ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 357-3 กำรค้ำขำยและกำรเกลี้ยกล่อม
ถานจี้จือยิ้มและเอ่ย “ก็เพราะมีเรื่องต้องรายงาน ติ้งอ๋องกับพระชายามิใช่หรือ พอดีเห็นว่าท่านอ๋องกับ พระชายาก าลังบอกลากันอยู่ ข้าน้อยไม่อยากเข้าไป ขัดจังหวะ จึงคอยอยู่ตรงนี้” เยี่ยหลีมองเห็นเสื้อผ้าสีฟ้า เข้มของเขาเปื้อนโคลน พลางตอบเสียงเรียบว่า “ขอโทษ ที่ให้คุณชายถานต้องรอนาน”
“รอนานจริงๆ” ถานจี้จือกัดฟันพูด เมื่อเห็นเยี่ยหลี นั่งลงตรงหน้า จึงยักคิ้วพลางยิ้มอย่างอดไม่ได้ “ติ้งอ๋อง วางใจให้พระชายาอยู่ที่เป่ยจิ้งคนเดียวจริงหรือ” แสงเงิน บนปลายวของเยี่ยหลีสว่างวาบ วัตุถุสีเงินเปล่งประกาย แวววับลอยลิ่วออกไป เฉียดใบหน้าของถานจี้จือไปอย่าง หวุดหวิด ก่อนจะปักลงบนต้นไม้ด้านหลังถานจี้จือ นาง ไม่สนใจค าเหน็บแนมของเขา เอ่ยกลั้วหัวเราะว่า
书 呆子
“คุณชายจะลองดูไหมเล่าว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงวางใจให้ ข้าอยู่คนเดียว”
ถานจี้จือรีบส่ายหัว ก่อนหน้านี้เขาได้ยินที่ม่อซิว เหยาพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ให้ ฆ่าทิ้งเสีย” และเขาก็เชื่อว่าเยี่ยหลีน่าจะลงมือฆ่าเขาได้ เช่นกัน จึงรีบตัดบท และพูดด้วยท่าทางจริงจังว่า “ข้าได้ มีการพูดคุยกับมหาเสนาบดีที่เป่ยจิ้งแล้ว และ…ก็พูดถึง ปัญหาเรื่องสถานะของข้ากับเหรินฉีหนิงบ้างแล้ว”
เยี่ยหลีมองเขา “เขาจะเอาอะไรมาเชื่อท่านว่าเป็น ตัวจริง ส่วนเหรินฉีหนิงเป็นตัวปลอมเล่า” เมื่อครั้งหลินย่ วนเพิ่งเกิด ตระกูลหลินมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คน ในตระกูลหลายคนพาหลินย่วนผู้เป็นคุณชายน้อยแห่ง ตระกูลหลินหลบหนีไปอย่างฉุกละหุก ขุนนางตระกูล หลินเพิ่งจะตามหาเขาเจอ ก็ตอนเหรินฉีหนิงมีอายุเกือบ สิบขวบเข้าไปแล้ว
书 呆子
ถานจี้จือส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ย “เขาไม่ได้เชื่อข้า และไม่มีความจ าเป็นจะต้องเชื่อด้วย ราชวงศ์ก่อนหน้า ล่มสลายมาสองร้อยกว่าปีแล้ว พระชายาคิดว่าเด็ก ก าพร้าจากราชวงศ์ก่อนเป็นเรื่องจริงหรือหลอก จะ ส าคัญเพียงนั้นเชียวหรือ คนพวกนั้นก็เพียง…บางคนลืม ความรุ่งโรจน์ของตระกูลตนในราชวงศ์ยุคก่อนไม่ได้ บาง คนก็ไร้หนทางจะไปต่อก็เท่านั้น ต่อให้พวกเขาหาเหรินฉี หนิงไม่พบ อย่างไรเสียก็จะมีจางฉีหนิง หลี่ฉีหนิงเกิด ขึ้นมา ขอแค่พวกเขาเชื่อมั่นว่าข้าสามารถให้พวกเขาได้ มากกว่าที่เหรินฉีหนิงให้ก็พอแล้ว”
