ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 356-3 การต่อสู้กันภายใน และสถานการณ์ ยากล ำบากของเหรินฉีหนิง
อีกด้านหนึ่ง ชาวเป่ยจิ้งที่ก าลังต่อสู้อย่างฮึกเหิม เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ที่ถูกต่อยตีจนหลบออกไปทั้งยังไปแทะโลม หญิงสาวด้านข้างอีก ก็อดไม่ที่จะโมโหไม่ได้ “ไอ้ขี้ขลาด หากมีน้ ายาก็มาสู้กับข้าให้ถึงสามร้อยกระบวนท่าสิวะ”
“วันนี้ข้าจะไม่โต้เถียงกับชาวเป่ยจิ้งป่าเถื่อนอย่าง พวกเจ้า” บุตรชายอัครมหาเสนาบดีกล่าวอย่างโอหัง การต่อยตีกับคนเป่ยจิ้งเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่ทว่าสาวงาม เยี่ยงนี้มิอาจพบเจอได้ทุกวัน ถึงแม้ว่าชาวเป่ยจิ้งจะไม่มี แผนการไม่ชอบพูดจาอ้อมค้อม แต่ทว่าทักษะการต่อสู้ นั้นกลับดีกว่าปัญญาชนคุณชายสูงศักดิ์ที่ร่างกายอ่อนแอ เหล่านี้มาก ทางด้านสายตาเองก็ย่อมดีกว่ามากเป็น ธรรมดา แค่พริบตาเดียวก็มองออกว่าชายหญิงคู่นั้นไม่น่า หาเรื่องด้วย เช่นนี้จึงไม่รีบที่จะต่อสู้ พวกเขาพากันรามือ
书呆子
มองดูความครึกครื้นอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นชาวเป่ยจิ้งรามือไม่ ต่อสู้กันแล้ว บุตรชายอัครมหาเสนาบดีผู้นั้นก็ยิ่งโอหัง หนักขึ้นไปอีก
บุตรชายอัครมหาเสนาบดีเห็นสาวงามเบื้องหน้ายิ้ม เรียบง่ายสวยงาม ก็อดใจไม่ไหว เอื้อมมือออกไปดึง มือเยี่ยหลี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าด้านข้างจะมีมืออีกมือหนึ่ง มาจับข้อมือของเขาไว้ บุตรชายอัครมหาเสนาบดีชะงัก งัน เงยหน้ามองไปทางม่อซิวเหยาที่ยืนไม่พูดไม่จาอยู่ ด้านข้างแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นใคร ยังไม่ปล่อยข้าอีก”
รอยยิ้มที่เย็นชาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของม่อซิว เหยา เพียงใช้มือออกแรงเล็กน้อยก็ท าให้บุตรชายอัคร มหาเสนาบดีกรีดร้องเยี่ยงหมูโดนเชือดได้แล้ว และท าให้ ผู้คนที่เฝ้าดูเรื่องน่าตื่นเต้นนี้ต่างตกใจไปตามๆ กัน
“ไอ้สารเลว เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร” บุตรชาย อัครมหาเสนาบดีหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลดั่งสายฝน
书呆子
ชายเสื้อด าคนนี้เพียงแค่จับเบาๆ มือของเขาก็…เขารู้สึก อย่างชัดเจนว่ากระดูกข้อมือของตัวเองได้แตกไปแล้ว
