โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 163
RC:บทที่ 163 ผมไม่ได้อยาก
ก็ดีเลยล่ะสิแบบนั้น หลิน เฟิงเองก็ไม่ได้โง่ เขาก็อยากจะรับปาก แต่ทว่าเสียงของมังกรดำก็ดังขึ้นในจิตของหลิน เฟิง
“นายท่าน อย่าตกลงนะขอรับ”
เมื่อได้ยินมังกรดำว่าแบบนั้น หลิน เฟิงก็นึกประหลาดใจ ว่าวันนี้มังกรดำเป็นอะไรไป มันจึงได้ต้านเขาหัวชนฝาแบบนี้ราวกับว่ามีบางอย่างในตัวชายชราคนดังกล่าว
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ชะงักไปด้วยความลังเล มองอีกด้านหนึ่ง นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีทีเดียว เกือบจะเป็นโอกาสที่ก้าวเข้ามาเลย เมื่อใดถ้าเขาไม่เอาล่ะก็ เขาก็อาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว
และถ้ามองอีกมุมหนึ่ง มันคือสัตว์เลี้ยงคู่ใจของเขาที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันอีกด้วย อีกทั้งยังช่วยชีวิตเขาตอนที่เผชิญกับอันตรายอยู่หลายครั้ง
ในตอนนี้นั้น ทั้งสองฝ่ายเองก็ต่างไม่ยอมกัน แต่ยังไงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ต้องยอมไป
แต่ทว่าเวลาต่อมา คำพูดของมังกรดำก็ทำให้หลิน เฟิงตัดสินใจในที่สุด
“ผมไม่ต้องการครับ” หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง หลิน เฟิงจึงเอ่ยขึ้น
“ว่าไงนะ” ในตอนนี้ ชายชราคิดว่าเขาคงได้ยินผิดไป
แม้แต่มู่ ซินซินเองก็เช่นกัน คนทุกคนงุนงงเป็นไก่ตาแตกไปตามๆกัน ทั้งยังเชื่อว่าถ้าเขาไม่โง่ เขาก็ต้องยินยอมสิ
“ไหนพูดอีกทีซิ” ชายชรากล่าวขึ้นอย่างโง่งม
“ผมบอกว่า ผมไม่ต้องการครับ” หลิน เฟิงจึงเอ่ยออกมาอีกครั้ง พลันทุกๆคนในนั้นก็รู้สึกเย็นยะเยือกสุดขั้วขึ้นมาในทันที
“ทำไมล่ะ” ชายสูงวัยไม่เข้าใจว่าทำไมหลิน เฟิงถึงได้ทิ้งโอกาสดีๆเช่นนี้ไป มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมคิดว่า ความแข็งแกร่งของผมก็ต้องดิ้นรนค้นหามันเองจะพึ่งคนอื่นได้ยังไง ขอบคุณสำหรับความกรุณานะครับ” หลังจากพูดจบ หลิน เฟิงจึงหันกลับก่อนจะเดินออกไป
“หนุ่มน้อยๆ คิดดูอีกทีเถอะนะ ถ้านายคิดว่าเงื่อนไขของฉันไม่น่าพอใจล่ะก็ นายก็สามารถบอกฉันได้ถ้าอยากจะทำ ฉันไม่มีวันปฏิเสธหรอก” ทันทีที่หลิน เฟิงหันกลับไป ชายยชราจึงเข้ามาขวางหน้าเพื่อหยุดเขาไว้
“ผมพูดไปแล้วครับ เงื่อนไขของคุณนั้นสุดยอดแล้วครับ แต่พวกเราคงไม่เหมาะที่จะฝึกกันจริงๆ” หลิน เฟิงเอ่ย
“ทำไมกัน หรือว่านายมีอาจารย์แล้วหรือเข้าร่วมกองกำลังนั้นไปแล้ว พวกเขาคงห้ามนายเรื่องรับอาจารย์ใช่ไหมล่ะ พูดออกมาเลย แล้วคอยดู ฉันจะถอนหัวพวกนั้นเรียงตัวเลยด้วย” ชายชราว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
เมื่อหลิน เฟิงได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง จริงๆเขาเองก็อยากจะเรียนรู้จากชายชราคนนี้หรอกนะ แต่เพราะมังกรดำนี่ล่ะ หลิน เฟิงเลยต้องถอดใจ
