โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 172
RC:บทที่ 172 ลูกศิษย์อีกคน
“ค้างคางเงาสีเลือดเป็นสัตว์วิญญาณขั้งสูงที่มีพลังมากและมีวิวัฒนาการมาจากค้างคาวผีดูดเลือด เดิมทีค้างคาวผีดูดเลือดเป็นสัตว์วิญญาณขั้นกลางที่มีพลังลม แต่เมื่อวิวัฒนาการจนกลายมาเป็นค้างคาวเงาสีเลือดแล้วมันจะมีพลังมืดแทน! ไม่เพียงแค่พลังเท่านั้นแต่ยังมีความแปลกประหลาดและยากที่จะจัดการเป็นอย่างมาก ”
มังกรดำอธิบาย
“นายมั่นใจว่าจะจัดการมันได้ไหม?” หลินเฟิงถาม
“มันยากมาก มันยากเกินไป!”
เมื่อมองไปยังร่างมหึมาของค้างคาวเงาสีเลือด หลินเฟิงก็เปล่งพลังและลมหายใจออกมาอย่างน่าสะพรึง หลินเฟิงรู้ดีว่าชายคนนี้คงล้มได้ไม่ง่าย แต่หลังจากที่ได้ยินมังกรดำอธิบาย หลินเฟิงจึงรู้สึกสยดสยองมากกว่าเดิม
“ไปได้!”
ขณะที่หลินเฟิงกำลังคิดหาวิธีจัดการกับชายคนนี้ ผู้นำที่มีพลังระดับ A ก็สั่งให้คนชุดดำทั้งหมดพุ่งเข้ามา
“มังกรแสง ทำแค่เพียงปกป้องมู่ซินซินไว้!” เมื่อมองไปยังกลุ่มคนทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา หลินเฟิงก็รีบกล่าวกับมังกรผู้ชาญฉลาด
“ขอรับ นายท่าน!”
“แกกำลังจะตายแต่ยังว่างมากังวลเรื่องคนอื่นอีก! รับนี้ไป! ” ทันใดนั้น ก็ปรากฏใบมีดลมขนาดใหญ่ฟาดลงมาใส่หลินเฟิง
มันคือฝีมือของผู้นำเหล่าชายชุดดำ ใบมีดนั้นทั้งใหญ่และรวดเร็วมาก มันเป็นการโจมตีระหว่างคนที่เร็วที่สุดที่หลินเฟิงเคยเจอมา เขารู้สึกเหมือนอากาศกำลังถูกตัดออก
“นี่คือพลังของระดับ A เหรอ? มันช่างน่ากลัวจริง ๆ ! ” เมื่อมองไปยังใบมีดบิน หลินเฟิงก็ไม่กล้ารับมัน เขาทำเพียงแค่ซ่อนตัวในเงา
“พ่อหนุ่ม นายก็รวดเร็วเหมือนกันเหรอ? ข้าประหลาดใจมาก ” ชายคนนั้นประหลาดใจที่เห็นหลินเฟิงหลบการโจมตีของเขาได้
“ฮึ่ม คนน่ารังเกียจมีพลังถึงระดับ A แต่กลับมาจู่โจมระดับ C สูงสุดอย่างฉันอย่างกระทันหัน!” หลินเฟิงเย้ยหยัน
หลินเฟิงจงใจถ่วงเวลาเพราะความต่างชั้นนั้นมากเกินไปจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ล้มเขา
เห็นได้จากใบมีดลมในขณะนี้ที่เกือบจะตัดอากาศได้ ช่างมีพลังที่แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลินเฟิงก็เพิ่งผ่านการต่อสู้กับระดับ B ไปในรวดเดียว พลังวิญญาณของเขาจึงเกือบจะหมดเกลี้ยงเลยไม่มีโอกาสที่จะรับมือได้เลย
“ฮ่า ฮ่า ตอนนี้ไม่กล้าแล้วเหรอ? ไม่ร้ายกาจแล้ว? งั้นขอกล่าวนามของข้าก่อนเดี๋ยวแกจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า ชื่อของข้าก็คือซูจ้าน ” ซูจ้านพูดอย่างนุ่มนวล
จากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่ด้านหลังของค้างคาวเงาเลือดด้วยการกระโดดเพียงเบา ๆ ค้างคาวเงาเลือดเขย่าปีกเบา ๆ และจ้องมองไปที่หลินเฟิงและมังกรดำด้วยดวงตากลมโตทั้งสองข้างราวกับค้างคาวที่กำลังตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเหยื่อ
“ซูจ้าน?”
