โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 121
RC:บทที่ 121 ฉางตงฟางเสี่ยง
“จะหนีไปได้อย่างไร? ถ้าหนีได้ก็ดี! นายน้อยจากตระกูลตงฟางมีความแข็งแกร่ง เขาโหดเหี้ยมและชอบครอบงำอีกทั้งยังใฝ่สูงและดื้อรั้น มาดูกันสิว่าหลินเฟิงจะใช้ประโยชน์จากมันได้ไหม! ” ฉินหงกล่าว
“ผู้อาวุโสฉินหง ฉันเดาว่าถ้าหากหลินเฟิงตกอยู่ในอันตรายคุณคงจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น ถูกไหม?” มู่หรงหลานเอ่ย
“ฮึ่ม! เธอรู้ได้อย่างไรกัน! ” ฉินหงตอบประชด
“ฉันไม่ได้รู้แค่เรื่องนี้นะ แต่ฉันยังรู้อีกว่าเมื่อหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นเธอขอร้องให้คุณมา ถูกไหม! ฮ่าฮ่า! ” มู่หรงหลานกล่าวต่อ
“เอ่อ ฉันขอบอกเธอนะสาวน้อย นี่เธอกลายมาเป็นพยาธิในท้องของฉันได้อย่างไร? เธอเดาทุกอย่างถูกได้ยังไง!” ฉินหงประหลาดใจ
ฉินหงกำลังจะออกไปกับซูหว่านเอ๋อร์และซูหยวนเฟิง แต่ซูหว่านเอ๋อตื่นขึ้นมาหลังจากขึ้นรถและขอให้ฉินหงปกป้องหลินเฟิง
“แน่นอน ต้องรู้ว่าคุณหนูของเราเป็นใคร ไม่ได้โง่เหมือนนาย?” มู่หรงฟางหยุนที่อยู่ข้างมู่หรงหลานเอ่ย
“อ่า นายว่าใครโง่กัน หรือว่านายฉลาดกว่าฉันเหรอ! ถ้าฉันรู้ว่านายอยู่ที่นี่ ฉันก็คงไม่มาหรอก ฉันกลับบ้านไปนอนจะดีซะกว่า เหอะ! ” ฉินหงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ถ้าคุณไป คุณจะเสียใจ ฉันรู้สึกว่าหลินเฟิงจะทำให้เราประหลาดใจอย่างแน่นอน!” มู่หรงหลานมองไปยังหลินเฟิงแล้วกล่าว
“เหอะ อย่าบอกว่ามีเรื่องทำให้ประหลาดใจเลย ถ้าอย่างนั้นก็อย่าบอกให้ฉันไปช่วยเขาสิ!” ฉินหงไม่ได้สนใจหลินเฟิงมากนัก ตราบใดที่หลินเฟิงจะไม่ไปรบกวนเขาในภายหลัง
ขณะที่คนทั้งหลายกำลังคุยกัน ก็เกิดการแสดงที่น่าสนใจอยู่ในความมืดด้านล่าง
“ทุกคนหยุดอยู่ตรงนั้น อย่าปล่อยให้เขาหนีไป! ฉันต้องการให้เขารู้จุดจบที่มาทำให้ฉันขุ่นเคือง”
ในตอนที่หลินเฟิงกำลังคิดเรื่องการเผชิญกับการโจมตีของคนทั้งสี่ในเวลาเดียวกัน ตงฟางเสี่ยงที่กล่าวประโยคนั้นขึ้น ทำให้หลินเฟิงมีความสุขขึ้นทันที
ตามเดิมแล้ว หลินเฟิงที่ต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งสี่ด้วยตัวเองและพวกเขาทั้งหมดก็มีความสามารถสูงกว่าระดับ B
ถ้าพวกเขาเริ่ม เขาก็จะถูกจู่โจมด้วยฝ่ามือทั้งสี่และสองกำปั้น แต่ผู้ชายคนนี้หยิ่งมากจนอยากจะแก้แค้นหลินเฟิงเพียงลำพัง
นั่นไม่ใช่โอกาสให้หลินเฟิงหนีไปหรอกหรือ?