“ทราบสิ บุตรชายอัครมหาเสนาบดี” ม่อซิวเหยา ยิ้มอ่อนๆ แล้วหันไปส่งสายตาให้หลงจู๊ หลงจู๊เข้าใจ ในทันที หันไปโบกมือให้เด็กในร้านที่ซ่อนตัวอยู่มุมห้อง อย่างตัวสั่นสะท้าน พวกเขาเคลื่อนตัวไปถึงประตู โรงเตี๊ยมได้อย่างว่องไวและปิดประตูจนเรียบร้อย พูดไป แล้วก็แปลก เมืองชางชิ่งแห่งนี้ช่างดูเงียบเชียบเหลือเกิน หากเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในเมืองอื่นคงมีผู้คนมามุ่งดูไม่ น้อย แต่เมืองเล็กๆ นี้โดยปกติแม้แต่ข้าวให้อิ่มท้องเสื้อผ้า ให้ไออุ่นยังไม่พอเลย จะมีเงินเหลือที่ไหนมาร้านเหล้าใน โรงเตี๊ยมกัน โรงเตี๊ยมนี้เปิดอยู่ใจกลางเมืองในเขตชน ชั้นสูง ตามปกติมีคนเดินผ่านไปมาไม่กี่คน แต่หากเห็น บุตรชายผู้มีอ านาจตีกันเช่นนี้คงได้วิ่งหนีกันไปนานแล้ว ในขณะนี้กลุ่มคนดังกล่าวก็ถูกปิดไว้นอกโรงเตี๊ยม แต่
书呆子
กลับไม่มีใครสังเกตเห็น คนที่บังเอิญผ่านมาก็คงคิดว่า หลงจู๊มีธุระเลยปิดร้านไป
“พวกเจ้าคิดจะท าอะไร” พอประตูร้านปิด คน อื่นๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที ชาวเป่ยจิ้งสองสามคน อาศัยฝีมืออันคล่องแคล่วต้องการจะบุกออกไป แต่เด็กใน ร้านเหล่านั้นที่ดูธรรมดาๆ แต่ล้วนผ่านการฝึกมาอย่างดี จะปล่อยให้แผนการของพวกเขาส าเร็จได้อย่างไร
“พวกเจ้า…เป็นใครกันแน่” บุตรชายอัครมหา เสนาบดีผู้นั้นหน้าซีดราวกับกระดาษ เอ่ยถามด้วยเสียง สั่นเทา
ม่อซิวเหยาถือโอกาสโยนเขาออกไป แล้วกล่าว เบาๆ ว่า “ลูกหลานขุนนางเก่าแห่งราชวงศ์ก่อนลูกน้อง ของเหรินฉีหนิง เป็นพวกขี้เมาหย าเปหรอกหรือนี่”
“เจ้า…เจ้าบังอาจนัก กล้าเรียกชื่อฝ่าบาทโดยตรง เชียวหรือ”
书呆子
ม่อซิวเหยาหัวเราะอย่างเหยียดหยามแล้วกล่าว “เรียกชื่อเขาแล้วจะท าไมหรือ ข้ายังฆ่าครอบครัวเขา ทั้งหมดอีกด้วยนะ”
“เจ้า” ตอนนี้สีหน้าทุกคน ณ ที่นั้นล้วนเปลี่ยนไป ม่อซิวเหยาพูดแบบนี้คนที่อยู่ที่นั่นจะไม่รู้ถึงสถานนะของ เขาหรือ “ท่าน…ท่านคือติ้งอ๋องหรือ” หลายปีมานี้ ชื่อ ของม่อซิวเหยาไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ ก็ไม่แปลกที่ผู้คน เหล่านี้จะรู้สึกตกใจไม่น้อย
เยี่ยหลียิ้มเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกลัว พวกเราไม่ฆ่าคนตามอ าเภอใจหรอก”
“ท่าน…ท่านคือพระชายาติ้งอ๋อง” บุตรชายอัคร มหาเสนาบดีกล่าวด้วยน้ าเสียงสั่นเทา
เยี่ยหลียิ้มอย่างพราวเสน่ห์ “ข้าคือเยี่ยหลีจริงๆ”
书呆子
“ติ้งอ๋อง พระชายาติ้งอ๋อง พวกเราไม่ได้ล่วงเกินทั้ง สอง” ชาวเป่ยจิ้งเหล่านั้นส่งสายตากันหลายครั้ง ผู้น าคน เก่าคนนั้นออกมาพูดอย่างระมัดระวัง แม้แต่คนเถื่อน อย่างชาวเป่ยจิ้งก็กลัวความตายเช่นกัน พวกเขาได้ยิน ชื่อเสียงของม่อซิวเหยาว่าเปรียบเสมือนเทพเจ้านักฆ่ามา นานแล้ว
