โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 177
RC:บทที่ 177 อดีตอันรุ่งโรจน์ของชายชราไป๋
“ฮึ่ม หากเจ้าอยากจะตาย ก็จงตายซะ…” แม่มดจิ้งจอกราตรีเอ่ยอย่างเย็นชาจากนั้นก็หายตัวไป เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าของมู่เทียนเฉิงแล้ว มือที่ขาวและเนียนนุ่มข้างหนึ่งวางลงบนหัวของมู่เทียนเฉิง
“อ้า ช่างหัวแข็งนัก!”
เวลานี้ ไม่รู้ว่าใครถอนหายใจ มันไม่ได้ดังมากแต่กลับมีพลัง, เก่าแก่และสูงส่ง ราวกับว่ามันมีพลังเวทมนต์ที่ดังอยู่ในใจของทุกคน
ผู้คนที่ได้ยินต่างตกตะลึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมีแต่ความรู้สึกเชื่อฟังและนับถืออย่างจริงใจ
“คนที่แข็งแกร่งเหนือกว่าระดับ Sหรอ? ใครกัน?
ชั่วขณะที่เสียงดังขึ้น แม่มดจิ้งจอกราตรีก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ทำให้เธอหยุดชะงัก
“คิ้วขาว, ผมขาว, หนวดขาว ผู้คนต่างขนานนามฉันว่านักพรตเต๋าคิ้วขาว!” เวลานี้ก็ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง เอ่ยถึงชายชราที่มีคิ้วขาว, ผมและหนวดขาวที่ยืนอยู่ในอากาศ เขาก้าวไปในอากาศทีละก้าวเพื่อเดินมาที่นี่
“นักพรตเต๋าคิ้วขาว?” แม่มดจิ้งจอกราตรีตกตะลึง
นักพรตเต๋า ไป่เหม่ย ผู้ซึ่งอยู่ในระดับ S สูงสุดมาหลายสิบปี เขาค่อย ๆ ห่างหายไปจากโลกแห่งพลังเพราะอายุที่มากขึ้น แต่กลับมาปรากฏตัวที่นี่อย่างไม่คาดคิด
“อ่า รองหัวหน้าหน่วย นักพรตเต๋าคิ้วขาวเป็นคนแบบไหนเหรอครับ? ดูเหมือนหัวหน้าฝ่ายเราจะเกรงกลัวเขาเอามาก ๆ แม้แต่การต่อสู้ก็ถูกหยุด!” ผู้มีพลังระดับ A ของฝ่ายชายชุดดำเอ่ยถาม
ชายคนนี้เพิ่งเข้าสู่ระดับ A เมื่อสองเดือนที่แล้ว เขาเลยยังไม่ค่อยรู้อะไรมากมายในกองกำลังและงานต่าง ๆ นอกจากนี้ พลังระดับ A ก็ถือเป็นพลังหลักของกองกำลังที่แข็งแกร่ง ซึ่งเขาไม่เคยได้สัมผัสมากก่อน
“นายจะไม่รู้จักนักพรตเต๋าคิ้วขาวก็เป็นเรื่องปกติล่ะนะ ในตอนที่นักพรตเต๋าคิ้วขาวยังเป็นที่โด่งดัง นายคงยังเป็นเด็กทารกหรือไม่ก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ!” เย่หมิงกล่าว
“โอ้? เขาโด่งดังเหรอ? ” ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้ง
“ใช่แล้วและไม่ใช่แค่โด่งดังธรรมดานะ นักพรตเต๋าคิ้วขาวคนนี้ยังอยู่ในระดับ S สูงสุดมานานกว่า 30 ปีแล้ว เป็นระดับ S สูงสุดมาตั้ง 30 ปีแล้ว นายคิดดูสิว่าตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งมากขึ้นแค่ไหน?” คนชุดดำกล่าว
“อยู่ในระดับ S สูงสุดมา 30 ปีแล้ว? พระเจ้า ชายชราผู้นั้นอายุเท่าไหร่กัน! ” เหล่าคนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็ตกตะลึง
“คงสัก 70-80 ปี ฉันก็ไม่รู้เรื่องมากนัก แค่อยากจะบอกนายว่านักพรตเต๋าคิ้วขาวนั้นแข็งแกร่งมาก ๆ ! ” เย่หมิงเคยเป็นหนึ่งในสามผู้สืบทอดที่แข็งแกร่ง และเขาให้ความสำคัญกับนักพรตเต๋าคิ้วขาวเป็นอย่างมาก
“แข็งแกร่งมากแค่ไหนเหรอ?” ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถามเขาอย่างสงสัย
“ก็อย่างที่บอก แม้ว่านักพรตเต๋าคิ้วขาวจะอยู่แค่ระดับ S สูงสุด แต่เขาก็เคยท้าประลองกับชายผู้ยิ่งใหญ่ระดับ SS ในปีนั้นด้วย!”