“ท่านตงฟาง นี่มันจำเป็น! หลินเฟิงร้ายกาจและมีฝีมือมาก เราต้องจับเขาพร้อมกันและทรมานเขาให้นานเท่าที่เราต้องการ! ” เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางเสี่ยง จ้าวหลงก็รู้สึกแย่และรีบเตือนเขา
“โอ้ ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือหรือเรื่องให้ประหลาดใจแค่ไหน ก็อย่ามายุ่ง ไม่งั้นจะถือว่าดูถูกฉัน! ฉันจะทำให้มันตายด้วยมือฉันเอง ” ตงฟางเสี่ยงไม่ฟังคำของจ้าวหลง จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปโจมตีหลินเฟิง
“เสือเทียนเล่ย!” ตงฟางเสี่ยงตะโกนและทันใดนั้นเสือลายขาวดำตัวหนึ่งที่เต็มไปด้วยสายฟ้าก็ออกมาจากคิ้วของเขา
เสือยักษ์ที่สูงขนาดสองเมตรและยาวห้าเมตร มีลายขวางขาวดำและมีสายฟ้าอยู่บนตัว
“กรร!”
เสือยักษ์ลงสู่พื้นพร้อมเสียงคำรามเสียงดัง สายฟ้าบนตัวมันก็แตกเปรี้ยะ ๆ ข่มขวัญคู่ต่อสู้
“นี่คือสัตว์วิญญาณพันธะสัญญาของตงฟางเสี่ยงงั้นเหรอ? เสือเทียนเล่ย สัตว์วิญญาณที่มีพลังโจมตี เป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงสุดของระดับกลาง! ” ฉินหงเอ่ย
“จริงด้วย เสือเทียนเล่ยแข็งแกร่งจริง ๆ มันไม่ได้มีแค่พละกำลังและพลังสายฟ้าโจมตีที่ร้ายกาจ แต่ยังมีความเร็วเท่าแสงอีก! ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ” มู่หรงหลานมองไปตรงที่พวกเขายืนอยู่และออกความเห็น
“สาวน้อยมู่หรงหากเธอเจอกับตงฟางเสี่ยง เธอมั่นใจว่าจะชนะเขาไหม?” ฉินหงถาม
“ไร้สาระ คุณหนูของพวกเราจะเอาไปเปรียบเทียบตงฟางเสี่ยงได้ยังไง? เธอคว่ำเขาลงได้ด้วยมือเดียวเท่านั้น! ” มู่หรงฟางหยุนพูดแทรก
“แค่เป่าและล้มมันได้ด้วยมือเดียวงั้นหรอ!”
“แน่นอน!” มู่หรงหลานคิดแล้วพูดออกมา
จากนั้นพลังวิญญาณของมู่หรงหลานก็ถูกปลดปล่อยออกมาทั่วร่างและพลังที่แข็งแกร่งก็พุ่งตรงไปที่ฉินหงทันที
“อะไรกัน ระดับของเธอ…”
เวลาเดียวกันนั้น เสือยักษ์คำรามใส่หลินเฟิง มือของตงฟางเสี่ยงก็ยังเริ่มปล่อยสายฟ้าออกมาหุ้มมือของเขาและโจมตีหลินเฟิง
เมื่อเห็นการโจมตีเข้ามา หลินเฟิงก็ไม่ได้ตกใจ พลังของเขาเต็มเปี่ยม!
“หมัดเพลิง!”
