โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 119
RC:บทที่ 119 แกเสร็จแน่
ในช่วงเวลาอันสั้น หลินเฟิงได้รับความเคารพซึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างทางด้านอัตลักษณ์
ดังเช่นก่อนหน้านี้ เมื่อหลินเฟิงยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงพลังอัตลักษณ์ของเขา ไม่มีใครเคยมองเห็นหัวเขา สิ่งที่หลินเฟิงเห็นได้จากสายตาของคนอื่นคือการดูถูกเหยียดหยามและความตลกขบขัน
แต่เมื่อหลังจากที่หลินเฟิงได้แสดงอัตลักษณ์ของเขาแล้ว ทุกสิ่งก็ได้เปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทุกคนกำลังกินดื่มกันอยู่นั้น บนหลังคาของอาคารที่ไม่ไกลไปจากร้านอาหาร คนสองคนกำลังจ้องมองว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“นายมีธุระอะไรฉัน?” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าถาม
“อย่าเพิ่งโกรธสิครับ นายน้อยตงฟาง แน่นอน ผมจะชี้แนะทางให้กับคุณและแนะนำไอเดียให้!” จ้าวหลงกล่าว
คนทั้งสองคนก็คือ ตงฟางเสี่ยง และจ้าวหลง
“ให้คำแนะนำฉันงั้นหรือ? คนอย่างตงฟางเสี่ยงต้องการคำแนะนำของนายตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ตงฟางเสี่ยงกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“อ้าว นายน้อยตงฟาง พูดแบบนี้ไม่ได้นะ ผมคิดว่าคุณต้องเกลียดหลินเฟิงเพราะเขาได้ขโมยคนรักของคุณไป! และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!” จ้าวหลงกล่าว
“โอ้? นายมีเรื่องบาดหมางกับเขาใช่ไหม?” คำพูดของจ้าวหลงกระตุ้นความเกลียดชังของเขา
เป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้เพราะว่าหลินเฟิงได้ขโมยดาวเด่นไปจากเขา และยังขโมยแฟนสาวของเขาไปในวันนี้ ตงฟางเสี่ยงอยากจะฆ่าเขานัก
“ใช่แล้วล่ะ ดั้งนั้นพวกเราจึงมีศัตรูคนเดียวกัน ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน ยิ่งไปกว่านี้ผมก็รู้เกี่ยวกับหลินเฟิงมากกว่าคุณ ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของผมแล้ว คุณจะฆ่าหลินเฟิงได้ในไม่ช้านี้!” ความเกลียดชังของจ้าวหลงที่มีต่อหลินเฟิงนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าของตงฟางเสี่ยงเลย
“งั้นก็บอกฉันมา ต้นกำเนิดของหลินเฟิงคืออะไร? มันน่าประหลาดใจที่หญิงสาวทุกคนที่มาร่วมงานจะต้องพูดกับเขาและแม้แต่มู่หรงหลานก็ยังไม่ลังเลที่จะเป็นปรปักษ์กับฉัน!” ตงฟางเสี่ยงรู้สึกสับสน
“เท่าที่ผมรู้ หลินเฟิงไม่ได้มีอัตลักษณ์พิเศษใดๆ เขาก็เป็นแค่เจ้าบ้านนอกคนหนึ่ง ผมเคยมีเรื่องกับเขาสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย…” จ้าวหลงเล่าถึงความเข้าใจของเขาที่เกี่ยวหลินเฟิง
“มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาเป็นแค่คนบ้านนอก เขาจะรู้จักมู่หรงหลานและซูหว่านเอ๋อได้อย่างไรกัน?” เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวหลง ตงฟางเสี่ยงไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าอัตลักษณ์ของหลินเฟิงนั้นเป็นแค่คนธรรมดา
คนธรรมดาที่อยู่ที่บ้านนอก แต่สามารถติดต่อกับซูหว่านเอ๋อและคนระดับมู่หรงหลานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างมู่หรงหลาน
