โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 120
RC:บทที่ 120 คาดว่าจะโดนซุ่มโจมตี
“ทำไมล่ะ?” หลินเฟิงสงสัย
“เพราะว่าต่อไป พลังวิญญาณแห่งโลกจะอุดมสมบูรณ์ และถ้ามนุษย์สามารถที่จะฝึกฝนตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วิญญาณ เมื่อถึงเวลานั้นมนุษย์จะเชื่อมต่อกับสัตว์วิญญาณเพียงเพื่อที่จะเป็นเครื่องมือต่อสู้เท่านั้น!”
“แต่ในตอนนี้ พลังวิญญาณที่อยู่ในอากาศนั้นช่างบางเบาซึ่งเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะรู้สึกถึงมันได้ มีเพียงสัตว์วิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถซึมซับการฝึกตนจากพลังวิญญาณได้จากอากาศ”
“และพลังจิตวิญญาณในร่างกายของมนุษย์ก็ยังคงอยู่เพราะว่าการเชื่อมต่อกับสัตว์วิญญาณ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถปล่อยพลังจิตวิญญาณได้!” มู่หรงหลานอธิบาย
“ผมเข้าใจแล้ว!” ทันทีที่หลินเฟิงได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจได้ทันที
ปรากฎว่าตอนนี้อำนาจทั้งหมดถูกครอบงำโดยสัตว์วิญญาณที่ทำพันธะสัญญา ไม่น่าแปลกใจที่หลินเฟิงไม่เข้าใจมาโดยตลอด
“เอาล่ะ ไม่เป็นไร เมื่อสิ้นสุดพันธะสัญญาก็ดูแลพวกมันให้ดีด้วย!” จากนั้นมู่หรงหลานก็ลุกขึ้นยืนและเดินกลับไป
ถึงแม้ว่ามู่หรงหลานจะไม่แสดงให้เห็นความผิดหวังเล็กๆ หลินเฟิงก็รับรู้ได้จากน้ำเสียงของเธอ
“นี่เส้นทางการเป็นผู้มีพลังของฉันที่เพิ่งจะเริ่มต้นมาถึงจุดจบแล้วอย่างนั้นหรือ?” หลินเฟิงกล่าวด้วยความสับสนเล็กน้อย
“เฮ้อ! นายท่าน จริงๆ แล้วสถานการณ์ของท่านแตกต่างจากพวกเขานะ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกสับสนเลย!” ในเวลานี้เสียงของมังกรดำดังก้องอยู่ในใจของหลินเฟิง
“มังกรดำ เจ้าหมายถึงอะไร?” หลินเฟิงไม่เข้าใจ
“นายท่าน สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเป็นความจริงแต่นายท่านไม่เหมือนกับพวกเขา!”
“ทำไมถึงแตกต่างล่ะ?” เมื่อได้ฟังคำพูดของมังกรดำ หลินเฟิงก็ดูเหมือนจะมีความหวังครั้งใหม่
“สัตว์วิญญาณของพวกเขาถูกบังคับให้ต้องทำสัญญา สัตว์วิญญาณของนายท่านเป็นสัญญาอิสระและสัญญาที่เท่าเทียมกัน”
“สัญญาที่เท่าเทียม และสัญญาที่ถูกบังคับ แตกต่างกันหรอ?” หลินเฟิงถาม
“แตกต่างกันสิขอรับ ทันทีที่สัญญาเป็นทาสจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าเป็นสัญญาที่เท่าเทียมกันก็สามารถที่ยกเลิกได้!”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่านายท่านจะไม่สามารถปล่อยให้สัตว์วิญญาณทั้งสามตัววิวัฒนาการได้พร้อมกัน แต่นายท่านก็สามารถยกเลิกสัญญากับสัตว์วิญญาณได้ และจากนั้นก็มุ่งที่จะอัพเกรดสัตว์วิญญาณสักตัวหนึ่ง ซึ่งมันสามารถทำได้!” มังกรดำกล่าว
“ฉันเข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่า จากนี้ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว!” หลินเฟิงหัวเราะ
จากนั้นเขาก็เดินกลับไปอย่างมีความสุข และรู้สึกผ่อนคลาย
เมื่อหลินเฟิงเดินกลับไป เหล่าคนรวยและคนหนุ่มสาวกำลังนอนอยู่บนพื้นก็ยังไม่มีใครตื่น
มู่หรงหลานและฉินหงรู้สึกแปลกใจเมื่อพวกเขาเห็นหลินเฟิงเดินกลับเข้ามา