“ไม่ใช่ครับ แต่แค่เพราะผมไม่อยากไปโรงเรียนอะไรในตอนนี้มากกว่า แต่ถ้าผมจะฝึกเมื่อไหร่ เดี๋ยวจะบอกนะครับ” หลิน เฟิงพูดขึ้นในที่สุด ก่อนจะดึงตัวมู่ ซินซินกลับ
“เฮ้อ ทำไมนายถึงหัวแข็งแบบนี้กันนะ” ชายสูงวัยรู้สึกโกรธมากจนอยากจะขยี้ให้ตาย
“ลาก่อนนะครับ ท่าน” หลังจากพูดจบ หลิน เฟิงก็เดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” แต่ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังจะเดินไปถึงตรงประตูนั้น ชายชราก็เอ่ยขึ้นมา
“มีอะไรหรือครับ ท่าน” หลิน เฟิงถามขึ้น
“นายชื่ออะไรนะ”
“หลิน เฟิงครับ”
“อืม หลิน เฟิงนะ” ชายชราคนนั้นก็โยนสัญญาณอย่างหนึ่งให้กับหลิน เฟิง เป็นตัวอักษรตัวใหญ่สองตัว “เฮ้อ น่าเสียดายคุณลักษณะแห่งแสงอันไร้ที่ติอันไม่เหมือนใครแบบนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว ฉันคือนักบวชไป่ เหมย ถ้านายอยากรับอาจารย์อีกในวันข้างหน้า จงนำสัญลักษณ์นี้ติดตัว เวลามาเจอกันด้วยล่ะ” ท่านนักบวชคิ้วขาวว่าขึ้นอย่างเศร้าๆ
“ขอบคุณนะครับ ท่าน” หลังจากหลิน เฟิงพูดจบ เขาจึงพามู่ ซินซินออกไป
“หลิน เฟิง เกิดอะไรขึ้นกับนายงั้นหรือ นี่นายรู้ไหมว่าโอกาสนี้มันหายากแค่ไหนอ่ะ ทำไมนายถึงไม่เอาล่ะ” มู่ ซินซินไม่สามารถหยุดคิดเรื่องนี้ได้
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ก็แค่ไม่อยากให้เป็นอาจาย์คนนั้นน่ะ” หลิน เฟิงเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้มู่ ซินซินฟังอีก
จริงๆแล้ว หลิน เฟิงเองก็นึกเคารพนักบวชคิ้วขาวผู้นั้นเป็นอาจารย์ในตอนนี้อยู่หรอก แต่เพราะคำพูดของมังกรดำทำให้เขาต้องกำจัดความคิดดังกล่าวออกไป
เพราะมันพูดว่า “นาย ข้าจำได้ว่าชายแก่คนนี้เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงมือฆ่าข้า”
และเพราะประโยคนั้นทำให้หลิน เฟิงเลิกเคารพนักบวชไป่ เหมยคนนั้นเป็นอาจารย์ในทันที
เพราะเขารู้ว่ามังกรดำที่รวมกับประสบการณ์ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันนั้น ทั้งยังทำพันธสัญญาร่วมกันอีกด้วย ทั้งสองจึงไม่อาจแยกจากกันได้ และนี่เพราะมังกรดำกับนักบวชเฒ่าผู้นั้นต่างชังน้ำหน้ากัน หลิน เฟิงจึงไม่สามารถนับถือนักบวชไป่ เหมยได้อย่างภาคภูมินัก
“นี่มังกรดำ พูดให้ชัดๆซิ มันเกิดอะไรขึ้น” หลิน เฟิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้นมาด้วยนี้ ผนวกเข้ากับสายเลือดมากขึ้น จึงทำให้บางครั้งมันก็ยิ่งปรากฏความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์บางเรื่องมากขึ้นด้วยหรือเปล่า และชิ้นส่วนความทรงจำพวกนี้ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ตลอดเวลา แต่พอข้าได้เห็นชายชราคนนี้ ความทรงจำของข้าก็ปรากฏขึ้นมาทันที” มังกรดำอธิบาย
“ความทรงจำเรื่องอะไร”
