โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 144
RC:บทที่ 144 จิตวิญญาณแห่งพฤกษาทั้งสาม
“โอเค งั้นไปกันเถอะ” ราชาหมาป่าสีขาวเป็นตัวแรกที่นำหน้าไป ส่วนที่เหลือก็เดินตามกันมาจนทันก่อนจะรีบไปที่หุบเขาราชาหมาป่า
หลิน เฟิงกับจื้อเฉิงนั้นนั่งอยู่บนมังกรดำ ส่วนมังกรทอง(ซานหลง)กับแมงป่องน้ำแข็งนั้นถูกเก็บเอาไว้ในระหว่างคิ้ว ด้วยเหตุนั้นเวลาในการเดินทางก็จะลดลงไปได้อย่างมาก
ราชาหมาป่าขาวนั้นสมแล้วกับการเป็นสัตว์วิญญาณชั้นต้นๆของระดับกลาง ทั้งรวดเร็วและน่าเกรงขาม โชคดีที่ทั้งหลิน เฟิงและจื้อเฉิงนั้นนั่งอยู่บนหลังมังกรดำ ไม่อย่างงั้นแล้ว คงจะตามราชาหมาป่าขาวไม่ทันเป็นแน่
“ว้าว พี่เฟิง น่าตื่นเต้นจังเลย ผมไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย น่าตื่นเต้นจริงๆ”
ญาติผู้น้องจื้อเฉิงนั่งอยู่ถัดไปจากหลิน เฟิงได้มองลงไปข้างล่าง ราวกับได้เห็นโลกทั้งใบจากบนท้องฟ้า รู้สึกภาคภูมิใจ
“ฮ่าๆ ฉันเองก็ไม่ได้นั่งบ่อยนักหรอก แต่ตอนที่ฉันได้นั่งครั้งแรก ท่าทางของฉันก็เหมือนกับนายตอนนี้นี่แหละ”
หลิน เฟิงว่าขึ้น
พวกเขาพูดคุยกันระหว่างเดินทาง
อีกสิบนาทีต่อมา ความเร็วของราชาหมาป่าสีขาวก็มาถึงขั้นสุด
“ หุบเขาราชาหมาป่าอยู่ตรงหน้านี้แล้ว คราวที่แล้วข้าก็ถูกพวกมันโจมตีตรงนั้น ควรหยุดก่อนแล้วก็เข้ามาเงียบๆแล้วเดี๋ยวมาดูกันว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรไหม” ราชาหมาป่าข่าวเตือน
“รับทราบครับ ท่านอาวุโส”
จากนั้นทั้งหลิน เฟิงและจื้อเฉิงจึงกระโดดลงจากหลังมังกรดำ ก่อนที่หลิน เฟิงจะทำให้ตัวของมังกรดำนั้นเล็กลงแล้วเอามาพันรอบคอ
หลิน เฟิง ราชาหมาป่าขาวและคนอื่นๆนั้นเริ่มเข้ามาใกล้หุบเขาราชาหมาป่ามากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาต่างระวังตัว ไม่ทำตัวรีบร้อน ก้าวเข้าไปใกล้ทีละก้าว แล้วหลังจากนั้น หลิน เฟิงก็ได้เห็นทางเข้าหุบเขาในที่สุด
ตรงหน้านั้นคือก้อนหินขนาดใหญ่ มีรูขนาดใหญ่พร้อมกับรูปปั้นอยู่ใต้กำแพงหิน หลิน เฟิงกับพรรคพวกเดินเข้าไปข้างในนั้นเงียบๆ หลังจากที่ได้สังเกตข้างนอกอยู่เป็นเวลานานแล้วนั้น พวกเขาก็ไม่เห็นใคร
“ราชาหมาป่า ดูเหมือนนี่จะไม่มีใครเลยนะครับ” หลิน เฟิงกล่าวขึ้น
“อืม งั้นก็ค่อยๆเข้าไปข้างในกัน” ราชาหมาป่าพูดขึ้น
“ได้เลย พอตกกลางคืนแบบนี้ วิชาย่ำเงาของผมจะเป็นวิชาเงียบ เดี๋ยวผมขอสำรวจถนนเส้นนี้ก่อน ส่วนนายก็คอยช่วยผมอยู่เบื้องหลังก็แล้วกัน” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้นกับราชาหมาป่าขาวและจื้อเฉิง
“ถ้างั้น ขอให้ปลอดภัยและอย่าให้ใครเจอเข้าล่ะ” ราชาหมาป่าขาวเอ่ยเตือน
“ครับ”
จากนั้น หลินเฟิงจึงใช้พลังออกมาก่อนจะย่ำไปในเงา หลบลี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความมืด ซึ่งแม้แต่ราชาหมาป่าขาวเอง ถ้าไม่สังเกตให้ดีๆก็จะไม่เห็นตัวหลิน เฟิงเลย
