โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 116
RC:บทที่ 116 ฉันตกลง
เมื่อซูหว่านเอ๋อได้ยินคำสารภาพของตงฟางเสี่ยง เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เธอไม่คิดว่าตงฟางเสี่ยงจะสารภาพรักกับเธอแบบนี้
ทุกคนพากันตกตะลึงที่ได้เห็นฉากนี้ ถึงแม้ว่าหลายคนที่อยู่ที่นี่จะรู้ว่าตงฟางเสี่ยงนั้นหมายปองซูหว่านเอ๋อมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีใครคิดว่าตงฟางเสี่ยงจะมาทำแบบนี้ที่นี่
ในเวลานี้ตงฟางเสี่ยงกำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่ง และถือกล่องใบเล็กไว้ในมือซึ่งบรรจุแหวนที่งดงามยิ่งนัก
แหวนนั้นเป็นเงินล้วนและดูมีราคาสูงมาก และยังมีลวดลายสวยงาม
ด้านบนของแหวนนั้นเป็นคริสตัลน้ำดีขนาดเท่าหัวแม่มือส่องประกายวูบวาบยามเมื่อต้องกับแสง
“ว้าว เพชรอะไรกันใหญ่จังเลย!” เมื่อได้เห็นเพชรเม็ดใหญ่ ดวงตาของหยางเจียนซื่อก็เป็นประกายด้วยความอิจฉาอย่างชัดเจน
ไม่เพียงแต่หยางเจียนซื่อเท่านั้นแต่หยางเจียนหลิงและซูหว่านเอ๋อเองก็ตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นแหวนนั้นซึ่งสิ่งของสวยงามมันช่างดึงดูดใจเหลือเกิน
มีเพียงมู่หรงหลานเท่านั้นที่ยังคงนิ่งสงบ เห็นได้ชัดว่าผู้คนในระดับเดียวกันกับเธอนั้นไม่ค่อยสนใจกับของพวกนี้
แหวนเพชรเม็ดใหญ่ขนาดนี้ และการที่ตงฟางเสี่ยงกำลังคุกเข่าสารภาพรักเช่นนี้นั้นเป็นการยากสำหรับหญิงสาวที่จะปฏิเสธ
ตงฟางเสี่ยงเองก็เป็นคนที่หล่อเหลา ถ้าเป็นหญิงสาวคนอื่นก็คงจะตอบตกลงทันที
แต่นี่เป็นซูหว่านเอ๋อที่ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาและไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงิน
ครอบครัวของซูหว่านเอ๋อนั้นร่ำรวยมาก เธอเกิดมาพร้อมกับความร่ำรวยตั้งแต่เด็ก เธอไม่ได้เป็นคนบ้าเงิน ถึงแม้ว่าแหวนวงนั้นจะสวยและมีราคามากและน่าประทับใจเพียงใดแต่ซูหว่านเอ๋อก็รู้ว่าอะไรที่ควรและไม่ควรรับไว้
“ฉันขอโทษนะ พี่ตงฟาง ฉันคิดกับคุณแบบพี่ชาย ฉันไม่เคยชอบคุณเลย!” ซูหว่านเอ๋อตอบ
จากนั้นดวงตาของซูหว่านเอ๋อก็มองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าเธอกำลังมองบางสิ่งอยู่ เธอต้องการที่จะหาคนที่สามารถพึ่งพาได้ เป็นหลักเป็นฐาน และใครสักคนที่จะสามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่น่าอับอายตอนนี้ได้
สายตาของเธอจับจ้องไปที่ห้องและมองดูทีละคนๆ ในที่สุดสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่หลินเฟิง
ในเวลานี้เมื่อเธอและหลินเฟิงมองหน้ากันและกันพวกเขาต่างพากันช๊อค คนทั้งสองดูเหมือนจะอ่านสายตาของกันและกันออก
ในตอนนั้นวิญญาณของพวกเขาดูเหมือนจะสื่อถึงกันได้ หลินเฟิงรู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่าง