“เกรงว่าคงจะยากสักหน่อย” เยี่ยหลีกุมหน้าผาก พลางครุ่นคิด ถึงแม้ตอนนี้ชีวิตเหรินฉีหนิงจะวุ่นวาย แต่ ไม่ว่าจะมองจากมุมใด เหรินฉีหนิงก็ยังมีความส าเร็จ มากกว่า และให้อะไรแก่ผู้คนได้มากกว่าถานจี้จือ อย่างไรเสียเหรินฉีหนิงก็ยังมีแคว้นเป่ยจิ้ง แต่ถานจี้จือก
书 呆子
ลับไม่มีอะไรเลย การทิ้งเหรินฉีหนิงหมายความว่าพวก เขาต้องเริ่มสู้ใหม่ทั้งหมด พวกเขาเหล่านั้นที่เริ่มได้เสพสุข แล้วจะยอมหรือ
ถานจี้จือยิ้มพลางเอ่ย “ยากล าบากจริงๆ แต่ก็ใช่ว่า จะเป็นไปไม่ได้ ขุนนางเก่าในราชวงศ์ก่อนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ ว่าไม่มีความขัดแย้งกับเหรินฉีหนิง และคนเหล่านี้ก็ อยากจะขับไล่คนเป่ยจิ้งออกไปโดยเร็วหรือไม่ก็ฆ่าทิ้งเสีย เพื่อให้พวกเขาได้เสพสุขจากชัยชนะโดยไม่ต้องแบ่งให้ ชาวเป่ยจิ้ง แต่เหรินฉีหนิงกลับอยากใช้ประโยชน์จากคน เป่ยจิ้ง ให้คนเป่ยจิ้งมารบแทนเขา แต่คนเป่ยจิ้งไม่ได้โง่ หากต้องการให้คนเป่ยจิ้งยอมถวายชีวิตแทนเขา เขา ต้องห้ามไม่ให้ราชินีเห่อหลันให้ก าเนิดทายาทและแต่งตั้ง ขึ้นเป็นรัชทายาท ทว่านี่เป็นสิ่งที่คนหัวโบราณเช่นพวก เขารับไม่ได้ ครั้งนี้เหรินฉีหนิงพาราชินีเห่อหลันและสน มอวิ๋นกลับเข้าวังไปไม่ถึงสองวัน สนมอวิ๋นก็แท้งลูก ทาง
书 呆子
จวนมหาเสนาบดีคิดว่าเป็นฝีมือของคนเป่ยจิ้ง เพื่อให้เห รินฉีหนิงลงโทษราชินีเห่อหลันอย่างหนัก แต่เหรินฉีหนิง รีบร้อนที่จะยกทัพไปตีด่านจื่อจิง จึงเก็บเรื่องนี้ไว้สะสาง วันหลัง”
“แล้วความจริงเป็นเช่นไร” เยี่ยหลีขมวดคิ้วถาม ต่อ
ถานจี้จือตอบ “อาจจะเป็นฝีมือของคนเป่ยจิ้งจริงๆ แต่อย่างไรเสีย คนเป่ยจิ้งไม่ยอมที่จะให้สนมอวิ๋นได้ให้ ก าเนิดองค์ชายที่มีสายเลือดของชาวจงหยวนแท้อยู่แล้ว แต่…ก็เป็นไปได้อีกว่า สนมอวิ๋นเหน็ดเหนื่อยจากการ เดินทาง แท้งลูกจากอุบัติเหตุเล็กๆ จริงๆ ก็เป็นได้ แต่ ใครกันจะสนใจเรื่องเหล่านี้ คนจงหยวนมีแต่คิดจะโทษ ชาวเป่ยจิ้ง โดยไม่สนว่าจะเป็นฝีมือคนเป่ยจิ้งหรือไม่ อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นที่นิยมชมชอบของคนทั่วไป ส่วน
书 呆子
เหรินฉีหนิง เขาท าเพียงไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง ชั่วคราวเท่านั้น
“ดังนั้น มหาเสนาบดีจึงไม่พอใจเหรินฉีหนิงหรือ” เยี่ยหลีถาม
ถานจี้จือยิ้มแล้วตอบว่า “ก็ไม่มีอะไร จากมุมมอง ของคนเหล่านั้น ตอนนี้พวกเขาได้สถาปนาแคว้นแล้ว ส่วนผู้ใดจะมาเป็นฮ่องเต้ก็สุดแล้วแต่ ขอเพียงน าพาซึ่ง ประโยชน์ให้แก่พวกเขาได้มากขึ้น จะเปลี่ยนจกเหรินฉี หนิงกับถานจี้จือก็ย่อมได้ ต่อให้พวกเขาอยากตั้งตัวเป็น ฮ่องเต้ขึ้นมาในวันใดวันหนึ่ง ข้าก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร”