“ตอนที่ข้าถูกฆ่า ชายชราคนนี้ก็อยู่ด้วย เขาคือหนึ่งในคนที่ร่วมมือฆ่าข้า” มังกรดำกล่าว
“จริงๆแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าความทรงจำของข้าคือเป็นงูหรือเป็นมังกรจริงๆกันแน่ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะรวมกันไปหมดเลย” มันว่าต่อไป
“งั้นหรือ เข้าใจล่ะ ได้ นายไม่ต้องมาพะวงถึงเรื่องนี้แล้วนะ ไปพักเถอะ” หลิน เฟิงว่า
หลังจากที่พวกเขาออกมากันแล้วนั้น ชายชราคนดังกล่าวก็มองไปที่ร่างของหลิน เฟิงที่ไม่หันกลับมามองอยู่เป็นเวลานาน
เขาทั้งเสียใจ ทุกข์ใจ อัจฉริยะหาตัวจับยากแบบนั้น กลับหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา จะไม่ให้เขารู้สึกเศร้าได้อย่างไรกัน
เมื่อเขาหันกลับมา เขาจึงหันไปมองผู้คนบริเวณนั้นด้วยดวงตาเป็นแสงสีทองประกาย
“งึมงำๆ” ชายชราคนนั้นงึมงำเสียงต่ำ แล้วคนทั้งหมดก็หยุดชะงัก ขยับไม่ได้ไปชั่วขณะ
“เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหนุ่มนั่น ฉันคงต้องลบความทรงจำของพวกเธอให้หมด” ชายชราพูดกับตนเอง
จากนั้นคิ้วสีขาวของเขาก็ยกขึ้น คนทั้งหมดในที่นั้นต่างก็ล้มลง ส่งเสียงครางต่ำ
“เรียบร้อย”
ต่อมา ชายชราจึงเปล่งเสียงร้องเป็นแสงออกมา แล้วผู้คนทั้งหมดตรงนั้นก็ตื่นขึ้น
“เร็วๆเข้าเร็วๆ ทำงานกันได้แล้ว” นักบวชคิ้วขาวตะโกนขึ้น
“ทำไมจู่ๆฉันถึงหลับไปบนพื้นกันล่ะ”
“เออ ฉันก็เหมือนกัน แปลก…”
ในเวลาไม่นาน มู่ ซินซินจึงช่วยหลิน เฟิงลงทะเบียนเป็นผู้มีพลังเสร็จ บัตรใบนั้นมีขนาดเท่าบัตรประชาชนของเขาเลย แต่ต่างกันตรงระหว่างชิปฝัง ทันทีที่เราเชื่อมบัตรนี้กับพลังวิเศษล่ะก็ ข้อมูลทั้งหมดในบัตรก็จะปรากฏให้เห็น
หลิน เฟิงเชื่อมพลังวิญญาณลงไปในนั้น ต่อมา ชุดข้อมูลก็ปรากฏให้เห็นบนนั้น
เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลข้างต้น เขาก็รู้สึกตกใจเพราะข้อมูลดังกล่าวนั้นผิดไปถนัด
“หลิน เฟิง อายุ 23 ปี พลังระดับCขั้นสูงสุด คุณลักษณะของพลังแสงและค่าความสัมพันธ์กันเป็น 60…” เมื่อได้เห็นข้อความดังกล่าว หลิน เฟิงก็ถึงกับงง
“ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์กับแสงคือหนึ่งร้อยหรอกหรือ อย่างน้อยก็ต้อง 90 สิ” หลิน เฟิงฉงน
“เกิดอะไรขึ้น” มู่ ซินซินถามขึ้น
หลิน เฟิงจึงส่งบัตรให้กับมู่ ซินซิน ก่อนจะพูดขึ้น “คุณก็ดูเองแล้วกัน”
“อ่อ ข้อมูลข้างบนผิดนี่เอง อ๊ะนี่ ฉันใจแล้ว ท่านไป่เหมยนี่ฉลาดล้ำจริงๆเลย” มู่ ซินซินกล่าวขึ้น
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ก็เพื่อความปลอดภัยของนายไง แน่ๆเลย จึงเปลี่ยนค่าความสัมพันธ์กับคุณลักษณะแบบนี้ ไม่อย่างงั้น ค่าความสัมพันธ์เกือบ 100% แบบนี้ของนายคงจะทำให้ใครต่อใครเห็นแล้วอิจฉา อาจจะฆ่านายให้ไวเลยก็ได้ เข้าใจหรือยัง” มู่ ซินซินอธิบาย
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณ…”