ในตอนแรก พวกเขาคิดว่าหลินเฟิงคงจะต้องเศร้าอยู่ แต่พวกเขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะไม่มีอาการนั้นแต่กลับมีความสุขเสียอย่างนั้น และก็ไม่ได้แกล้งมีความสุขด้วย
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว กลับบ้านของแต่ละคนกันเถอะ! พวกนายควรจะนำนายน้อยของพวกนายกลับไปได้แล้ว!” ฉินหงกล่าวกับทุกคน
“ลาก่อน ผู้อาวุโส!” จากนั้นพวกคนร่ำรวยและหนุ่มสาวก็จากไปโดยพวกเขาทั้งหลายขี่ไปบนหลังของผู้คุ้มกันประจำตัว
ซูหว่านเอ๋อเมาจนขาดสติถูกแบกไปโดยฉินหง และถูกส่งเข้าไปในรถคันหรู
หลินเฟิงมองดูซูหว่านเอ๋อที่กำลังจะไปและรู้สึกกระอักกระอ่วน
“พ่อหนุ่ม จำไว้นะ นายต้องมีอัตลักษณ์ที่อย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับพวกคนรวยและคนหนุ่มสาวเหล่านี้ นายถึงจะมีคุณสมบัติที่จะมาหมายปองซูหว่านเอ๋อ! รีบกลับไปเถอะและระวังตัวด้วย!” จากนั้นฉินหงก็เรียกให้ซูหยวนเฟิงขึ้นรถและจากไป
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ ลาก่อน!” มู่หรงหลานเดินเข้ามาหาหลินเฟิง ตามติดด้วยชายแก่ที่ชื่อมู่หรงฟางหยุน
“ครับ ลาก่อน!” หลินเฟิงพยักหน้า โบกมือให้และกลับไป
“จำไว้ว่าให้ระวังตัวด้วยนะระหว่างทาง!” มู่หรงหลานเองก็เตือนเขา
“โอเคครับ!”
หลินเฟิงสั่นศีรษะและเดินออกไปที่ถนนท่ามกลางความมืด ในเวลานี้ พระจันทร์และดวงดาวนั้นถูกบดบังด้วยเมฆดำ ถนนนั้นมืดมาก
“พวกเขาทั้งสองคนบอกให้ฉันระวังตัว จะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ? หรือว่าจะมีใครหรืออะไรมาทำอะไรฉัน? จ้าวหลง หรือว่าตงฟางเสี่ยง!” หลินเฟิงคิดอยู่ในใจ
“เอาล่ะ บางทีพวกเขาอาจจะมาซุ่มทำร้าย!” ตั้งแต่เกิดการวิวัฒนาการของมังกรดำหลินเฟิงยังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ หลินเฟิงรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะต่อสู้ไม่ได้เขาก็จะหนีไปได้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานหลินเฟิงก็มาถึงบริเวณที่มืดซึ่งไร้แสงสว่างและทันใดนั้นก็มีเสียงลมพัดดังขึ้น
จากนั้นมือที่มีสายฟ้าก็โผล่ขึ้นมาจากความมืดและกำปั้นฟาดไปที่หน้าอกของหลินเฟิง
“เอ? ใครนะ? หมัดเพลิง!” หลินเฟิงรีบใช้พลังวิญญาณและเปลวไฟร้อน ๆ ก็โอบมือของเขาทันที เขาพุ่งออกไปพร้อมกับหมัดเพลิง
หมัดของหลินเฟิงปะทะกับหมัดสายฟ้าจากเงามืด ทำให้เกิดระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้อากาศหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อทั้งสองแยกจากกัน ชายผู้มีหมัดสายฟ้าก็ยืนอยู่กับที่ ขณะที่หลินเฟิงถอยหลังกลับไปไกลกว่าสิบเมตร
ยังมีสายฟ้าที่ชายคนนั้นชกออกมา ติดที่กำปั้นของหลินเฟิง หลินเฟิงพยายามใช้พลังทั้งหมด ขับกระจายสายฟ้าทั้งหมดออกไป
“เหอะ ดูเหมือนยังมีดีอยู่บ้าง!” ก่อนที่หลินเฟิงจะทันได้ตอบโต้ ชายคนนั้นก็ออกมาจากเงามืด
“ตงฟางเสี่ยง?” เมื่อหลินเฟิงเห็นผู้มาเยือน เขาก็ตกใจ และเริ่มคาดเดาเหตุการณ์
หลินเฟิงทำให้เขาเสียหน้าต่อสาธารณะชน เขาต้องมาแก้แค้นหลินเฟิงอย่างแน่นอน
แต่หลินเฟิงไม่คิดว่าชายคนนี้จะรออยู่นานขนาดนี้ และเขาก็ลงมือด้วยตัวเอง เขาต้องการที่จะกดหลินเฟิงลงด้วยมือของเขาเอง
ตูม! ตูม!