“ว่าไงนะ? ระดับ S สูงสุดท้าประลองกับระดับ SS ไม่ใช่เป็นการเอาไข่ไปกระทบหินหรอกเหรอ? “
“ใช่ ระดับ SS ที่ยังอยู่เป็นคนแบบไหนกันนะ? ทั้งประเทศจีนมีแค่เพียงไม่กี่คนเองนี่!”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก ระดับ S สูงสุดกับระดับ SS นั้นดูเหมือนจะห่างกันแค่เล็กน้อย แต่กลับมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ระหว่างพวกเขา ท้ายสุดเขาคงจะต้องพ่ายแพ้อยู่ดี!” ชายอีกคนเดา
“เขาคงจะพ่ายแพ้ แต่ก็น่าภูมิใจที่ได้ประลองกับระดับ SS ด้วยระดับ S สูงสุดอยู่ดี!” ชายคนแรกเอ่ยตอบ
“ไม่ใช่ ถ้านายคิดเช่นนั้นก็ผิดแล้วเพราะนักพรตเต๋าคิ้วขาวยังไม่ทันได้ต่อสู้กับชายผู้ยิ่งใหญ่ระดับ SS เค้าเพียงแค่ยกมือขึ้น ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็รีบห้ามพวกเขา พวกเขาเลยต้องหยุดมือ!” เย่หมิงกล่าว
“พระเจ้า…”
ผู้คนที่ได้ยินประโยคนี้ต่างก็ตกตะลึงและรู้สึกเหลือเชื่อ
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมผู้อาวุโสคิ้วขาวถึงมาปรากฏตัวที่นี่” เวลานี้ แม่มดจิ้งจอกราตรีหยุดมือและลอยตัวอยู่กลางท้องฟ้า เธอมองไปที่ยังชายชราที่เข้ามาขวางทางแล้วเอ่ย
บนใบหน้าของเธอนั้นเรียบเฉย แต่ในใจนั้นกลับตกตะลึงและเต็มไปด้วยความกลัวเพราะพลังของชายชราคิ้วขาวนั้นกดข่มเธออยู่
ปัจจุบัน การบำเพ็ญเพียรของแม่มดจิ้งจอกราตรีอยู่ในระดับ S กลาง แต่ในเวลานี้กลับไม่สามารถรับรู้ถึงคนที่อยู่รอบ ๆ ได้เลย หมายความว่าอย่างไรกัน?
นี่แปลว่าหากชายชราคิ้วขาวต้องการปลิดชีพเธอ เธอจะไม่สามารถต้านทานได้เลย ซึ่งความคิดของแม่มดจิ้งจอกราตรีในเวลานี้ถูกต้องเป็นอย่างยิ่งและเธอก็ไม่อยากจะไปกระตุ้นความหวาดกลัวที่มีอยู่นี้อีกด้วย
หลังจากเหตุการณ์ที่เขาท้าประลองกับระดับ SS ด้วยพลังระดับ S สูงสุดเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา แล้วตอนนี้ก็ผ่านมา 30 ปีแล้วพลังของเขาจะน่ากลัวมากขึ้นแค่ไหน แม่มดจิ้งจอกราตรีคิดไม่ออกเลยว่าเธอจะสามารถทะลุไปสู่ระดับ SS ได้อย่างไร
ระดับ SS ในวงการนี้ถือเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ คนประเภทนี้ไม่ขี้โมโหก็คงจะเป็นคนที่กระหายเลือดแน่ ๆ
“ฮ่า ฮ่า สาวน้อย เธอเป็นคนเก่งนะทั้งที่ยังเด็กอยู่แต่กลับมาถึงระดับ S กลางได้!” ชายชราคิ้วขาวมองดูแม่มดจิ้งจอกราตรีแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ถึงอย่างนั้น เราจะกล้าเรียกว่าตัวเองเก่งต่อหน้าผู้อาวุโสได้อย่างไร? เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนแล้วก็เป็นแค่เพียงหิ่งห้อยเท่านั้น” แม่มดจิ้งจอกราตรีเอ่ยอย่างสุภาพ