“ขอโทษด้วย ที่ครั้งนี้ท่านคงจะยังไม่ได้เป็น ฮ่องเต้” เยี่ยหลีขอโทษอย่างจริงใจ
ถานจี้จือเบ้ปาก “ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ได้อยากเป็น ฮ่องเต้แห่งเป่ยจิ้งอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือข้าไม่อยากเป็น หุ่นเชิด” เขาอยากฟื้นฟูอาณาจักร ไม่ได้อยากเป็นหุ่น
书 呆子
กระบอกที่ตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหุ่น กระบอกตัวนี้มีชื่อของคนเถื่อนติดอยู่ด้วย
เมื่อเห็นท่าทางอันห่อเหี่ยวของถานจี้จือ เยี่ยหลีจึง ถามอย่างใคร่รู้ว่า “ในชีวิตนี้ท่านได้เคยท าอะไรที่ตนเอง อยากท าแล้วหรือยัง”
ถานจี้จือมองหน้านางแล้วตอบ “เคยสิ ข้าท ามัน อยู่ตลอดนี่ไง”
เยี่ยหลีกระตุกริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ย “ท่านหมายถึง การฟื้นฟูอาณาจักรหรือ”
“แล้วไม่ถูกตรงไหนหรือ” ถานจี้จือตอบโดยไม่คิด อะไร ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาคือการ ฟื้นฟูอาณาจักร เขาก็ท ามาโดยตลอดไม่ใช่หรือ แม้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้จะยังไม่เห็นผลอะไรเลยก็ตาม
书 呆子
เยี่ยหลีส่ายหน้า มองด้วยเขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน ก่อนจะถาม “ดูว่าท่านอยากจะฟื้นฟูอาณาจักรมาก จริงๆ”
ถานจี้จือถือว่าเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเยี่ยหลีอยู่ พอสมควร และถือว่ามีความเข้าใจในตัวนางอยู่บ้าง จึง เอ่ยถามว่า “เหมือนว่าพระชายาจะไม่คิดเช่นนั้น” เยี่ย หลียิ้มบาง ก่อนเอ่ย “นานาจิตตังกระมัง ข้าไม่ใช่ทายาท ของราชวงศ์ใดๆ จึงไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นเป็น ธรรมดา เพียงแต่ว่า…ถ้าต้องลากชาวบ้านทั่วหล้าเข้าสู่ เพลิงแห่งสงครามเพียงเพื่อตระกูลเดียว นั่นมันจ าเป็น จริงๆ หรือ”
ถานจี้จือพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย “อะไร ที่หมายถึงจ าเป็นหรือไม่จ าเป็น ใต้หล้านี้เป็นของตระกูล หลินของข้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”
书 呆子