จากนั้นมีคนสองสามคนกระโดดลงมาจากบ้านและหยุดข้างหลินเฟิง พวกเขาล้อมเป็นวงกลมล้อมรอบหลินเฟิงไว้
“หลินเฟิง เราเจอกันอีกแล้วนะ คราวนี้มันขึ้นอยู่กับฝีมือการวิ่งของแกแล้วล่ะ!” จ้าวหลงเดินออกมาจากอีกด้านและกล่าว
“แกนั่นเอง!” หลินเฟิงไม่ได้ตกใจมากนัก แม้จะมีหลายคนปรากฏตัวขึ้น เขาสงบนิ่งและดูท่าทีเนื่องจากการปรากฏตัวของคนเหล่านี้นั้นถูกคาดการณ์ไว้แล้ว แม้แต่มู่หรงหลานและฉินหงก็ยังเตือนหลินเฟิง
ในตอนนี้สิ่งที่หลินเฟิงต้องทำก็คือการหนีให้พ้นไปจากวงล้อมของคนเหล่านี้
“มังกรดำ ทำยังไงดี? มีทางหนีไหม?” หลินเฟิงถาม
“นายท่าน ข้าไม่มีวิธีที่ดีเลย พวกมันมีกันตั้งสี่คน และทุกคนก็อยู่ในระดับB มันไม่ง่ายเลยที่จะหนี!” มังกรดำตอบ
“ฮึ่ม!”
ขณะที่หลินเฟิงและมังกรดำสื่อสารกัน ก็มีคนหลายคนกำลังมองดูพวกเขาจากบนยอดอาคารจากระยะไกล
“ลุงฟางหยุน ถ้าเกิดเขาเป็นอันตราย ได้โปรดช่วยเขาเถิด!” มู่หรงหลานกล่าว
“คุณหนู ถ้าเขาไม่สามารถที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ เขาก็ไม่คู่ควรที่เราจะต้องสนใจ!” มู่หรงฟางหยุนกล่าว
“ไม่ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม เขามีอะไรที่ทำให้ดึงดูดใจฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้เลยว่าทำไม!” มู่หรงหลานกล่าวขณะที่ยืนอยู่บนยอดตึก
“สาวน้อยมู่หรง ทำไมเธอและนายหญิงน้อยทั้งสองถึงได้ชอบผู้ชายคนนี้นะ? เห็นได้ชัดว่าเขาถูกทิ้ง แล้วเขายังทำสัญญากับสัตว์วิญญาณหลายตัวและติดอยู่แค่ระดับC!” ทันใดนั้นก็มีอีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
“ฉันไม่รู้ เขาทำให้ฉันมีความรู้สึกที่แตกต่างบางอย่าง!” มู่หรงหลานกล่าวกับตัวเธอเอง
“ผู้เฒ่าหง ไปแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมท่านจึงกลับมา?” มู่หรงฟางหยุนเหลือบตามองฉินหงและกล่าวออกมา
“อ้อ แกก็ยังไม่กลับเหมือนกันไม่ใช่หรือ?” ปากของฉินหงกระตุก
“พวกเราอยากเห็นว่าเขาจะหนีจากเงื้อมมือของตงฟางเสี่ยงอย่างไร…”