ในตอนที่หลินเฟิงได้ยินชื่อนั้น เขาได้เห็นว่าเป็นชายวัยสามสิบไม่ใช่คนที่อายุมาก
เขามีแผลเป็นสองรอยบนใบหน้าที่เป็นรูปรอยแยกจึงทำให้ดูเหมือนมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขาเสมอซึ่งทำให้คนที่เห็นนั้นสั่นกลัว มันดูน่ากลัวมาก
“พ่อหนุ่ม แกรวบเอาผู้มีพลังระดับ B ทั้งสี่คนในองค์กรมืดของเราไปไว้เองด้วยพลังระดับ C แล้วก็ฆ่าพวกเขาไปทั้งหมด ถึงจะเป็นพลังที่เล็กนิดเดียวแต่มันก็ร้ายแรงเกินไป ! แต่ข้าว่าเป็นเพราะแกยังเด็กและรู้น้อยเกินไป ข้าจะมอบโอกาสให้แกได้มีชีวิตต่อไป! ” ซูจ้านเอ่ย
“โอ้? ว่ามาเลย! ” หลินเฟิงกล่าว
“ทำไมแกถึงไม่มาเข้าร่วมองค์กรมืดของเรา ข้าจะรับแกเป็นศิษย์ดังนั้นข้าจึงสามารถไว้ชีวิตแกได้?” ซูจ้านกล่าว
“เข้าร่วมกับคุณในฐานะศิษย์งั้นเหรอ? เอ๋ ฟังดูเข้าท่า เอ่อผมจะเก็บไปคิดละกันนะ! ” หลินเฟิงดูซีเรียสและพยักหน้า
ดวงตาของซูจ้านสว่างวาบเมื่อเขาได้ยินมัน ที่จริงเขาแค่พูดเล่น ๆ แต่คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะคิดจริงจัง
มันทำให้เขามีความสุขมาก ๆ หากเขายอมรับหลินเฟิงที่ดูน่าจะเก่งกล้าเข้ามาในองค์กรมืด เขาคงจะได้รับคำชมอย่างแน่นอน
“หลินเฟิง นาย? ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนอย่างนั้นเลย ” เวลานั้นมู่ซินซินก็มองไปที่หลินเฟิง เธอทั้งตะลึงและโมโห
ที่จริงแล้วเธอไม่รู้ว่าหลินเฟิงแค่ต้องการถ่วงเวลารอให้อธิบดีรีบมาช่วยแต่เขาไม่รู้ว่ามันคือเวลานี้ สถานการณ์ของอธิบดีและฝั่งของพวกเขายิ่งแย่ลงไปอีก
ในอีกด้าน
ตรงประตูห้องขังตำรวจ ชายชราคิ้วขาวกำลังมองดูการต่อสู้ด้วยความสนใจ เขานั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง นำกาที่มีไวน์ออกมาและใส่ถั่วแผ่นเล็ก ๆ ลงไปจากนั้นจึงยกขึ้นชิม
เขาอยู่ใกล้มากแต่กลับไม่มีใครเห็นหรือได้ยินเสียงของเขาเลย
“อ้า ไวน์รสชาติดีจริง ๆ ถั่วก็แข็งมาก ๆ และการแสดงสดก็ช่างยอดเยี่ยม!” ชายชรากล่าวขณะที่กินและดื่ม
“ความแข็งแกร่งของมู่เทียนเฉิงก็ยังเป็นรองรองหัวหน้าหน่วยที่ห้าเล็กน้อยแต่เขาก็จะไม่พ่ายแพ้เร็วเกินไปนัก เขาจะสามารถต้านทานได้ ฉันคงจะต้องมองเขาใหม่แล้ว!” ชายชราคิ้วขาวพูดและจิบไวน์อีกครั้ง
“ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกศิษย์ในอนาคตบ้าง! มาให้ฉันดูหน่อย! จงเปิดออก! ” ชายชราคิ้วขาวเอื้อมมือไปที่ผนึกจากนั้นก็เกิดคลื่นตรงหน้าดวงตาทั้งคู่ ทันใดนั้นก็มีรูปภาพของพวกเขาปรากฏขึ้น
ในนั้น ชายชราคิ้วขาวมองเห็นหลินเฟิง, เมังกรำและสัตว์ตัวอื่น ๆ
“เอ๋? เขายังมีมังกรดำเป็นสัตว์คู่หูอีกด้วย? แต่ทำไมลมปราณของมังกรดำถึงดูคุ้น ๆ นะ? ดูเหมือนว่าฉันจะจำตกหล่นไปแต่ทำไมฉันถึงจำไม่ได้ล่ะ? ” ชายชราตบหัวแล้วเอ่ย
“เอ่อ เห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการที่จะขโมยลูกศิษย์ของฉันไป มันดูไม่ค่อยเข้าท่าที่พลังระดับ A เล็ก ๆ จะอยากรับหลินเฟิงในฐานะลูกศิษย์? เหอะ ไม่ประมาณตนเลย! ” ชายชราคิ้วขาวกล่าวอย่างเหยียดหยัน
แต่สักพักเมื่อเขาได้เห็นหลินเฟิงคิดอย่างจริงจัง เขาก็เกือบจะโง่ขึ้นมา
“เด็กคนนี้ไม่ได้เห็นด้วยจริง ๆ หรอกใช่ไหม? พลังระดับ A เล็ก ๆ จะสอนอะไรเอ็งได้? ฉันดีกว่ามันมากนะ ไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ? ” ชายชราคิ้วขาวมองดูฉากนี้แล้วกล่าวกับตัวเอง เขาเกรงว่าหลินเฟิงจะตกลง
“เอ่อ ข้าจะให้เวลาแกคิด แต่แกเห็นไหมว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพวกนี้คงช่วยแกได้ไม่นานหรอก?” ซูจ้านเอ่ย
“คุณบอกให้พวกเขาหยุดก่อนได้ไหม เสียงมันดังรบกวนสมาธิผมมากเลย” หลินเฟิงกล่าว
“นี่… โอเค! แล้วแต่แก หยุด! ” ซูจ้านร้องออกมา
“ท่านซู ทำไมถึงต้องหยุดโจมตีกระทันหันด้วยล่ะครับ? นั่นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ! ” ผู้มีพลังที่อีกนิดจะเข้าใกล้ระดับ B กระซิบ
“ทำไมล่ะ? เบื้องบนสั่งให้เรารังแกคนพวกนี้ด้วยการทำเสียงให้ดัง ลากทหารและนายพลกุ้งแห้งพวกนี้ออกมาเพื่อล่อผู้ที่แข็งแกร่ง จากนั้นอีกทีมก็จะเข้าไปช่วยผู้ใหญ่ด้วยการประกบคู่ให้แข็งแกร่ง ถ้าพวกเขายังเข้าไปช่วยไม่ได้เราจะทำอะไรก็ไม่เห็นเป็นไรนี่” ซูจ้านตอบ
“ผมทราบแล้ว นายท่าน!” ชายคนนั้นหันกลับไปพร้อมกำหมัด
“ไอ้หนุ่ม ข้าให้โอกาสแกแล้วนะแต่เร็วหน่อยล่ะ ความอดทนของข้ามีจำกัด” ซูจ้านกล่าว
“เอ่อ ได้สิ! ผมจะคิดอย่างด่วนเลย! ” หลินเฟิงปิดตาแล้วคิด
“มังกรดำ ตอนนี้พลังของฉันเกือบจะหมดแล้ว ฉันควรทำอย่างไรดี?” หลินเฟิงถามอย่างร้อนรนในใจ