เขาเข้าไปใกล้ทางเข้าถ้ำนั้นอย่างเงียบเชียบในระยะเวลาอันสั้น ก่อนจะพิงตัวชิดกับผนัง แล้วที่นี่ยังไม่มีใครอีกด้วย
“ราชาหมาป่า ไม่มีใครเลย มานี่ได้เลย” หลิน เฟิงว่าขึ้นหลังจากยืนยันหลายครั้งแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่จริงๆ
เมื่อได้ยินหลิน เฟิงกล่าวเช่นนั้น ราชาหมาป่าขาวจึงรีบเร่งออกไปและที่นั่นก็ไม่มีใครจริงๆ
“คนพวกนั้นอาจจะออกไปแล้วก็ได้หรือไม่ก็อาจจะอยู่ข้างใน ระวังตัวด้วยล่ะ เข้าไปเลย นี่ล่ะ หุบเขาราชาหมาป่า” ราชาหมาป่าขาวเป็นตัวแรกที่เดินเข้ามา
หลังจากเข้ามาในถ้ำแล้วนั้น ก็เกิดความกดอากาศต่ำเนื่องมาจากความชื้นและสภาพที่ขาดออกซิเจนในถ้ำ
เมื่อเข้ามาในถ้ำได้สักพัก ในที่สุด หลิน เฟิงก็ได้เห็นว่าหุบเขาราชาหมาป่านั้นมีลักษณะอย่างไร
แล้วข้างในนั้นยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่ง คล้ายกับปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ ตรงกลางมีบ่อน้ำพุ แสงจันทร์ส่องสว่างยิงลงมาจากฟากฟ้าลงมายังหุบเขา
หลิน เฟิงประเมินแล้วว่าหลุมใหญ่นี่คงจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 200 เมตร แต่สิ่งที่แปลกๆก็คือ ในนั้นไม่มีน้ำเลย นี่เป็นแค่บ่อเปล่าๆที่อยู่ตรงกลางเท่านั้น
“เสี่ยวเฟิง ดูเหมือนคนพวกนั้นจะออกไปกันแล้วนะ ทางนี้ ไปดูซิ ว่าผลไม้จิตวิญญานโดนเจ้าพวกนั้นขโมยไปแล้วหรือยัง” ราชาหมาป่าขาวว่าขึ้น
“เข้าใจแล้ว มังกรทอง ออกมา นายไปที่หน้าถ้ำแล้วก็เฝ้าไว้นะ แล้วถ้าเจอใครล่ะก็ ต้องบอกพวกเราให้รู้ทันทีเลยนะ” หลิน เฟิงมอบหน้าที่นี้ให้กับมังกรทอง
มังกรทองซานหลง เดิมทีนั้นวิวัฒนาการมาจากตัวนิ่มกลายพันธุ์ ความสามารถของมันเป็นเรื่อวที่รู้กันอยู่แล้ว การได้ปล่อยให้มันไปจัดการจึงดีที่สุด
“รับทราบ นายท่าน”
วินาทีต่อมา มังกรทองตัวดังกล่าวจึงกระโดดออกไปพร้อมกับหายวับไปในพริบตา
จากนั้น จึงมีแค่หลิน เฟิงคนเดียวที่เดินเข้าไป แล้วไม่นาน เขาก็ไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหุบเขาราชาหมาป่า ในตอนนี้ เวทย์มนต์ของต้นไม้ทั้งสามนั้นช่างดึงดูดใจหลิน เฟิงเป็นอย่างยิ่ง
จิตวิญญาณแห่งพฤกษานั้นต่างมีรัศมีวงแหวนต่างกันออกไป วงหนึ่งใหญ่ ส่วนอีกสองวงที่เหลือนั้นเป็นวงเล็ก
ต้นไม้วิญญาณต้นใหญ่นั้นสูงมากกว่าสองเมตร หนาพอๆกับต้นขามนุษย์พลางปล่อยแสงสีแดงออกมา บนต้นมีผลไม้สามผลซึ่งใหญ่ราวๆกับลูกพีช
แม้แต่กลิ่นหอมจากผลไม้พวกนั้นจากไกลๆ หลิน เฟิงยังรู้สึกได้แม้แต่ตอนที่อยู่ข้างล่าง
แต่เมื่อหลิน เฟิงเดินเข้าไป เขาก็ได้เห็นว่าผลไม้สามผลนั้นมีรอยย่น ราวกับเป็นผลไม้ที่เหี่ยวๆ ไม่ใช่ผลอิ่ม
“ผลไม้ผลนี้เป็นอย่างที่ราชาหมาป่าขาวบอกไว้จริงด้วย มันเหี่ยวก่อนที่จะสุกอีกล่ะมั้งเนี่ย” หลิน เฟิงกล่าวพลางย่นคิ้ว