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่ามันเป็นแค่ความบังเอิญของหลินเฟิงเท่านั้น
“ลืมมันซะ ไม่ว่ามันจะเรื่องอะไร แต่วันนี้พวกเราต้องไม่ปล่อยให้หลินเฟิงรอดชีวิตไปจากมณฑลฉิงเฟิง!” แสงเย็นวาบขึ้นในดวงตาของตงฟางเสี่ยง
“แต่ในตอนนี้ คนพวกนั้นยังคงล้อมรอบมันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าแก่สองคนที่ติดตามซูหว่านเอ๋อและมู่หรงหลาน ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่อาจจะคาดเดาได้ ถ้าพวกเขาอยู่ที่นั่น พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรหลินเฟิงได้เลย!” จ้าวหลงกล่าว
“อืม ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกนั้นจะปกป้องหลินเฟิงได้ตลอดเวลา…”
หลังจากที่ดื่มกินจนเพียงพอแล้ว แต่ละคน เขาก็ล้มตัวลงนอนที่ตำแหน่งของตัวเอง หลินเฟิงเองก็ดื่มไปสองสามแก้วและรู้สึกว่าหัวของเขากำลังบวม อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลินเฟิงใช้พลังเพื่อกลั่นแอลกอฮอล์ในร่างกายของเขา ร่างกายของเขาก็กลับมามีสติมากขึ้น
ในเวลานี้ ซูหว่านเอ๋อและมู่หรงหลานก็เมาเช่นกันและนั่งอยู่ในที่นั่งของตัวเอง ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความสุขมาก
“ออกมานี่สิ พ่อหนุ่ม!” ขณะที่หลินเฟิงกำลังจะล้มตัวลงนอน ก็มีเสียงดังขึ้นในใจของเขา
ทันทีที่หลินเฟิงได้ยินเสียงนั้น เขาก็รู้ว่านั่นคือ ฉินหง ชายแก่ที่ติดตามซูหว่านเอ๋อ เป็นคนเรียกเขานั่นเอง จากนั้นเขาจึงเดินออกไปอย่างเงียบๆ ขณะที่ทุกคนกำลังดื่มกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่หลินเฟิงออกไป มู่หรงหลานก็ผงกศรีษะขึ้นและตาของเธอก็ใสขึ้นมาทันที เธอจึงตามหลินเฟิงออกไป
หลังจากที่หลินเฟิงออกไปแล้ว เขาก็ขึ้นมาที่ชั้นบนของร้านอาหาร ในตอนนี้ ฉินหงยืนอยู่บนยอดของอาคารโดยใช้มือไพล่หลังไว้และมองมาในระยะไกล
ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เวลาประมาณตีหนึ่งหรือตีสอง ดาวมากมายบนท้องฟ้าเริ่มพราวแสงระยิบระยับ
“ครับ ไม่ทราบว่าต้องการให้ผมทำอะไรหรือครับ?” หลินเฟิงถาม
“พ่อหนุ่ม นายชื่อหลินเฟิงใช่ไหม!” ฉิงหงถาม
“ใช่ครับ!”
“นายคิดว่าคืนนี้เป็นอย่างไร?” ฉินหงถามด้วยคำถามที่ประหลาด
“ค่ำคืนนี้ดูเหมือนจะมีดวงดาวเต็มท้องฟ้า แต่จริงๆ แล้วเมฆดำกำลังจะเคลื่อนเข้ามา อีกสักครู่พระจันทร์และดวงดาวทั้งหลายก็จะถูกบดบังไป” หลินเฟิงมองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้มและพูดออกมาหลังจากนั้นไม่นาน
“ใช่แล้ว มันเป็นเหมือนนายที่อยู่ตรงหน้าคือทิวทัศน์ที่ไม่มีขอบเขตในช่วงแรก แต่ดูเหมือนจะถูกกลืนโดยความมืดในอีกไม่ช้า!” ฉิงหงกล่าว
“หมายความว่าอย่างไรครับ ท่านผู้เฒ่า?” หลินเฟิงรู้สึกฉงน
“ตอนนี้นายได้เป็นปรปักษ์กับตงฟางเสี่ยงและทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาเป็นคนเผด็จการและใจแคบ เขาจะไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ แน่ๆ” ฉินหงกล่าว
“ผมทราบครับ!” หลินเฟิงพยักหน้า
“แล้วอย่าคิดว่าการที่หว่านเอ๋อพยักหน้าและรับปากที่เป็นแฟนกับนาย แล้วนายจะมีคุณสมบัติเป็นแฟนของหว่านเอ๋อล่ะก็ นายมันก็เด็กเกินไปแล้ว!”
