ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 358-3 ต้มตุ๋นแต่ไม่เอำเงิน
เยี่ยหลียิ้มบางๆ พูดว่า “ลวงหลอกแล้วอย่างไรเล่า แค่มีคนเชื่อก็พอแล้ว ไม่ได้หลอกเพื่อเอาเงินเสียหน่อย ย่อมไม่เสียหายอันใดอยู่แล้วนี่” ไม่ว่าเรื่องเห็ดหลินจือ พันปี หรือเรื่องที่ภูเขาซางหมางจะมาช่วยฟื้นฟูชีวิตความ เป็นอยู่ของประชาชน หรือการร่วมมือกับซีหลิงและต้าฉู่ เพื่อมาจัดการกับต าหนักติ้งอ๋อง แล้วยังต าแหน่งราชินี จอมปลอมนั่นอีก ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เยี่ยหลีแต่งเติม ขึ้นมาเกินจริง แต่ข้อส าคัญคือกลับมีคนปักใจเชื่อจริงๆ นี่ สิ
ถานจี้จือพูดว่า “ถึงตอนนั้นพวกเราจะไปหาคน จากภูเขาซางหมางที่ไหนมาช่วยเล่า เกรงว่าครั้งนี้ จะมี แม้กระทั่งภูเขาซางหมางที่อยากจะฉีกอกของท่านกับติ้ง อ๋องด้วยกระมัง”
书 呆子
เยี่ยหลีอมยิ้มพูดว่า “คุณชายถานคิดว่าคนพวกนั้น จะคอยอีกหนึ่งเดือนกว่าหรือ เมื่อถึงตอนนั้น…พวกเขา จะมีเวลาว่างมาคิดเรื่องพวกนี้หรือ” ถึงตอนนั้น พวกคน ที่เรียกว่าราชวงศ์ขุนนางเก่าอะไรนั่น คงคิดแต่ว่าจะ รักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้ได้อย่างไรเท่านั้น เยี่ยหลีไม่ได้ คิดจะช่วยดันถานจี้จือให้ขึ้นถึงต าแหน่งฮ่องเต้จริงๆ ไม่ ว่าจะเป็นฮ่องเต้กี่วัน ก็ล้วนไม่เหมือนกัน ถึงอย่างไรเป่ ยจิ้งก็คงเกิดขึ้นเพราะเหรินฉีหนิง และจะล่มสลายลง เพราะเหรินฉีหนิงด้วยกระมัง
ถานจี้จือนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ทอดถอน หายใจและกล่าวว่า “พระชายาช่างมีวิธีการที่แยบยลนัก ดูท่าว่าตอนนี้คนของต าหนักติ้งอ๋องคงจะแทรกตัวเข้าไป ภายในกองทัพเป่ยจิ้งได้แล้ว หาไม่แล้ว พระชายาคงไม่ ออกมาปรากฏตัวเพื่อพบมหาเสนาบดีเป่ยจิ้งผู้นั้น”
书 呆子
เยี่ยหลียิ้มบางๆ และพูดว่า “คุณชายชมเกินไปแล้ว ข้าเองก็เพราะจนใจ พวกเราต้องรีบล้มอ านาจของเหรินฉี หนิงให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นแล้วคงจะเกิดปัญหาขึ้นแน่” แม้ ว่าเป่ยจิ้งจะอ่อนแอ แต่ก็ถือว่าเป็นแคว้นแคว้นหนึ่ง ทาง ฝั่งเยี่ยหลีก็มีคนอยู่ที่นี่เพียงเท่านี้ หากว่าไม่รีบโจมตี จุดส าคัญของเขาโดยเร็วที่สุด รอจนเหรินฉีหนิงตั้วตัวได้ พวกนางก็คงต้องรอรับผลที่ตามมา
อีกด้านหนึ่ง ในค่ายทหารใหญ่ที่อยู่ห่างจากเมือง ชางชิ่งไปไม่ไกล เหอซู่ที่สวมชุดแม่ทัพเป่ยจิ้งก าลังริน เหล้าให้กับเหล่าแม่ทัพด้วยใบหน้าเบิกบาน หลังจากดื่ม เหล้ากันได้สักพัก บรรยากาศภายในกระโจมก็ค่อยๆ คึกคักขึ้น
