โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 215
RC:บทที่ 215 พลังแห่งผืนดิน
หลิน เฟิงไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้วในตอนนี้ สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือสกัดกั้นพลังโจมตีที่มาจากตงฟาง เซียงด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี
“ถ้านายใช้หมัดไท่ชาน อย่างงั้น ฉันก็จะใช้หมัดผ่าภูเขา ฉีกหมัดไท่ชานของนายเป็นชิ้นๆ” หลิน เฟิงว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เยือกเย็น
วิชามวยไท่ชานนั้นถือว่าเป็นทักษะวิญญาณของคุณลักษณะแห่งผืนดินระดับกลาง ที่เปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล และด้วยหมัดไท่ชานเพียงหมัดเดียว ก็ไม่มีใครสามารถจะหยุดยั้งมันได้
แต่ทว่าวิชามวยไท่ชานของตงฟาง เย่วจิงนั้นยังไม่สมบูรณ์พร้อม ดังนั้นจึงใช้พลังออกมาได้ดีมากสุดแค่ 60%
ศิลปะการต่อสู้อันนี้เป็นวิชาที่ผู้เฒ่าไป๋มอบให้กับหลิน เฟิง มีวิชาศิลปะการการต่อสู้อยู่ไม่มากที่ผู้เฒ่าไป๋จะได้เห็นและเก็บเอาไว้ ทั้งพลังและความละเอียดอ่อนของศิลปะการต่อสู้พวกนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจได้ยาก แต่หลิน เฟิงไม่ใช่คนธรรมดา เขาเข้าใจศิลปะการต่อสู้ตรงนี้
และตอนนี้ก็ถึงเวลาสำแดงมันออกมาแล้ว
ในตอนนี้ ตงฟาง เย่วจิงเองก็ใช้วิชามวยไท่ชาน ตามด้วยวิชากังฟูตรงหน้าหลิน เฟิง ในขณะเดียวกัน หลิน เฟิงเองก็ใช้วิชาหมัดเหมือนกัน แล้วจู่ๆ ลมหายใจที่หนักหน่วงแต่ว่างเปล่าก็ออกมาจากตัวเขา ลมหมุนของพลังวิญญาณบนพื้นดินหมุนไปรอบๆตัวหลิน เฟิง
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ราวกับว่าตนอยู่บนพื้นโลกจริงๆ การเชื่อมโยงระหว่างเขากับโลกเหมือนกับสายใยของลูกกับแม่อย่างบอกไม่ถูก
และในตอนนี้ หลิน เฟิงก็ดูจะนึกถึงความหมายที่แท้จริงของหมัดผ่าภูเขาขึ้นมาได้
จริงๆแล้ว หมัดผ่าภูเขานั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับกลาง โดยที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้มันได้เพราะอยู่เหนือประเภทของศิลปะการต่อสู้ระดับกลางไปแล้ว แต่ทว่ายังมีสถานการณ์หนึ่งที่ต่างออกไป นั่นก็คือ ศิลปะการต่อสู้บางอย่างนั้นจำเป็นต้องมีความเข้าใจในศาสตร์เสียก่อนซึ่งนี่จะรู้ได้เพียงคนที่เชี่ยวชาญในวิชาศิลปะการต่อสู้เท่านั้น
ศิลปะการต่อสู้ที่ต้องเข้าใจในศาสตร์ของมันนั้นจะแตกต่างจากศิลปะการต่อสู้ที่ปราศจากความเข้าใจในศาสตร์เป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ หลิน เฟิงเองรู้สึกได้ว่าตนเองก็มีความเข้าใจในศาสตร์นั้นอยู่ อีกทั้งยังรู้สึกอีกว่าเขาเหมือนเป็นคนจากผืนดินที่สามารถควบคุมผืนดินได้
สิ่งนี้จะเพิ่มระดับการใช้วิชาหมัดผ่าภูเขาของหลิน เฟิง
“ฉันรู้สึกว่าพลังอันยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพของผืนดิน ผืนดินที่ก่อกำเนิดทุกสรรพสิ่ง โปรดมอบพลังให้กับฉัน หมัดผ่าภูเขา” หลิน เฟิงตะโกนออกไปอย่างโกรธเกรี้ยวใส่ตงฟาง เย่วจิง
ในตอนนี้ หมัดผ่าภูเขาที่หลิน เฟิงใช้นั้นเป็นความเข้าใจในศาสตร์นั้นและได้รับการตั้งชื่อเป็นหมัดผ่าภูเขา เพราะพลังนี้เป็นสิ่งกระตุ้นพลังแห่งผืนดิน
“โอ้ กล้าที่จะสู้กับฉันสินะ รนหาที่ตายชัดๆ แกเนี่ย” ตงฟาง เย่วจิงว่าอย่างดูถูก แม้แต่คนในระดับเดียวกันกับเขายังไม่กล้าที่จะสู้ด้วยแบบนี้เลย เพราะถ้าไม่ถึงตายก็ได้รับบาดเจ็บ
แต่ในเวลาต่อมา ร่างทั้งร่างของเย่วจิงก็นิ่งไป
เพราะในจังหวะที่สัมผัสตัวกัน หลิน เฟิงรู้สึกได้ถึงแรงโจมตีจากตงฟาง เย่วจิงว่านั่นคือหมัดไท่ชานซึ่งทรงพลังและไร้เทียมทาน
แต่ทว่าตงฟาง เย่วจิงกลับรู้สึกว่าพลังโจมตีของหลิน เฟิงนั้นเหมือนดึงตัวเองเข้าไปในโลกของผืนดินทั้งใบ ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกว่าตนนั้นเหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้เป็นแม่ ไม่มีแรงใดๆส่งออกไปได้เลย
ตูม! กร๊อบ!
หลังจากเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น เป็นเสียงแตกดังกร๊อบ แล้วร่างๆหนึ่งก็กระเด็นออกไป ร่างที่ว่านั่นก็คือตงฟาง เย่วจิงนั่นเอง
ในขณะที่ตงฟาง เย่วจิงนั้นกระเด็นออกมา หลิน เฟิงก็เพิ่งจะตื่นจากภวังค์ ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ในตอนนี้ หลิน เฟิงเคลื่อนที่ได้ช้าลงเล็กน้อยและดูจะไม่เข้าใจว่าจะเอาชนะตงฟาง เย่วจิงได้อย่างไร และในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงก็รู้สึกได้ว่ากำลังทางจิตวิญญาณของเขานั้นไหลออกไปจนไม่เหลือแล้วด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกับการโจมตีแบบนั้นกันน่ะ” หลิน เฟิงพึมพำด้วยความไม่รู้เรื่อง
“ความเข้าใจศาสตร์ จริงๆแล้วก็คือการเข้าใจถึงตัวศาสตร์ของมัน นี่นายเข้าใจศาสตร์แห่งผืนดินงั้นรึ” ในตอนนั้นเอง ตงฟาง เย่จิงจึงมองไปที่หลิน เฟิง
ความเข้าใจในศาสตร์นั้นจะต้องเป็นคนที่ไปถึงระดับ S เท่านั้นที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ เพราะขอเพียงแค่เข้าใจพวกเขาก็จะเข้าถึงระดับ S ได้เลย คนระดับ A ส่วนใหญ่มักจะติดอยู่กับเรื่องนี้ แต่อย่างน้อย เมื่อพวกเขาหนึ่งคนเข้าใจถึงศาสตร์ พวกเขาก็จะไปอยู่ในระดับ S ได้เลย
คาดไม่ถึงเลยว่าหลิน เฟิง ผู้ซึ่งอยู่แค่ในระดับ B ขั้นกลางจะเริ่มเข้าใจเรื่องศาสตร์ของพลังแห่งผืนดิน ความสามารถของศิลปะการต่อสู้แบบไหนกันนะที่เขาทำได้
แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงก็ยังไม่ได้เข้าใจดีนัก และตอนนี้ดูเหมือนว่าสภาพของเขายังไม่เข้าที่ซึ่งพูดไปก็คงจะแปลก
ร่างของตงฟาง เย่วจิงปลิวไปนอนอยู่กับพื้น มือทั้งสองข้างกุมไว้ก่อนจะร้องครวญคราง
เพราะกระดูกที่มือของเขานั้นแหลกละเอียดจากหมัดของหลิน เฟิง จากกระดูกนิ้วไปจนถึงต้นแขน เป็นเรื่องที่ไม่คิดฝันมาก่อน
“ตายซะเถอะ อสุนีบาต”
ในตอนนี้เอง ตงฟาง เซียงจึงออกโรงบ้าง ความเร็วของเขานั้นมากจนเหลือเชื่อราวกับสายฟ้าจริงๆ ทันทีที่เขาเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอลงแล้ว เขาจึงจัดการด้วยพลังสายฟ้าที่จู่โจมแบบกะทันหัน
เป็นเวลาที่เหมาะจริงๆ หลิน เฟิงเองก็เพิ่งจัดการตงฟาง เย่วจิงไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
และในตอนนี้ ร่างกายของเขาก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต้านทานได้อีกต่อไปแล้ว
“ไปตายซะไป”
เมื่อตงฟาง เซียงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาก็เผยรอยยิ้มอันแสนภาคภูมิใจที่มุมปากออกมา ในที่สุดเขาก็สามารถสังหารหลิน เฟิงได้อย่างที่ใจปรารถนา
“ใบมีดลม”
“โล่น้ำแข็ง”
แต่ว่าในตอนนั้นเอง ขณะที่หลิน เฟิงคิดว่าตัวเองกำลังจะตายแล้วนั้น หวัง หานกับจื้อเฉิงก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นปล่อยใบมีดลมออกมาหลายอันเพื่อโจมตีใส่ตงฟาง เซียง ส่วนอีกคนรวบรวมโล่น้ำแข็งขึ้นมาเพื่อกั้นพลังโจมตีของตงฟาง เซียงไว้