“ไม่ได้มีเพียงแค่ตงฟางเสี่ยงที่มาหมายปองหว่านเอ๋อ แต่เธอยังมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งอีกด้วย มันยังเร็วเกินไปสำหรับนายที่จะมาเป็นแฟนของหว่านเอ๋อ!”
“นายควรตระหนักด้วยตนเอง อย่างน้อยก็เพื่อให้รอดจากมือของตงฟางเสี่ยง! นอกจากนี้ถ้าฉันเดาไม่ผิดนายคงมีสัตว์วิญญาณหลายตัวสินะ!”
“ใช่ครับ แล้วปัญหาคืออะไรครับ?” หลินเฟิงถามอย่างสงสัย
“ฮ่าฮ่า นายถูกทิ้งอยู่ข้างหลังแล้วล่ะ!” จากนั้นฉินหงก็ส่ายหัวและหายตัวไป
หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่กับที่ และพึมพำบางอย่าง
“มีคนที่มีพลังอยู่เบื้องหลังของหว่านเอ๋อมาหมายปองเธองั้นหรือ? เบื้องหลังที่เลวร้ายนั้นคืออะไร? แต่นี่มันอะไรกันนี่!” หลินเฟิงคำรามอยู่ในใจ
“ยังไงซะ ทำไมเขาถึงต้องถามว่าฉันมีสัตว์วิญญาณกี่ตัว?” หลินเฟิงรู้สึกฉงนกับคำพูดของฉินหง
“เพราะว่ามีสัตว์วิญญาณหลายตัวที่เชื่อมกันอยู่ในเวลาเดียวกัน มันจะนำมาสู่ความแข็งแกร่งอันทรงพลังในช่วงเวลาอันสั้น แต่มันยากที่จะยกระดับของคุณในอนาคต!” ในเวลานี้มีใครอีกคนอยู่ทางด้านหลังของหลินเฟิง
เมื่อหลินเฟิงหันกลับไป นั่นก็คือมู่หรงหลานนั่นเอง
“คุณมู่หรงหลาน!” หลินเฟิงตะโกนออกมา
“เอาล่ะ ทันทีที่คุณทำพันธะสัญญากับสัตว์วิญญาณหลายตัวในเวลาเดียวกัน ถ้าคุณต้องการที่จะพัฒนาระดับของคุณ คุณก็ต้องยกระดับของสัตว์วิญญาณด้วย!”
“ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้คุณอยู่ที่สูงสุดของระดับC ถ้าคุณต้องการที่จะอัพเกรดขึ้นไปสู่ระดับB คุณก็ต้องอัพเกรดสัตว์วิญญาณทั้งหมดของคุณให้เป็นสัตว์วิญญาณระดับกลาง ไม่เช่นนั้นแล้วคุณก็จะไม่สามารถอัพเกรดพลังไปที่ระดับBได้!” มู่หรงหลานตอบ
“อะไรนะ? งั้นหรือ?” หลินเฟิงไม่เคยรู้เรี่องนี้มาก่อน
“มีสัตว์วิญญาณกี่ตัวที่คุณทำพันธะสัญญาด้วย?” มู่หรงหลานถาม
“สามตัว!”
“เอาล่ะ คุณอาจจะหยุดอยู่ที่ระดับสูงสุดของระดับCไปตลอดของคุณเลยนะ!” มู่หรงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกผิดหวัง เธอส่ายศรีษะและกล่าวออกมา
“ทำไมล่ะ? มันก็แค่อัพเกรดสัตว์วิญญาณไปสู่ระดับกลางไม่ใช่หรอ? มันไม่ยากมากใช่ไหม?” หลินเฟิงกล่าว
“มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะที่จะอัพเกรดสัตว์วิญญาณไปสู่ระดับกลาง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอัพเกรดสัตว์วิญญาณทั้งสามตัวไปสู่ระดับกลางในเวลาเดียวกัน ?”
“เป้าหมายของนายก็คือพลังระดับBใช่ไหม? ถ้านายต้องการที่จะสร้างความก้าวหน้า มันก็เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะอัพเกรดสัตว์วิญญาณทั้งสามตัวให้พัฒนาขึ้นในเวลาเดียวกัน! นานไปก็อาจจะเป็นไปได้เมื่อถึงเวลานั้น แต่มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยในตอนนี้!” มู่หรงหลานถอนหายใจ
“ทำไมล่ะ?”