มีคนหนึ่งยื่นมือไปคว้าแขนของเหอซู่และถามเสียง เบาว่า “น้องชาย ที่เจ้าพูดครั้งก่อนนั่น เป็นความจริง อย่างนั้นหรือ” เมื่อได้ยินดังนั้น ไม่เพียงแต่เหอซู่ คนอื่นๆ
书 呆子
ก็หยุดสิ่งที่ท าอยู่แล้วหันไปจับจ้องเหอซู่เช่นกัน เห็นได้ชัด ว่าคนที่พูดและทุกคนล้วนคิดเรื่องนี้เหมือนกัน
เหอซู่ยิ้มร่าและกล่าว “แม้ว่าข้าจะเพิ่งมาได้ไม่นาน แต่กลับได้รับความเอาใส่ใจจากพี่ใหญ่ทุกท่านเป็นอย่างดี อย่าบอกนะว่า ยังคิดว่าข้าจะท าร้ายพวกท่านอยู่อีก”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถิด ทุกวันนี้พวกเราอยู่ใน กองทัพเป่ยจิ้ง…แต่กลับถูกไล่ให้ออกไปสู้กับคนของ ตัวเอง เมื่อก่อนยังดีหน่อย แม้ม่อจิ่งหลีจะไม่ใช่คนดีนัก แต่หากไม่ใช่เพราะเขาที่ขับไล่ติ๋งอ๋อง พวกเราจะมาตกต่ า กลายเป็นทหารรับใช้ชนกลุ่มน้อยถึงขนาดนี้หรือ แต่มา ตอนนี้ กลับต้องมาสู้รบกับกองทัพตระกูลม่อ จะไม่ให้ พวกข้าไม่กลัว…” เมื่อเอ่ยถึงกองทัพตระกูลม่อ คนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าเดียวกัน เพราะในปีก่อนมีการบุกโจมตีฉู่จิง พวกเขาล้วนตามทัพไปด้วย ครานั้น หากไม่ได้ทัพเสริม
书 呆子
ของตระกูลม่อช่วยไว้ได้ทันกาล เกรงว่าตอนนี้ฉู่จิงคงได้ อยู่ในนามแซ่เหรินแล้ว
เหอซู่ยิ้มพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ เกรงว่าพี่ๆ คงยังไม่รู้ ตอนแรกที่กองทัพตระกูลม่อไล่ฆ่าตั้งแต่ด่านเฟยหงถึงฉู่ จิงก็เพื่อช่วยขับไล่ทหารที่ล้อมฉู่จิงไว้ การต้องไล่สังหาร ไปตลอดทางนั่น ท าให้เหล่าทหารของแคว้นเป่ยหรงเอง สูญเสียทหารไปเป็นจ านวนมากเช่นกัน แต่เมื่อไปถึงฉู่จิง แล้วกลับยังมีพลังอ านาจยิ่งใหญ่เพียงนั้น ยามนี้…กองทัพ ตระกูลม่อก็ก าลังรออยู่ที่ด่านจื่อจิงเลยเชียว พวกเขาไม่ บุกเข้ามาสังหารก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ท่านอ๋องดัน อยากจะไปหาเรื่องเขาอีก นี่ไม่เท่ากับต้องการจะรนหาที่ ตายด้วยการพาเหล่าแม่ทัพที่ไม่รู้ประสีประสาเหล่านี้ไป ตายด้วยหรอกหรือ”
ลึกๆ แล้วคนอื่นก็คิดแบบนี้เช่นกัน เหอซู่มองท่าที ของทุกคน แล้วเอ่ยปากขึ้น “พูดตามตรงนะ ข้าตัดสินใจ
书 呆子
ที่จะละทิ้งผู้แพ้ไปเข้ากับผู้ชนะแล้ว ข้าจะไปพึ่งต าหนักติ๋ง อ๋อง อย่างน้อยพวกเราก็เป็นคนจงหยวนด้วยกัน เหตุใด จะต้องสละชีวิตเพื่อคนเป่ยจิ้งด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ต าหนักติ้งอ๋องมีชื่อเสียงด้านความยุติธรรมมาโดยตลอด จะต้องเข้าใจสถานการณ์ที่ทุกข์ยากของพวกเราและไม่ ท าให้พวกเราล าบากอย่างแน่นอน”
