โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล - ตอนที่ 111
RC:บทที่ 111 หยางฉิงชาน
เมื่อจ้าวหลงคิดได้ดังนั้น ในที่สุดเขาก็สงบลง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกโกรธมากแต่เขาก็ยังห้ามใจตัวเองไว้ได้ เขาจึงหันไปอีกด้านหนึ่งและหยุดมองไปที่หลินเฟิง
สิ่งนี้เรียกได้ว่า “อยู่นอกสายตา อยู่นอกหัวใจ” มันเป็นความจริง
ด้วยวิธีนี้หลินเฟิงและจ้าวหลงนั้น ทั้งสองคนมีศักยภาพที่เท่ากัน ต่างพากันนั่งนิ่งเงียบเช่นนั้น ไม่มีใครพูดและบรรยากาศดูแปลกมาก
หลังจากสองคนนั่งเป็นเวลานาน คนหนุ่มสาวสามคนก็มาที่นี่ แต่ละคนดูสง่างามและดูเป็นคนขยัน
ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละคนก็มีผู้ติดตามทุกคน มันดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะเป็นบอดี้การ์ดหรือพวกมีพลัง
เพราะว่าหลินเฟิงเองก็รู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณในตัวของคนเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีพลัง
“โอ้ นี่คือผู้สืบทอดในอนาคตของกลุ่มเฟิ่งไหใช้ไหมนี่ คุณจ้าวหลง? ทำไมถึงมานั่งดื่มคนเดียวล่ะนี่?” หัวหน้ากลุ่มกล่าว
“หืม เจียงเสี่ยวไป่ไม่เป็นไรหรอก!” จ้าวหลงไม่ได้รู้สึกโกรธและจ้องไปยังผู้มาเยือน เขากล่าวอย่างไม่พอใจ
เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
“โอ้ นายน้อยจ้าวหลง ทำไมถึงทักทายแค่เจียงเสี่ยวไป่ล่ะ? นี่คุณเห็นแค่เจียงเสี่ยวไป่แล้วไม่เห็นพวกเราทั้งสองคนเลยงั้นหรือ?” อีกสองคนกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“หานหลิง ไม่เห็นต้องเรียกร้องเลย ทีนายยังไม่เห็นทักทายฉันก่อนเลย? แล้วทำไมฉันต้องทักทายนายก่อนด้วยล่ะ! นายคู่ควรอย่างนั้นหรือ?” จ้าวหลงพูดออกมาตรงๆ ด้วยความโกรธ
เมื่อมองเห็นเช่นนั้น หลินเฟิงหัวเราะออกมาอย่างจริงจัง จ้าวหลงดูเหมือนจะพบศัตรูอยู่ที่นี่
ความเป็นจริงแล้ว เหตุผลที่จ้าวหลงอาละวาดหนักก็คือ เขาคิดว่าตัวตนของคนสองคนนั้นไม่คู่ควรที่จะรับมือกับเขา ดังนั้นจึงการหลีกเลี่ยงที่จะทักทายออกไป
หวอเยว่รู้สึกผิดหวังที่ได้เห็นดังนั้น จ้าวหลงนั้นไม่มีความสามารถที่จะจัดการกับคนได้เลย ไม่ช้าก็เร็วเขาก็อาจจะฆ่าตัวเองตาย
“จ้าวหลง นี่แกพูดบ้าอะไรกัน? นี่ฉันไม่ได้พูดเอาหน้านะ นี่แกไม่รู้หรือว่าต้องทำอะไร!” หานหลิงรู้สึกโกรธจ้าวหลงมาก
เดิมทีแล้วเขาเพียงแต่ต้องการที่จะกล่าวอะไรที่เป็นทางการ แต่จ้าวหลงนั้นกลับดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว เขาไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องตลก และเขารู้สึกว่าเขาเสียหน้าต่อหน้าของเด็กสองคนนั้นด้วย
พวกเขาเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความเป็นตัวตนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดของกิจการยักษ์ใหญ่ บริษัทยักษ์ใหญ่ และเป็นทายาทรุ่นที่สองของคนร่ำรวย หรือแม้แต่เป็นทายาทรุ่นที่สองของนักการเมือง เป็นต้น ในสายตาของพวกเขานั้น เงินนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่หน้าตาเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า
ดังนั้นหานหลิงจึงรู้สึกโกรธมาก เขาต้องการที่จะสู้กับจ้าวหลง แต่หวู่เยว่ที่อยู่ด้านหลังของจ้าวหลงได้ลุกขึ้นยืนและหยุดเขาไว้
และทุกคนที่อยู่ทางด้านหลังของหานหลิงก็พากันลุกขึ้นยืน และเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้นกับพวกเขา ขวดไวน์ในกล่องถูกบดขยี้ด้วยพลังของพวกเขาในทันที
เศษเล็กเศษน้อยและหยดไวน์จากขวดไวน์ปลิวว่อนและกระจายไปทั่ว และส่งผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ที่นี่
แต่ในขณะที่ไวน์หยดลงมานั้น หลินเฟิงก็เปลี่ยนพลังวิญญาณของเขาอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นเศษขวดและหยดไวน์ก็ปลิวไปทั้งสองด้านและไม่ไปถึงตัวของหลินเฟิง
ต่างจากคนอื่นๆ พวกเขาถูกเศษขวดไวน์และหยดไวน์กระเด็นใส่ พวกเขาพากันจ้องไปที่จ้าวหลงและหานหลิงทีละคนๆ
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้พูดอะไรเขาเห็นสิ่งที่หลินเฟิงทำและเขาก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
“เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว นายทั้งสองคน ลืมไปแล้วงั้นหรือว่ามาที่นี่ทำไม? แล้วฉันจะจัดการทีหลัง อย่าตำหนิที่ฉันเตือนนายในครั้งนี้!” ในตอนนั้น ชายคนที่ไม่พูดอะไรก็เริ่มพูดออกมา
ชายคนนั้นมีใบหน้าที่สงบ เขานั่งอยู่ไม่ไกลจากทางด้านขวาของหลินเฟิง เขาหยิบขวดไวน์ที่ถูกกดและระเบิดโดยพลังของคนทั้งสองคนนั้นขึ้นมาและรินไวน์ที่เหลืออยู่ และนั่งจิบมัน
ชายคนนี้ไม่ได้แสดงความประหลาดใจหรือพอใจ ไม่เศร้าและไม่โกรธ เขาทำให้หลินเฟิงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เขาต้องเป็นคนที่มีตื้นลึกหนาบางแน่นอน เมื่อจ้าวหลงและหานหลิงได้ยินสิ่งที่ชายคนนี้กล่าว พวกเขาก็หยุดทะเลาะกันทันทีที่เขาสั่งให้คนทั้งสองเงียบปาก
“เอ พี่ชายคนนี้ ทำไมถึงดูคุ้นเสียจริง? คุณชื่ออะไรครับ?” ในเวลานี้ ชายคนนั้นหันหน้ามาทางหลินเฟิงและถาม
“อ้อ หยางฉิงชาน แกนี่ช่างหยาบคายมาขึ้นเรื่อยๆ นะ เขาเป็นแค่ไอ้บ้านนอก แกนี่มันร้ายมากเลยนะที่กล้าสร้างสัมพันธ์กับคนแบบนี้!” ก่อนที่หลินเฟิงจะพูดอะไรออกมา จ้าวหลงก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน
จ้าวหลงไม่เคยเห็นว่าหลินเฟิงดีเลยสักครั้ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ พวกนี้เริ่มบทสนทนากับหลินเฟิง เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
“จ้าวหลง ถ้าแกไม่พูด ก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ!” หยางฉิงชานเหลือบตามองจ้าวหลงและกล่าวออกมาอย่างหยาบคาย
เมื่อเห็นดังนั้น หลินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจ หยางฉิงชานเป็นใคร? เขาไม่กลัวจ้าวหลงเลยแม้แต่น้อย
ไม่เหมือนคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าพวกเขากล้าที่จะต่อสู้กับจ้าวหลง แต่จริงๆ แล้วพวกเขาก็กลัวจ้าวหลง หลินเฟิงพบว่าชายคนนี้นั้นกลับต่างออกไป ราวกับว่าเขาไม่เคยกลัวจ้าวหลงเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูไม่ตั้งใจหรือกลัว แต่จากการพูดคุย ก็สามารถรู้ได้ลึกๆ ว่ากลัว
“แก…” จ้าวหลงอยากจะโกรธ แต่หวู่เยว่ดึงเขาไว้และสั่นศรีษะห้ามไว้
“ผมขอโทษที่ปล่อยให้เขาขัดจังหวะการสนทนาของเรานะครับพี่ชาย!”
หยางฉิงชานดูเหมือนจะเป็นสุภาพบุรษมาก เขาทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นซึ่งเป็นการยากที่หลินเฟิงจะปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเขา
“ผมชื่อหลินเฟิง” หลินเฟิงตอบแบบขอไปที
ถีงแม้ว่าทัศนคติของหยางฉิงชานที่มีต่อหลินเฟิงนั้นจะดูใจดี แต่หลินเฟิงเองก็ไม่ได้ตอบสนองเขา แต่ยังคงไว้ตัวอยู่บ้างเพราะว่าหลินเฟิงไม่รู้จักคนๆนี้ เลยแม้แต่น้อย
“โอ้ พี่หลินเฟิง สบายดีไหมครับ! เราเพิ่งจะได้พบกัน ผมชื่อหยางฉิงชาน!” หยางฉิงชานเข้ามาประชิดตัวและจับมือทักทายกับหลินเฟิง
“สวัสดี!” หลินเฟิงเอื้อมมือออกไปจับมือทักทายกับเขา
“พี่หลินเฟิง คุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร และพ่อแม่ของคุณทำงานตำแหน่งอะไรครับ?” เด็กชายที่ชื่อ เจียงเสี่ยวไป่เห็นว่าหยางฉินชานกำลังพูดคุยอยู่กับหลินเฟิง อยู่ๆ เขาก็ถามออกมา
ถึงแม้ว่า เจียงเสี่ยวไป่จะใช้คำว่าสุภาพ แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ถึงความเหยียดในถ้อยคำของเขา
หลินเฟิงเองนั้นก็รับรู้ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบว่าอะไรและใบหน้าของเขาก็เรียบเฉย
“ครอบครัวของฉันอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ บนเขา อาชีพของฉันก็คือการจัดการเกี่ยวกับขยะ พ่อแม่ของฉันเป็นชาวนา!” หลินเฟิงกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
หลังจากนั้น หลินเฟิงก็ยกแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นจิบ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย
เมื่อคนอื่นได้ฟังก็มีการแสดงออกทางใบหน้าทันที แม้ว่าสิ่งที่หลินเฟิงกล่าวจะไม่ใช่ความรุ่งโรจน์ของครอบครัวแต่เขาก็พูดอย่างเรียบๆ และมั่นใจในตัวเอง
“โอ้ย ฉันไปดีกว่า นี่มันคนเก็บขยะนี่นา แย่จริงๆ เลย ใครกันนะที่ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาในนี้!” เจียงเสี่ยวไป่ยังไม่ทันจะพูดจบ หานหลิงก็พากันบ่นออกมาดังๆ
“หานหลิง หุบปากนะ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร แกก็ต้องให้ความเคารพ…”