ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 358-2 ต้มตุ๋นแต่ไม่เอำเงิน
เมื่อมองชายชราขมวดคิ้วด้วยสีหน้าจริงจัง ถาน จี้จือก็ลอบส่ายหัวอยู่ในใจ โชคดีที่ไม่ได้คิดจะร่วมมือกับ ตาเฒ่าคนนี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นแล้ว… คนที่คิดจินตนาการ ไปไกลจากค าพูดคนเพียงแค่ประโยคเดียว จะเชื่อถือได้ จริงๆ หรือ
มหาเสนาบดีเงียบไปชั่วครู่ แล้วมองไปยังคนทั้ง สองพร้อมถามว่า “แม่นางจะให้ข้าเอาอะไรมาเชื่อว่าเจ้า เป็นผู้สืบทอดแห่งภูเขาซางหมางจริง” สตรีชุดขาวถาม เสียงเรียบ “ผู้สืบทอดแห่งภูเขาซางหมางไม่ใช้ตรา ประทับอะไรมาพิสูจน์ มหาเสนาบดีอวิ๋นจะให้ข้าพิสูจน์ อย่างไร”
“ได้ยินมาว่าผู้สืบทอดแห่งภูเขาซางหมางนั้น เชี่ยวชาญทั้งฉิน หมาก เขียนอักษรและวาดภาพ รวมทั้ง การดูดวงดาว การแพทย์และการท านายก็ล้วนเก่งกาจ
书 呆子
ไม่ทราบว่าแม่นางจะรักษาบุตรชายข้าได้หรือไม่” ตอนที่ ถานจี้จือพาคุณชายน้อยแห่งจวนมหาเสนาบดีมาส่ง เขา ได้หมดสติไปแล้ว มหาเสนาบดีเที่ยวไปหาหมอมาทั่ว เมืองแล้วก็ไม่เห็นผล ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัยในตัวถานจี้จือ แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้น เขาได้ส่งคนไปสืบจนได้ความ ชัดเจนแล้วว่าบุตรชายของตนถูกคนป่าเถื่อนเป่ยจิ้งท า ร้าย ยาพิษที่บุตรชายโดนก็เป็นต ารับยาลับที่ใกล้จะสูญ หายของเป่ยจิ้งเช่นกัน
สตรีชุดขาวพูดด้วยท่าทางนิ่งเฉยว่า “ข้ารู้จักพิษที่ ลูกชายของท่านโดน พูดตามตรง ตอนนี้ข้าแก้ไม่ได้ แต่ที่ ภูเขาซางหมางมีเห็ดหลินจือพันปีอยู่ต้นหนึ่ง แก้พิษนี้ได้ พอดี หลังจากที่คุณชายถานได้บอกกับข้า ข้าก็ส่งคนไป เอามาแล้ว”
มหาเสนาบดีไม่ใช่คนที่ใครจะมาหลอกได้ง่ายๆ และก็เป็นคนที่ต้องเห็นกับตาถึงจะเชื่อ “ข้าเคยได้ยิน
书 呆子
เรื่องเห็ดหลินจือพันปีที่เก็บรักษาอยู่บนภูเขาซางหมาง เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะขอรอยาดีจากแม่นางก็แล้วกัน” ความหมายก็คือ จะให้เชื่อถือสถานะของนางก็ได้ แต่ต้อง รอจนกว่านางจะเอาเห็ดหลินจือพันปีมาได้แล้วค่อยว่า กัน
สตรีชุดขาวก็ไม่ใส่ใจ พยักหน้าและพูดว่า “เช่นนี้ก็ ดี ไปกลับภูเขาซางหมางใช้เวลาเดือนครึ่ง ข้าก็หวังว่า มหาเสนาบดีอวิ๋นคงจะรักษาสัญญา มิฉะนั้นค่าตอบแทน ที่ปั่นหัวภูเขาซางหมาง…” เพียงเสียงดังแกร๊ก ถ้วยชาที่ อยู่ในมือเรียวราวหยกก็กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยทันที สตรีชุดขาวยืนขึ้นกล่าวกับถานจี้จือว่า “คุณชายถาน ใน เมื่อมหาเสนาบดีอวิ๋นไม่อยากจะคุยกับพวกเราแล้ว เราก็ กลับกันก่อนเถิด รอจนกว่าเห็ดหลินจือพันปีมาแล้วค่อย ว่ากันก็ไม่สาย คุณชายก็รอคอยมาหลายปีแล้ว คงไม่ เป็นไรหากจะต้องรอต่อไปอีกสักหน่อย ”
书 呆子
ถานจี้จือหัวเราะและพูดว่า “แม่นางพูดถูก แม่นาง เชิญ”
มหาเสนาบดีคนนั้นมองรอยยิ้มถานจี้จือที่แฝงไป ด้วยความนอบน้อมและระมัดระวัง ในใจกลับมีความ เชื่อถือต่อสถานะของสตรีชุดขาวขึ้นมาสองส่วน คิดอีกที ว่าถานจี้จือไม่มีความจ าเป็นที่จะต้องหลอกตน ก่อน หน้าที่แม่นางตงฟางจะมาปรากฏตัว เขาก็มีแผนจะ ร่วมมือกับถานจี้จืออยู่แต่แรกแล้ว ดังนั้นการที่จะมี หรือไม่มีภูเขาซางหมางนั้นไม่ส าคัญ พอคิดถึงจุดนี้ มหา เสนาบดีจึงรีบเอ่ย “ช้าก่อน คุณชายถาน แม่นางตงฟาง เราควรคุยกันต่อจะดีกว่า”