คนอื่นๆ ต่างมองตากัน ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วย ความล าบากใจ “ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถิด แต่พวกเราไม่มี หนทางน่ะสิ กองทัพตระกูลม่ออยู่ในด่านจื่อจิง เกรงว่า ถ้าพวกเราต้องการไปขอพึ่งพิง คงได้ถูกกองทัพใหญ่ที่ ด่านจื่อจิงฆ่าจนราบเสียก่อน”
เหอซู่หัวเราะเสียงทุ้มต่ าพลางหยิบตราออกมาจาก หน้าอก “พี่ชายๆ ทุกท่านเชิญดูว่าสิ่งนี้คืออะไร”
ทุกคนตั้งใจหันไปมอง และเมื่อเห็นสัญลักษณ์บน หยกสีด าที่แกะสลักค าว่า “ติ้ง” เอาไว้ ก็อดพากันตกใจ
书 呆子
ไม่ได้ เหอซู่พูดด้วยรอยยิ้มอย่างได้ใจเล็กน้อย “นี่คือของ ที่ระลึกจากพระชายาติ้งอ๋อง พระชายารับปากข้าแล้วว่า ขอเพียงแค่ข้าแปรพักตร์ไปเข้ากับผู้ชนะ ข้าก็จะได้เลื่อน ต าแหน่งและมีอนาคตก้าวไกลอย่างแน่นอน” หลายคนที่ ได้ฟังพลันรู้สึกทั้งอิจฉาและริษยาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เจ้า เหอซู่คนนี้ได้ทั้งตราหยกและค ามั่นสัญญาจากพระชายา ติ้งอ๋อง ช่างโชคดีไม่น้อยเลยจริงๆ
“น้องชาย พวกเรา…” คนอื่นๆ ล้วนจับจ้องไปที่ เหอซู่ อยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้
เหอซู่ยิ้มพูดอย่างใจกว้าง “พี่ทั้งหลายโปรดวางใจ เมื่อข้ามีเนื้อกิน ก็ย่อมไม่ให้พี่ๆ ได้ดื่มแต่แกง พวกเรา เป็นพี่น้องกัน ย่อมต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน”
“น้องเหอพูดถูกแล้ว” ทุกคนกล่าวชมเป็นเสียง เดียวกัน พร้อมมองเหอซู่ด้วยสายตาเป็นประกายที่ดูยิ่ง สนิทสนมและเป็นมิตรขึ้นกว่าเดิม
书 呆子
เหอซู่เพิ่งปะปนเข้ามาในค่ายทหารของกองทัพเป่ ยจิ้งได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน เดิมทีไม่น่าจะราบรื่นถึงเพียงนี้ แต่ เพราะเขามีราชินีเห่อหลันแห่งเป่ยจิ้งและเหล่าขุนนาง ราชวงศ์ก่อนที่อยู่ภายใต้การน าของมหาเสนาบดีอวิ๋น ลอบหนุนหลังอยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อม สถานะของ เหอซู่จึงย่อมมิได้ธรรมดาทั่วไป อีกทั้งเมื่ออยู่ในกองทัพ เหอซู่ก็สามารถมาคลุกคลีกับทุกคนได้อย่างลื่นไหลดั่ง มัจฉาในน้ าตามข้อมูลมากมายที่เยี่ยหลีให้ไว้ นอกจากนี้ ยังมีพวกฉินเฟิง หลินหานที่ลอบช่วยเหลือเขาอยู่ ตลอดเวลา ส่วนตัวเหอซู่เองก็เป็นแม่ทัพของทหาร ระดับกลางและอยู่ในกองทัพมาหลายปี จึงพอจะรู้วิธีเข้า หาคนเหล่านี้ได้เป็นธรรมดา เหอซู่จึงหาคนที่ดูน่าคบ คน ที่น่าจะลากเข้าพวกได้ และคนที่น่าจะแปรพักตร์ได้ ออกมาจากกลุ่มได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากที่ลองหยั่ง เชิงอย่างตรงไปตรงมาและอ้อมๆ หลายครั้ง ก็มีคนที่ทน ไม่ไหวและเรียกเหอซู่ให้มาดื่มเหล้าด้วยตามที่คาดไว้ ซึ่ง