หลินเฟิงตะโกนเบา ๆ ในใจ จากนั้นมือทั้งคู่ของเขาก็เปลี่ยนไป มันใหญ่และแดงขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มมีรอยแตก
จากรอยแตก จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างที่คล้ายลาวาไหลวนอยู่ข้างในซึ่งปล่อยความร้อนออกมาอย่างน่ากลัว
ไม่เพียงเท่านั้น ในตอนนี้ หมัดเพลิงที่หลินเฟิงใช้ก็แตกต่างไปจากเดิมที่ต้องระเบิดพลังขึ้นมาก่อน เป็นเพราะพลังวิญญาณของหลินเฟิงนั้นยังไม่เพียงพอที่จะรองรับความสามารถทางวิญญาณของตัวเอง
แต่ตั้งแต่ที่หลินเฟิงทำพันธะสัญญากับงูหลามดำและพัฒนาร่างไปเป็นมังกรดำพลังวิญญาณของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้นมาหลายครั้งจนตอนนี้มันสามารถรองรับหลินเฟิงให้สามารถคงรูปร่างของหมัดเพลิงได้ตลอดเวลา
ดังนั้นในตอนนี้กำปั้นทั้งสองของหลินเฟิงจึงได้กลายเป็นสีแดงและเปลวไฟสีแดงแห่งความหวาดกลัวกำลังเผาไหม้อย่างไม่ยอมดับ
“หลินเฟิง ตายซะเถอะ! กรงเล็บสายฟ้า! ” ขณะนั้น การโจมตีของตงฟางเสี่ยงก็มาถึง
ตงฟางเสี่ยงส่งคลื่นพลังมาด้วยมือเดียวและรวมเข้ากับกรงเล็บเสือที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสายฟ้าในอากาศและส่งตรงมาที่หลินเฟิง
ข้าง ๆ เสือเทียนเล่ยที่เป็นสัตว์คู่หูของตงฟางเสี่ยงก็มาถึง มันคำรามและวิ่งเข้าหาหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว
ตงฟางเสี่ยงอยู่ฝั่งซ้าย เสือเทียนเล่ยอยู่ฝั่งขวา พุ่งเข้าโจมตีหลินเฟิงพร้อม ๆ กัน
“เข้ามาเลย! หมัดเพลิง! “
เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงหมัดทั้งคู่ของหลินเฟิงก็ถูกปลดปล่อยออกมา
“ไม่ใช่ว่าหลินเฟิงหยิ่งเลยไม่ปล่อยสัตว์คู่หูของเขาออกมาเหรอ หรือสัตว์คู่หูของเขาไม่อยู่กันนะ?”
ฉินหงมองดูฉากนี้จากตึกสูงที่อยู่ห่างออกไป เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลเพราะให้สัญญากับซูหว่านเอ๋อไว้ว่าจะปกป้องหลินเฟิง หากหลินเฟิงเป็นอะไรไปโดยที่ไม่ตั้งใจเขาจะไม่สามารถไปอธิบายกับเธอได้
“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ เขาทำพันธะสัญญากับสัตว์วิญญาณถึงสามตัว มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่อยู่” มู่หรงหลานก็สงสัยมากเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้ปล่อยสัตว์ต่อสู้ของเขาออกมา ใบหน้าของตงฟางเสี่ยงก็แสดงความเยาะเย้ยอย่างดูหมิ่น และสายฟ้าในมือเขาก็ลุกโชนมากขึ้นและพุ่งตรงไปที่เขา
“โอ้ น่าเสียดาย ฉันยังอยากจะต่อสู้ร่วมกับเสือเทียนเล่ยอยู่นะ! ตายซะ! “
“กรร!” เสือเทียนเล่ยคำราม ขาหน้าและกรงเล็บอันแหลมคมของมันตะปบเข้าใส่หลินเฟิงอย่างไม่ลังเล
ตู้ม ตู้ม!
การปะทะกันถึงสองครั้งทำให้เกิดการปะทุของพลังงานที่น่ากลัวและมีกลุ่มควันลอยฟุ้งกระจายขึ้นโดยรอบ
“หลินเฟิงล่ะ? เขาไม่ได้อ่อนแอ คงไม่ตายเร็วหรอกนะ!”
ฉินหงและคนอื่น ๆ ถูกควันบังตาจึงมองไม่เห็นสถานการณ์ของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไร
“โอ้ ฉันขอบอกเลยนะตาแก่ คุณเงียบหน่อยได้ไหม? หลินเฟิงไม่ใช่ว่าที่นายน้อยของคุณหรอกเหรอ? ดูคุณกังวลมากนะ! ”
มู่หรงฟางหยุนมองไปยังการปรากฏตัวของฉินหงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเนี่ยนะกังวล? ฉันไม่ได้กลัวเขาจะตายเร็วสักหน่อย เพียงแค่ฉันกำลังคิดว่าจะแสดงฝีมือตอนไหน” ฉินหงกลอกตาและปฏิเสธมู่หรงฟางหยุน
“ดูสิ ควันจางไปแล้ว…”