ทั้งสองหันหลังกลับมามองหน้าผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้า อย่างไม่ประหลาดใจสักนิด
มหาเสนาบดีถอนหายใจพลางพูดว่า “คุณชายถาน แม่นางตงฟาง เชิญนั่ง เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า” ไม่ใช่ว่า
书 呆子
เขาไม่อยากจะลีลาเล่นตัวกับถานจี้จือเพื่อให้ตนยื่น เงื่อนไขได้โดยง่าย แต่เพราะพวกเขารอไม่ได้ เหรินฉีหนิง ลังเลใจอ่อนไม่ยอมลงมือกับคนเป่ยจิ้งเพื่อฟื้นฟูสายเลือด ที่แท้จริงของจงหยวน อีกทั้งคนเป่ยจิ้งก็คอยบีบคั้นเขา สร้างความล าบากให้ทุกทาง ขุนนางเก่าแก่ที่ทุ่มเทให้กับ คนตระกูลหลินมาหลายชั่วอายุคนอย่างพวกเขาไม่ยอมที่ จะแบ่งความส าเร็จที่ได้มาไม่ง่ายกับพวกคนป่าเถื่อนพวก นั้นอย่างแน่นอน อีกทั้งเหรินฉีหนิงก็เริ่มไม่พอใจกับการ ขัดแข้งขัดขาไปเสียทุกอย่างของพวกเขาแล้วเช่นกัน ด้วย เหตุนี้เอง เมื่อถานจี้จือปรากฎตัว มหาเสนาบดีจึงได้ หวั่นไหวขึ้นมาในทันที
ถานจี้จือต่างกับเหรินฉีหนิง เหรินฉีหนิงถูกคน เหล่านี้อบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเล็ก อีกทั้งเขายังกุม อ านาจครึ่งหนึ่งของตระกูลหลินมานาน แต่ถานจี้จือถือ เป็นคนนอกโดยสิ้นเชิง ถึงแม้จะช่วยเขาขึ้นสู่ต าแหน่ง แต่
书 呆子
ในเวลาอันสั้นเขายังคงกุมอ านาจไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อ ถึงเวลานั้นยังต้องให้ขุนนางเก่าแก่อย่างพวกเขาคอย ช่วยเหลือ ที่ส าคัญกว่านั้นคือ ถานจี้จือไม่มีสัมพันธ์ใดๆ กับคนเป่ยจิ้ง และไม่มีบุญคุณต่อกัน ดังนั้นคงจะลงมือ กับคนเป่ยจิ้งได้โดยไม่ลังเล
ทั้งสองนั่งลงอีกครั้ง เยี่ยหลียิ้มเรียบพูดว่า “ในเมื่อ มหาเสนาบดีอยากจะพูดคุย พวกเราก็จะสนองตามที่ขอ ไม่ทราบว่าท่านมหาเสนาบดีจะคุยเรื่องอะไรหรือ”
มหาเสนาบดีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองทั้งสองและพูด ว่า “หากเราเห็นตรงกันว่าจะยกคุณชายถานขึ้น ครองราชย์ คุณชายถานจะสัญญาหรือไม่ ว่าจะให้อะไร แก่ขุนนางเก่าแก่อย่างพวกเรา ต้องรู้ก่อนว่า ตอนนี้ถึงแม้ เราจะไม่ลงมือท าอะไรเลย ก็สามารถเสพสุขจากอ านาจ และเกียรติยศได้แล้ว”
书 呆子
“อ านาจและเกียรติยศหรือ” สตรีชุดขาวยิ้มอย่าง เย็นชาและไม่ใส่ใจ “เขตแดนที่ขึ้นตรงกับเป่ยจิ้ง ไม่มีที่ใด ที่ชาวบ้านไม่เดือดร้อน ที่เรียกว่าเมืองหลวงเป่ยจิ้ง หาก พูดถึงความเจริญ ยังเทียบไม่ได้กับต้าฉู่ที่เพิ่งจะผ่านพ้น สงครามมาแม้เพียงสามส่วนเลยด้วยซ้ า อ านาจและ เกียรติยศเช่นนี้ ท่านคิดว่าดีแล้วหรือ ดูแล้วราชวงศ์ก่อน คงล่มสลายมานานเกินไปเสียแล้ว แม้กระทั่งเหล่าผู้ดี พวกนั้นต่างก็หลงลืมความรุ่งโรจน์เมื่อในอีตไปจนหมด สิ้นแล้ว เหลือเพียงความต้องการที่จะใช้ชีวิตให้ผ่านๆ ไป ในที่เล็กๆ ก็เท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ เห็นทีข้าและคุณชาย ถานคงมาผิดที่แล้ว”
“แม่นางตงฟาง” มหาเสนาบดีอวิ๋นสีหน้าไม่ดีนัก เมื่อต้องมาถูกสตรีชุดขาวเอ่ยวาจาแดกดันอย่างไม่ไว้หน้า แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่าที่นางพูดมานั้นเป็นความจริง เมือง ชางชิ่งไม่ต้องไปเปรียบกับฉู่จิง เมืองหลวงซีหลิงหรือเมือง