“อะแฮ่ม ถ้างั้น หว่านเอ๋อ ฉันก็มีของขวัญจะให้เธอเหมือนกัน!” อยู่ๆ หลินเฟิงก็พูดออกมา
หลินเฟิงต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ทำให้ตงฟางเสี่ยงโมโห ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำเป็นเขินอาย
“นี่แกยังมีของขวัญอีกหรือ? ของขวัญของแกไม่ไก่ฟินิกซ์หรอกหรือ?” จ้าวหลงกล่าวเหยียด
ดูเหมือนว่าจ้าวหลงจะต้องการที่จะมีปัญหากับหลินเฟิง เขาไม่เคยเลิกสร้างปัญหาเลยตราบใดที่เขามีโอกาส
แต่ในตอนนี้นั้นหลินเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจแก่เขา ดวงตาของหลินเฟิงนั้นจับจ้องอยู่ที่ซูหว่านเอ๋อ เขาเห็นเธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ตอนนี้จิตใต้สำนึกของหลินเฟิงได้ออกมาจากแหวนอวกาศแล้วเขาเห็นภาพของตงฟางเสี่ยงกำลังคุกเข่าสารภาพรักต่อซูหว่านเอ๋อและถือแหวนไว้ในมือ
ในตอนนั้นหลินเฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปจากหัวใจของเขา มันเป็นอารมณ์ที่เศร้ามากดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องหมูๆ แต่โชคดีที่ซูหว่านเอ๋อไม่ได้ตอบรับคำสารภาพรักของตงฟางเสี่ยง
จากนั้นหลินเฟิงก็เดินไปหาซูหว่านเอ๋อและในตอนนี้นั้นตงฟางเสี่ยงยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น
การที่หลินเฟิงรีบร้อนเดินเข้ามาทำให้ตงฟางเสี่ยงไม่พอใจเป็นอย่างมาก คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยแสงเย็นวาบ ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเขากำลังสารภาพรักอยู่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับหลินเฟิง
อย่างไรก็ตาม ครู่ถัดมาทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อหลินเฟิงก็ได้คุกเข่าลงและหยิบแหวนธรรมดาออกมา
มันเป็นแหวนที่ธรรมดามากดูเหมือนกับแหวนที่ซื้อมาจากแผงในตลาดและก็ยังไม่ได้ใช้วัสดุที่พิเศษแต่อย่างใด มันเป็นแหวนสีเงินที่มีพลอยสีแดงขนาดเท่าเม็ดข้าวสารประดับอยู่
แต่พลอยเม็ดนั้นช่างมืดสลัวมันยากยิ่งนักที่จะมองเห็นมันได้
“หว่านเอ๋อ เป็นแฟนกับฉันเถอะ!” หลินเฟิงเปิดปากของเขาและจ้องไปที่ซูหว่านเอ๋อ
อึก…
มันเป็นฉากที่สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนดูเหมือนว่าโครงเรื่องนี้เพิ่งจะถูกเขียนขึ้น
“ฮ่าฮ่า หลินเฟิงนี่แกเล่นตลกหรือว่าโง่กันแน่? แกมันจนขนาดนี้ยังกล้ามาแข่งกับตระกูลตงฟางได้ยังไงกัน?” จ้าวหลงหัวเราะออกมา
ไม่เพียงแต่จ้าวหลง หานหลิง เจียงเสี่ยวไป่และคนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะ พวกเขาหัวเราะที่หลินเฟิงไม่รู้จักประเมินตัวเอง
ไม่มีใครพูดอะไร อัตลักษณ์และสถานะของทายาทตระกูลตงฟางนั้นไม่มีใครเหมาะสมยกเว้นมู่หรงหลาน
