาง หนิงพูดกับหยาน จุนและจูมู่
“อะแฮ่ม”
“ก็มาแล้วนี่ไง”
พวกเขาไอเอาเลือดออกมาก่อนจะยืนและพูดขึ้น
“แกกับสัตว์คู่หูเองก็แข็งแกร่งเอาการ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าเผิงเฮ่ยของฉัน ดูสภาพพวกนั้นสิเป็นไง”
ฟาง หนิงสัมผัสได้ถึงสัตว์คู่ใจของเขาที่กำลังลำพองตน
“ตราบใดที่สัตว์เลี้ยงคู่กายของฉันได้รับการเลื่อนระดับเป็นสัตว์วิญญาณชั้นสูงล่ะก็ ฉันคงจะดีใจกระโดดตัวลอยไปเลยล่ะ ฮ่าๆๆ มังกรดำ สัตว์เลือดมังกร มาสู้กันซี่ พวกแกจะเป็นหินรองเท้าให้กับฉัน” ฟาง หนิงหัวเราะลั่น
“หมอนี่เป็นอะไรไปน่ะ เขาบ้าไปแล้วงั้นหรือ” หลิน เฟิงถามขึ้น
“เขากำลังชั่งใจอยู่” มังกรดำตอบไป
“นายมีความเห็นว่าไง ทำไมกัน” หลิน เฟิงไม่เข้าใจ
“ท่านเคยได้ยินเรื่องของนกมีรส์ นกคุณเผิงกับสัตว์ตัวอื่นๆที่มังกรเลี้ยงดูมาไหม” มังกรดำถามขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงร่างในอากาศไปมา
“อืม ก็น่าจะเคยได้ยินมานะ แต่ฉันไม่ได้สนใจเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าพวกนี้นี่นา ฉันก็เลยไม่ได้รู้จักพวกนี้เท่าไหร่ แล้วนั่นก็ไม่ใช่เรื่องจริงด้วย” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง”
“จริงครึ่งไม่จริงครึ่งงั้นหรือ นายหมายความว่ายังไงกัน จริงก็คือจริง ไม่จริงก็คือไม่จริง จะเป็นจริงครึ่งไม่จริงครึ่งไปได้ยังไง” หลิน เฟิงงุนงง
“นกมีรส์ นกคุณเผิงปีกทอง รวมถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวอื่นๆล้วนอยู่ในกลุ่มแรกๆของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วมังกรก็เลี้ยงดูพวกมัน ทั้งๆที่เป็นแค่สัตว์ระดับต่ำและเป็นมังกรธรรมดาๆ”
“มังกรคือเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ได้จารึก โดยทั่วไปแล้วนั้น ใครก็ตามที่ถูกต้าเผิงปีกทองหรือนกคุณเฟิงกินนั้นจะเป็นคนที่มีเลือดมังกรอยู่ในตัว หรือไม่ก็เป็นสัตว์ระดับต่ำหรือมังกรทั่วๆไป อย่างเช่น มังกรวารีกับงูเติงนั่นล่ะ ของอร่อยเลย” มังกรดำอธิบาย
“ตอนนี้ หมอนั่นก็เล็งมาที่ข้าอยู่ นี่ถ้าเหยี่ยวดำนั่นมีเลือดของต้าเผิงปีกทองอยู่จริงๆล่ะก็ เลือดมังกรในกายของข้าก็น่าจะเป็นยาบำรุงของมันแน่ๆ เขาก็เลยพูดออกมาแบบนั้น” มังกรดำว่าขึ้น
“อย่างงี้นี่เอง” ในที่สุดหลิน เฟิงก็เข้าใจ
“แต่อย่างไรก็ตาม จะมาคิดเองเออเองในขณะที่ตัวของข้า มังกรดำอยู่ที่นี่นั้นน่ะหรือ เหอะ ก็แค่เหยี่ยวดำที่มีเลือดอยู่น้อยนิด” มังกรดำคำราม
“ในเมื่อไม่เชื่อกันแบบนี้ล่ะก็ ฉันก็ไม่รับรองชีวิตนะ เผิงเฮ่ย ฉีกไอ้มังกรดำนั่นให้เป็นชิ้นๆ ปลุกเลือดในกายของแกขึ้นมา” ฟาง หนิงรีบกล่าวขึ้นก่อนจะพุ่งไปที่หลิน เฟิง
ทันใดนั้นเอง การสู้รบขนานใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง มังกรดำกับนกเหยี่ยวดำต่างเข้าต่อสู้กัน รวมถึงหลิน เฟิงกับฟาง หนิงเองก็ด้วย
โฮก!