แต่ทว่าทักษะวิญญาณของการโจมตีของทั้งสองนั้นไม่ต่างอะไรกับกระดาษที่วางไว้ตรงหน้าตงฟาง เซียง
พลังของตงฟาง เซียงเข้าทำลายพลังของทั้งคู่ในทันทีที่ปะทะกัน
ใบมีดพวกนั้นถูกบดขยี้ด้วยคลื่นพลังของตงฟาง เซียง ส่วนโล่น้ำแข็งนั้นปะทะเข้ากับพลังโจมตีสายฟ้าที่ตามมา โดยโล่น้ำแข็งนั้นถูกบดขยี้จนกลายเป็นเศษน้ำแข็งร่วงลงพื้น จากนั้นพวกเขาก็ถูกเตะออกไปจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
แม้ว่าจื้อเฉิงกับหวัง หานจะต้านทานไว้อย่างที่สุดแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดตงฟาง เซียงที่กำลังเข้ามาเรื่อยๆได้ ทำได้แค่ถ่วงเวลาไว้เพียงหนึ่งหรือสองวินาทีเท่านั้นเอง
แต่ในท้ายที่สุด สองวินาทีนี้นี่ล่ะที่จะนำพาเรื่องอันน่าตกใจมาให้
หลังจากที่ตงฟาง เซียงหยุดการโจมตีของหวัง หานและจื้อเฉิงลงได้ เขาก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อชกหลิน เฟิง
พลังหมัดของเขานั้นช่างมหาศาล สายฟ้าส่องแสงแปลบปลาบอยู่บนนั้น หลิน เฟิงรู้สึกถึงพลังทำลายล้างได้อย่างชัดเจนจากหมัดสายฟ้าที่อยู่เหนือตนในตอนนี้
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้เงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบาก ก่อนจะนำใบมีดเงาเลือดใส่ไว้ในมือโดยการเสยผ่านช่วงอกของเขาซึ่งเป็นที่ที่การโจมตีของตงฟาง เซียงจะเข้ามาโดน
ตูม! ฉัวะ!
มีเสียงสองเสียงดังขึ้น ร่างของหลิน เฟิงลอยไปข้างหลัง เลือดปลิวไปในอากาศ ก่อนจะปลิวไปยังด้านหลังอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ขนาดเท่าคนหลายต้นต่างล้มระนาวกันไปเป็นแถบๆ จนกระทั่งมาหยุดที่ต้นไม้ร้อยปี
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงรู้สึกว่าร่างทั้งร่างของเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้ว ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นยากเกินจะบรรยาย
“แค่ก” หลิน เฟิงเห็นเลือดที่ออกมาเล็กน้อย ต่อสู้ได้ยากแล้ว พร้อมกับพิงร่างกับต้นไม้
“หา? ยังมีชีวิตอยู่หรือเนี่ย งั้น ฉันจะจัดให้นายอีกสักยกแล้วกัน” ทันทีที่กล่าวจบ ตงฟาง เซียงจึงเร่งลงมืออีกครั้ง
แล้วในตอนนี้ เขาก็ต่อยเข้าที่ศีรษะของหลิน เฟิง
ถ้าโดนหมัดนี้เข้าไปล่ะก็ หลิน เฟิงคงต้องตายในทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
ในยามนี้ หลิน เฟิงไม่มีแรงจะต่อต้านแล้ว แม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับตัวก็เถอะ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง เขาพยายามกัดลิ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองสลบไป
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นตงฟาง เซียงที่บุกเข้ามาโจมตี เขาก็รู้เลยว่านี่คงเป็นคราวเคราะห์ของตนแล้ว แต่หลิน เฟิงไม่คิดเสียใจหรอก บางคนก็ไม่ได้เสียใจเหมือนกัน
เมื่อเห็นหมัดที่เต็มไปด้วยสายฟ้าแปลบปลาบนั่น หลิน เฟิงจึงหลับตาลงอย่างช้าๆ