นอกจากนี้ เมื่อได้เห็นต้นไม้วิญญาณเล็กอีกสองต้น ต้นไม้ทั้งสองก็มีวงแหวนรัศมีที่แตกต่างกันออกไปอีก วงหนึ่งเป็นสีม่วง ส่วนอีกวงเป็นสีเหลือง ลักษณะต่างกัน
ในขณะที่ต้นไม้ทั่วไปเป็นสีเขียว แต่สามต้นนี้กลับปล่อยวงแหวนรัศมีแปลกๆ ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง
“ราชาหมาป่า นายไปได้ต้นไม้สามต้นนี้มาจากไหน” หลิน เฟิงถามขึ้น
“ข้าไม่ได้เป็นผู้เอามา เจ้าของของบรรพบุรุษราชาหมาป่าเรานั้นอาศัยอยู่ในสถานที่สันโดษและปักหลักอยู่ที่นี่เมื่อ 200 ปีก่อน ในตอนนั้น ต้นไม้ทั้งสามนี้สูงเพียงแค่สิบเซนติเมตรเท่านั้น แล้วต้นที่ใหญ่ที่สุดก็สูงน้อยกว่าครึ่งเมตร” ราชาหมาป่าขาวว่าขึ้น”
“ว่าไงนะครับ นี่นายบอกว่าต้องใช้เวลาถึงสองร้อยปีเลยใช่ไหมที่ต้นไม้จะโตมาได้ถึงขนาดนี้” หลิน เฟิงถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ
“ใช่แล้ว นั่นแหละ” ราชาหมาป่าพยักหน้า
“นาย นี่ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว เพราะมีบางคนอยู่แถวนี้” ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังคุยอยู่กับราชาหมาป่าขาวอยู่นั้น จู่ๆมังกรทองก็ปรากฏตัวขึ้นบนพื้น
“อะไรนะ มีคนอยู่แถวนี้งั้นหรือ แล้วพวกนั้นไปกันหรือยัง มีกี่คน” ราชาหมาป่าขาวเอ่ยถาม
“เหมือนจะมีสามคน แล้วลมหายใจก็แรงมากด้วย” มังกรทองว่าขึ้น
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะ เพราะทุกคนเขาก็ต้องพร้อมสู้กันอยู่แล้ว” ราชาหมาป่าขาวเอ่ยเตือน
ในตอนนี้ ญาติผู้น้องอย่างจื้อเฉิงนั้นก็ได้ปลดปล่อยแมงป่องน้ำแข็งออกมา พร้อมกับมีท่าทางพร้อมสู้ได้ทุกเมื่อ
“แล้วทำไมพวกนายถึงยังมัวมายืนกันอยู่ตรงนี้ล่ะ เข้าไปสู้เลย คราวที่แล้วพวกมันก็เข้ามาสู้กับราชาหมาป่าขาวนี่นา ไม่ใช่หรือ แล้วครั้งนี้ ก็ได้เวลาที่เราจะเอาคืนพวกมันบ้างแล้วเหมือนกัน” หลิน เฟิงว่าพลางเผยยิ้ม
“แล้วจะโจมตียังไง” ราชาหมาป่าขาวถามขึ้น
“มังกรดำกับผมจะไปนอนคอยโจมตีอยู่ที่ปากถ้ำ ส่วนราชาหมาป่าขาว นายช่วยออกไปรอนอกถ้ำ เผื่อว่าพวกนั้นหนีออกไป” หลิน เฟิงพูดขึ้น
“ส่วนนายกับแมงป่องน้ำแข็ง แล้วก็มังกรทอง พวกนายสามคนหลบซ่อนตัวรอโอกาศ” หลิน เฟิงจัดแจงไปทีละคน
“เข้าใจแล้วครับ พี่เฟิง”
จากนั้น พวกเขาจึงต่างซ่อนตัวกันอย่างรวดเร็ว รอให้คนพวกนั้นเข้ามา
แล้วไม่นาน หลิน เฟิงก็ได้ยินเสียงที่ว่า
“หยาน จุน แกนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ นี่ถ้านายรอบคอบสักหน่อยล่ะก็ สัตว์วิญญาณนั่นจะพ้นเงื้อมเราไปแบบนั้นได้ยังไงล่ะ” เสียงชายวัยกลางคนๆหนึ่งแว่วขึ้นมา
“จู มู่ นายพูดบ้าอะไรออกมาแบบนั้นน่ะ ฉันน่ะหรือไร้ประโยชน์ แล้วนายน่ะหรือมีประโยชน์ ไอ้เจ้านั่นน่ะมันสัตว์วิญญาณขั้นสูงเลยนะเฟ้ย ฉันคนเดียวจะไปสู้มันไหวได้ยังไงเล่า” ชายอีกคนว่ากลับไปในทันที
เสียงนั้น หลิน เฟิงรู้สึกคุ้นๆ ราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“หยาน จุน นี่ เจ้านั่นน่ะหรือ”