书 呆子
จริงๆ แล้วก็คืออาศัยโอกาสเพื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ แล้ว ผลลัพธ์ก็ราบรื่นมากดั่งที่คิดจริงๆ
ภายใต้ความมืด มีเงาด าของบุรุษคนหนึ่งลอบออก จากค่ายทหารไปอย่างเงียบๆ เขาหันกลับมามองดูค่าย ทหารที่เงียบสงัดท่ามกลางความมืดยามค่ าคืน แล้วถอน หายใจออกมา ขณะนั้นเอง ที่ด้านหลังกลับมีเสียงทุ้มต่ า กลั้วเสียงหัวเราะดังขึ้น “พี่หวง พี่จะไปที่ไหนจริงๆ หรือ”
บุรุษชุดด าหันไปมองแล้ว ม่านตาก็พลันหดลง ทันใด เงามืดของใครคนหหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากใต้ ต้นไม้ ใครคนนั้นก็คือเหอซู่ คนที่ร่วมวางแผนอย่าง สนุกสนานบนโต๊ะเดียวกันกับเขาก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่า ไม่มีที่ให้หลบได้อีก บุรุษชุดด าจึงจ าต้องดึงผ้าด าบนหน้า ลง พูดยิ้มๆ ว่า “เหอเหยียน ดึกป่านนี้แล้ว ท าไมเจ้ายัง ไม่พักผ่อนอีก”
书 呆子
เหอซู่ยิ้มพูดว่า “พี่หวงก้ยังไม่พักผ่อนเช่นกัน แล้ว ข้าจะกล้าพักผ่อนได้อย่างไร เกรงว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้ามาคงจะ ถูกตัดหัวเพราะโดนคนยัดเยียดข้อหาทรยศให้เท่านั้น”
สีหน้าบุรุษชุดด าเปลี่ยนไปโดยพลัน แล้วพูดเสียง เข้ม “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ายังจะกล้าชักจูงทุกคนให้ทรยศ ต่อแคว้นอีกหรือ หากเจ้าหยุดเสียตั้งแต่บัดนี้ ข้าจะเห็น แก่ความสัมพันธ์ของพวกเราและปล่อยเจ้าไป”
เหอซู่เงยหน้ามองฟ้า ยิ้มบางๆ และพูด “พี่หวง ยามนี้…น่าจะเป็นข้าที่ปล่อยพี่ไปถึงจะถูกกระมัง อีก อย่าง ข้าไม่ได้ชื่อเหอเหยียน ข้าชื่อเหอซู่ แม่ทัพใหญ่ ภายใต้การดูแลของพระชายาติ้งอ๋อง”
สีหน้าบุรุษชุดด าเปลี่ยนไป และแลดูย่ าแย่กว่าเดิม เมื่อหันมองไปข้างๆ แวบหนึ่ง ก็กระโจนตัวหนีไปอีกทาง แต่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหอซู่ องค์รักษ์แห่งต าหนักติ๋ง อ๋องได้อย่างไรกัน เงาของเหอซู่กระโดดตามไปไม่กี่ครั้ง ก็
书 呆子
ปรากฏแสงสีโลหิตภายใต้แสงจันทร์สาดกระจาย บุรุษชุด ด าขาดใจตายที่พื้นในทันใด “เจ้า…”
“เจ้ากับข้าต่างก็ท าเพื่อนายของตัวเอง แม้ตายก็ไม่ เสียดาย…” เหอซู่ถอนหายใจเบาๆ