มังกรดำคำรามใส่เหยี่ยวดำตัวนั้น เสียงของมันทำเอาทั้งโลกต้องสะพรึง เสียงนั้นแผ่กระจายไปทั่วหุบเขาจ่าฝูงหมาป่า แม้แต่จื้อเฉิง จู มู่และหยานจุนเองต่างก็ทรมานกับอาการปวดหัว และเสียงที่อื้ออึงจนปวดหู
เสียงของมังกรได้สร้างคลื่นเสียงขนาดยักษ์ก่อนจะพุ่งไปที่เหยี่ยวดำตัวนั้น
ไม่ว่ามันจะผ่านไปตรงไหน ตรงนั้นก็จะมีหลุมลึกขนาดใหญ่ทิ้งไว้ ทำให้เห็นเลยว่าพลังนั้นน่ากลัวขนาดไหน
มังกรดำเริ่มจะโกรธจริงๆแล้ว ทุกสิ่งนั้นมาจากเลือดมังกรบริสุทธิ์ในตัว สัตว์วิญญาณทุกตัวในสายเลือดของมังกรตัวนี้ล้วนภาคภูมิใจเป็นที่สุด นี่ล่ะสายเลือดของเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ลบหลู่ไม่ได้เลย
เหยี่ยวดำกับฟาง หนิงนั้นคิดแบบเดียวกับมังกรดำซึ่งนั่นทำเอามันถึงกับโกรธจัด พวกเขาต่างออกมาประจันหน้ากัน ในขณะที่หลิน เฟิงเองก็ไม่เคยเห็นมังกรดำเป็นแบบนี้มาก่อน
ดังนั้น เขาจึงรู้ได้เลยว่านี่ล่ะคือหายนะชัดๆ
แกว่ก!
เหยี่ยวดำที่ไม่ว่าใครก็เอาชนะไม่ได้ก็บินขึ้นมาจากพื้นก่อนจะบินวนไปมาบนท้องฟ้า
เมื่อต้องเจอกับคลื่นเสียงยักษ์ที่มังกรตัวดังกล่าวเป็นคนทำขึ้น ก็ไม่ใช่แค่ว่ามันจะถอยหนีเท่านั้น แต่มันกลับชะงักกับคลื่นเสียงนั้นพลางกระพือปีกไปมาอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นเอง มีพายุทอร์นาโดลูกใหญ่มารวมตัวกันอย่างรวดเร็วต่อหน้ามันนั้น ภายในหนึ่งหรือสองวินาที ทอร์นาโดยักษ์ลูกนั้นก็ปะทะเข้ากับร่างของมังกรดำ
พลังการโจมตีอันทรงพลังทั้งสองนั้นประสานกันในที่สุด คลื่นเสียงยังคงแผ่กระจายออกไป ลมหมุนวนไม่หยุด ช่องว่างถึงกับสั่นสะเทือนเพราะการโจมตีที่ทรงอานุภาพของสัตว์วิญญาณทั้งสองนี้
“ว้าว แข็งแกร่งเสียจริง คิดไม่ถึงเลยนะว่าสัตว์ของเจ้าฟาง หนิงนั่นจะทรงพลังขนาดนี้ นี่ไม่ใช่ว่ามันจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกล่ะ” หยาน จุนเอ่ยเสียงสั่น
หยาน จุนไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับฟาง หนิง แม้ว่าจะมาจากองค์กรเดียวกัน จริงๆแล้วพวกเขายังไม่เคยเจอหน้ากันเสียด้วยซ้ำ และที่คาดไม่ถึงก็คือ พวกเขาดันมาเป็นพวกมีพลังชั้นต้นๆระดับBเหมือนกันอีกด้วย แต่ทว่าพละกำลังช่างต่างกันเหลือเกิน
“ดูสิ ฟาง หนิงทำได้แล้ว…”