书 呆子
หลี แม้แต่เมืองทางจงหยวนที่ไม่ใหญ่เท่าไรก็ยังเทียบไม่ ติด
สตรีชุดขาวมองมหาเสนาบดีอวิ๋น และพูดด้วย ความยโสว่า “เพียงแค่ท่านท าตามสัญญา ภูเขาซางหมาง จะช่วยเหลือเป่ยจิ้งในการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของราษฎร นอกจากนี้ ภูเขาซางหมางจะลอบไปเจรจากับม่อจิ่งหลี กับเจิ้นหนานอ๋องให้ร่วมมือกันต่อต้านต าหนักติ้งอ๋อง ถึง เวลานั้น ต าหนักติ้งอ๋องก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป การจะ ยึดครองฉู่จิงย่อมเป็นเรื่องที่นับวันรอได้เลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น มหาเสนาบดีก็อดที่จะหวั่นไหว ไม่ได้ เขามองไปยังสตรีชุดขาวอย่างลึกซึ้ง ก่อนหันไปพูด กับถานจี้จือว่า “ตามที่ข้ารู้มา ผู้สืบทอดแห่งภูเขาซาง หมางทุกรุ่นจะต้องสมรสกับผู้ที่ตนช่วยเหลือ หากเป็น เช่นนี้ ในอนาคต…”
书 呆子
ถานจี้จือสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย รีบพูดว่า “ท่าน มหาเสนาบดีอย่าได้เป็นกังวล หากเรื่องทุกอย่างลุล่วงไป ด้วยดี ราชินีองค์ต่อไปต้องมาจากตระกูลอวิ๋นแน่นอน”
“อย่างนั้นหรือ” มหาเสนาบดีดูจะไม่เชื่อถืออย่าง เห็นได้ชัด อย่างไรเสีย พวกเขาก็รู้เกี่ยวกับชื่อเสียงและ ธรรมเนียมของภูเขาซางหมางเป็นอย่างดี สตรีชุดขาวเผย รอยยิ้มอันงดงามและพูดว่า “ท่านมหาเสนาบดีอย่าได้ ระแวงไป อันที่จริง ภูเขาซางหมางไม่อยากเอาตัวเข้ามา ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เพราะต าหนักติ้งอ๋องลบหลู่ภูเขา ซางหมางอย่างรุนแรง หากไม่สามารถตอบโต้ได้ คงมีแต่ จะท าให้คนดูถูกภูเขาซางหมาง หากการนี้ส าเร็จ ข้าจะ กลับไปยังภูเขาซางหมาง และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลก ภายนอกอีกเลย”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” มหาเสนาบดียิ้มพลางพูดอย่าง ผ่อนคลาย
书 呆子
สตรีชุดขาวพยักหน้า ยิ้มพูดว่า “ในเมื่อข้าและท่าน ต่างพอใจในเงื่อนไข จึงขอให้ท่านมหาเสนาบดีอวิ๋นตั้งใจ ให้มาก แน่นอนว่าภูเขาซางหมางและคุณชายถานก็จะ ช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ด้วยเช่นกัน เชื่อว่า วันที่มหา เสนาบดีอวิ๋นจะได้เป็นพระสัสสุระอย่างถูกต้อง คงเป็น เรื่องที่นับวันรอได้เลยเช่นกัน”
ค าพูดนี้ตรงใจมหาเสนาบดีเป็นอย่างมาก เขา หัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะเอ่ย “สมพรปากนะแม่นาง ได้เห็น แม่นางกระท าการอย่างนี้ ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอด แห่งภูเขาซางหมางจริงๆ เจ้าเก่งกล้าเช่นนี้ เกรงว่าคงจะ มีแต่พระชายาติ้งอ๋องเท่านั้นที่จะพอสูสีกับเจ้า”
สตรีชุดขาวยิ้มเฉยชา ลุกขึ้นขอตัวลากลับไปพร้อม กับถานจี้จือ
书 呆子
พอออกจากจวนมหาเสนาบดีแล้ว สีหน้าของถาน จี้จือไม่สู้ดีนัก “พระชายา หมากเกมนี้ท่านเล่นจนเลยเถิด ไปหรือไม่”
สตรีชุดขาวมีใบหน้าที่สวยสง่า แววตาเต็มไปด้วย รอยยิ้ม นี่ก็คือเยี่ยหลีที่ปลอมตัวมามิใช่หรือ เมื่อครู่มหา เสนาบดีผู้นั้นยังจะเอาเรื่องต าหนักติ้งอ๋องมาพูดกับนาง อีก แต่กลับคิดไม่ถึงว่า พระชายาติ๋งอ๋องที่เขาพูดถึงจะอยู่ ตรงหน้าเขานี่เอง