เยี่ยหลียิ้มแล้วกล่าวว่า “องค์ชายท่านนี้เป็น ลูกพี่ลูกน้องของราชินีเห่อหลันหรือ รบกวนท่านบอกกับ ราชินีเห่อหลันทีว่า เพื่อนเก่าต้องการพบ” ชายหนุ่มผู้นี้ก็ เป็นลูกชายของหัวหน้าชนเผ่าเป่ยจิ้ง โดยปกติแล้วก็เป็น คนเจ้าเล่ห์อยู่บ้างและรู้เรื่องราวต่างๆ ไม่น้อย เมื่อได้ ฟังเยี่ยหลีกล่าวเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เล็กน้อย พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยจะไปบอกให้ อย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าตอนนี้พวกข้าไปได้หรือยัง”
เยี่ยหลีพยักหน้า “เชิญพวกท่านตามสบาย”
书呆子
เมื่อเห็นชาวเป่ยจิ้งเหล่านั้นจากไปอย่างปลอดภัย ขุนนางจงหยวนก็ลังเลอยู่สักพัก แล้วจึงพยายามเจรจา กับม่อซิวเหยาและเยี่ยหลี “ท่านอ๋อง พระชายา พวกข้า …” เยี่ยหลีกล่าว “พวกเจ้า…เกรงว่าจะต้องขอให้พวกเจ้า รอสักครู่”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป “ติ้งอ๋อง ถึงพวกท่าน จะเก่งกาจมากกว่านี้ ที่นี่ก็ยังเป็นเขตแดนเป่ยจิ้ง”
ม่อซิวเหยายิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ข้าจะกัก ตัวพวกเจ้าไว้ เจ้าจะท าอันใดได้” ทันใดนั้นผู้ที่พูดก็เงียบ งันไปทันที ติ้งอ๋องต้องการจะกักตัวพวกเขา พวกเขาจะ ท าอย่างไรได้เล่า
“ท่านไม่กลัวคนในราชส านักมาที่นี่หรือ”
“เหรินฉีหนิงก าลังยุ่งอยู่กับการเตรียมการออกรบ สินะ บุตรคนรวยตัวน้อยๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาจะ มีเวลาไปตามหาหรือ” พันธสัญญาของเหรินฉีหนิงและ
书呆子
เยียหลี่ว์เหยี่ยมีความส าคัญต่อเป่ยจิ้ง ไม่ว่าตอนนี้จะมี เรื่องใหญ่แค่ไหนก็ไม่กระทบการสั่งก าลังทหารของเหริน ฉีหนิง นอกจากนี้ยังเป็นเพียงแค่คนไร้ความสามารถไม่กี่ คนหายตัวไป
“พ่อข้าจะต้องส่งคนมาช่วยข้าแน่” บุตรชายอัคร มหาเสนาบดีกล่าวอย่างตัวสั่น อาการเจ็บที่ข้อมือท าให้ หน้าของเขาบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
ม่อซิวเหยาหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องให้พ่อเจ้า มาช่วยเจ้าหรอก ข้าจะส่งเจ้ากลับไปเอง มานี่ พาเขาไป หาถานจี้จือ เขาน่าจะรู้ว่าควรท าอย่างไร ส่วนคนที่เหลือ ขังไว้ก่อนแล้วกัน”
“ข้าน้อยรับบัญชา” หลงจู๊ก้าวออกมา น าตัว บุตรชายอัครมหาเสนาบดีไปที่ลานหลังบ้าน ส่วนคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ถูกน าตัวออกไป แล้วโรงเตี๊ยมที่ยุ่งเหยินวุ่นวายก็ เปลี่ยนเป็นเงียบสงบไร้เสียงในทันที เยี่ยหลียิ้มให้ม่อซิว
书呆子
เหยาและกล่าวว่า “ท่านตั้งใจจะใช้คนเหล่านี้ยั่วยุให้ขุน นางราชวงศ์ก่อนกับเป่ยจิ้งเปิดศึกกัน จะได้ผลหรือ”
ม่อซิวเหยายิ้มอย่างเย็นชา “ได้ไม่ได้ลองดูก็จะรู้ เอง”