“ฮ่า ฮ่า เธอไม่จำเป็นต้องสุภาพนักหรอก ตอนที่ฉันยังเด็กก็เหมือนเธอต่อมาพลังของเราจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าในตอนนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่เธอมาถึงระดับนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ !” นักพรตเต๋าคิ้วขาวเอ่ย
“ขอบคุณสำหรับคำชมของคุณ! ฉันไม่ทราบว่าคุณมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ” ในใจของแม่มดจิ้งจอกเวลานี้ราวกับหลุมลึก เธอไม่รู้ว่านักพรตเต๋าคิ้วขาวมีจุดประสงค์อะไรถึงมาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน
“ฮ่า ฮ่า ไม่มีอะไรหรอก เพียงเธอจะฆ่ามู่เทียนเฉิงไม่ได้ ฉันมีมิตรภาพที่ดีเล็กน้อยกับพี่ชายของเขา นอกจากนี้ หากเธอฆ่าเขา ก็จะเกิดบางอย่างขึ้นเพราะนี่คือลุงของลูกสะใภ้ของลูกศิษย์ในอนาคตของฉัน ฮ่า ฮ่า!” ชายชราคิ้วขาวเอ่ยให้รู้ถึงคู่ที่เคราะห์ร้ายและยิ้มอย่างลึกลับเมื่อกล่าว สายตาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศที่หลินเฟิงอยู่
ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาของพวกเขาต้องตกตะลึงเพราะในทิศที่หลินเฟิงอยู่นั้น มีกำลังก้อนกลมที่สว่างราวกับพระจันทร์ส่องแสงลอยอยู่ มันสว่างไสวไปถึงครึ่งเมืองจิงเฟิ่ง
“กี้!” ทันใดนั้น ชายชราก็รู้สึกประหลาดใจและมันยังดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆเข่นกัน พวกเขาต่างก็มองไปยังทิศทางของหลินเฟิง
เวลานั้น ทุกคนต่างอ้าปากค้างและตกตะลึง เพราะมันมีพระจันทร์อยู่บนท้องฟ้าถึงสองดวง ดวงหนึ่งเป็นรูปเสี้ยวส่วนอีกดวงเป็นทรงกลมทั้งคู่ต่างก็เปล่งรัศมีทุกคนไม่อาจบอกได้ว่าอันไหนคือของจริง
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายชราคิ้วขาวสงสัย
“การต่อสู้ของคุณซูอยู่ตรงทิศนั้นนี่!” แม่มดจิ้งจอกราตรีกล่าว
“แล้วก็ลูกศิษย์ในอนาคตของฉันด้วย!” ชายชราคิ้วขาวประหลาดใจ เขาโบกมือขึ้นมาวาดเป็นวงกลม
จากนั้นก็ปรากฏภาพสถานการณ์ของหลินเฟิงและฝั่งของพวกเขา:
เขาเห็นซูจ้านกำลังถือกริชเลือดจะตัดหัวของหลินเฟิง แสงสีแดงส่องประกาย ใบมีดที่ส่องแสงสีแดงกำลังจะตัดหัวของหลินเฟิงด้วยความเร็วเต็มพิกัด
ตอนนี้ หลินเฟิงเกือบจะหมดสติแล้ว เขานอนอยู่บนหลังของมังกรดำ กระอักเลือดออกมาคำโตและบนแขนก็มีเลือดไหลลงมาเป็นทาง
“โฮก!!!”
เมื่อเห็นใบมีดแสงที่น่ากลัวของซูจ้านโจมตีมา มังกรดำดูเหมือนจะรู้ว่าถึงจุดจบแล้วเพราะความต่างระหว่างพวกเขามันมากเกินไป เหลือเพียงมังกรดำที่คำรามและต้องการพาหลินเฟิงหนีไป
แต่ขณะนั้น ความเร็วของใบมีดแสงสีแดงที่น่ากลัวนั้นเร็วมากเกินไป ก่อนที่มังกรดำจะทันได้บิน ใบมีดแสงสีแดงก็เข้ามาถึงแล้ว
“เอ๋? ไอ้ค้างคาวเน่า แกกล้าดีอย่างไร… “