ยิ่งไปกว่านั้นตงฟางเสี่ยงก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในการสารภาพรักด้วยแหวนราคาหลายล้าน หลินเฟิงเองก็หยิบแหวนออกมาซึ่งทุกคนไม่รู้จักนั่นทำให้ทุกคนหัวเราะ
“หลินเฟิง นี่คุณไปซื้อมาจากแผงในตลาดที่ไหนงั้นหรือ? 50 หรือ 100 หยวน? เอามาให้ฉันดูก่อนนะครั้งหน้า! ฮ่าฮ่า!” จ้าวหลงหัวเราะ
เมื่อได้ฟังคำของจ้าวหลง และทุกคนก็หัวเราะและพวกเขาคิดว่าหลินเฟิงต้องการที่จะกินเนื้อหงส์ แต่ดวงตาของหลินเฟิงนั้นแน่วแน่ไม่ได้เล่นตลกเลยสักนิดและเขาไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงมองตรงไปที่ซูหว่านเอ๋อ
หลินเฟิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเมื่อเขาเห็นหญิงสาวในครั้งแรกที่พบกัน เมล็ดพันธ์ก็ได้งอกในหัวใจของเขา
ในเวลานี้หยางเจียนซื่อ หยางเจียนหลิง และมู่หรงหลานพากันมองมาที่หลินเฟิงและไม่ตอบสนองอยู่ชั่วขณะ
“ฉัน ฉัน…” ซูหว่านเอ๋อมองดูสิ่งที่หลินเฟิงทำ และรู้สึกราวกับว่าเธอได้กลายร่างเป็นปิศาจตัวยักษ์ที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมาในทะเล
เธอทั้งรู้สึกเขินอายและมีความสุขในเวลาเดียวกันเหมือนหัวใจมันพองโต
มันช่างน่าอายนักที่ดวงตาของเธอไม่รู้จะไปจับจ้องที่ไหน เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกโล่งใจเมื่อเธอได้เห็นหลินเฟิง แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าหลินเฟิงจะทำเช่นเดียวกันกับตงฟางเสี่ยง
ยิ่งไปกว่านั้น ตงฟางเสี่ยงเองก็ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นซึ่งทำให้เธอต้องเลือก เธอไม่ได้ชอบตงฟางเสี่ยงแต่ถ้าเธอเลือกหลินเฟิงมันก็หมายความว่าเธอทำให้ตงฟางเสี่ยงไม่พอใจ พลังที่อยู่เบื้องหลังของตงฟางเสี่ยงนั้นไม่สามารถต้านทานได้โดยหลินเฟิง
ประการที่สองเมื่อหลินเฟิงสารภาพรักกับเธอ เธอรู้สึกมีความสุขมาก เธอชอบหลินเฟิงจริงๆ
ความจริงแล้วซูหว่านเอ๋อได้ถูกหลินเฟิงช่วยชีวิตเอาไว้ จากครั้งแรกที่เห็นหลินเฟิงซูหว่านเอ๋อก็รู้ว่าเธอชอบหลินเฟิงแต่เธอไม่อยากให้เขาต้องเป็นศัตรูกับตงฟางเสี่ยง
“เชื่อใจฉันเถอะ!” หลินเฟิงมองเข้าไปดวงตาของเธอและเข้าใจความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอ
เมื่อได้ยินประโยคนั้น ซูหว่านเอ๋อก็หลับตาลงและหายใจเข้าลึกๆ
ทุกคนกำลังรอคำตอบของซูหว่านเอ๋ออยู่ รอให้หลินเฟิงหน้าแตก แม้แต่ตงฟางเสี่ยงเองก็เหยียดปากออก
“ฉันตกลง!” น่าประหลาดใจนักที่ซูหว่านเอ๋อตอบตกลง
“อะไรนะ?” เมื่อจ้าวหลงได้ยินดังนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนราวกับว่าเขาฟังอะไรผิดไป
“ไม่นะ คุณหว่านเอ๋อ!”
ไม่เพียงแต่จ้าวหลงเท่านั้นแต่รวมไปถึงหยางฉิงชาน ไม่มีใครคิดว่าซูหว่านเอ๋อจะตอบตกลง
“หว่านเอ๋อ…”