เยี่ยหลีกล่าวด้วยน้ าเสียงเย็นชา “ก่อนที่จะเป็น ตระกูลหลินของท่าน แผ่นดินนี้เป็นของตระกูลเซวีย แค่ เพียงท่านสังหารฮ่องเต้ก็สามารถผลัดเปลี่ยนยุคสมัยได้ แล้ว ท่านจะฆ่าและเปลี่ยนฮ่องเต้ในทุกๆ วันก็ย่อมได้ แต่ ว่าทุกๆ ครั้งในการผลัดเปลี่ยนยุคสมัย คนที่ประสบ หายนะที่สุดคือราษฎรทั่วไป พวกเขาไม่ได้ติดหนี้อะไรต่อ ตระกูลหลินของท่าน แต่กลับกัน ในปีนั้นบรรพบุรุษ ตระกูลหลินของท่านอ่อนแอเอง จึงต้องลากพวกเขาเข้าสู่ เพลิงแห่งสงคราม และหลังจากนั้น คนรุ่นหลังของ ตระกูลหลินก็ล้วนอยากพาพวกเขาเข้าสู่เพลิงแห่ง สงครามอีกครั้ง”
ถานจี้จือพูดไม่ออก เขาไม่เห็นด้วยกับค าพูด ของเยี่ยหลี แต่ก็แอบรู้สึกว่าที่นางพูดมานั้นถูกต้อง ผ่าน ไปครู่ใหญ่ ถานจี้จือจึงยิ้มเย็นพลางเอ่ย “พระชายาพูดมา ช่างน่าฟัง ถ้าเช่นนั้นยามนี้พระชายากับติ้งอ๋องก าลังท า
书 呆子
อะไรกันอยู่ หรือพระชายาจะบอกว่าติ้งอ๋องไม่มีเจตนาที่ จะแย่งชิงอ านาจในปฐพีนี้ ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ” ความแยบยลในแผนการของม่อซิวเหยาท าให้แค่คิดก็ รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง ดูเหมือนว่าเขาถูกควบคุมไปหมด ทุกทางและท าอันใดอย่างใจไม่ได้สักอย่าง แต่ชั่วเวลา เพียงไม่กี่ปี กลับเปลี่ยนต าหนักติ้งอ๋องจากที่ถูกกดขี่มา นานหลายปีเนื่องจากความพ่ายแพ้ในปีนั้น มาเป็นตอนนี้ ที่ได้ปกครองอาณาเขตครอบคลุมเมืองหลวงของสอง แคว้นใหญ่อย่างต้าฉู่และซีหลิงในเวลาเดียวกัน การ เปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่ท าให้ผู้คนหวาดกลัวได้อย่างไร เมื่อมองย้อนกลับไป จะพบว่าม่อซิวเหยาได้วางแผน หลายสิ่งหลายอย่างไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก แล้ว
เยี่ยหลีพูดต่ออย่างเย็นชาว่า “ท่านเชื่อแล้วอย่างไร ไม่เชื่อแล้วอย่างไร พอถึงบนสรุปแล้ว ต าหนักติ้งอ๋อง
书 呆子
จะต้องยอมยื่นหอกให้ศัตรูกลับมาฆ่าหรือ คุณชายถาน บรรพบุรุษตระกูลหลินก็แค่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของ ตนเอง และท่าน…ก็ท าเพื่อความสะใจเท่านั้น ไม่ได้ เกี่ยวกับการฟื้นฟูอาณาจักรใดๆ หรอก”
ถานจี้จือเงียบไปอีกครั้ง นั่งถอนหายใจเงียบๆ ครู่ ใหญ่ก่อนจะตัดพ้อว่า “บางที ที่พระชายาพูดอาจจะเป็น เรื่องจริง แต่เส้นทางของข้าเดินมาร่วมสามสิบกว่าปีแล้ว ถึงแม้อยากจะหยุดแต่ก็คงหยุดไม่ได้แล้ว”
เยี่ยหลีเลิกคิ้ว “เนื่องด้วยเดินทางผิดในตอนแรก ตอนหลังจึงต้อวเดินหน้าต่อไปอย่างห้าวหาญโดยไม่ยอม หวนกลับ ไม่สนว่าจะถูกหรือผิดต่อไปอย่างนั้นหรือ ถ้า หากเบื้องหน้าเป็นเหว คุณชายถานก็จะยอมหลับหู หลับตากระโดดลงไปใช่หรือไม่”
ถานจี้จือยิ้มอย่างจนปัญญา “อาจจะเป็นเช่นนั