ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 358-1 ต้มตุ๋นแต่ไม่เอำเงิน
ประสิทธิภาพการท างานของถานจี้จือนั้นถือว่าดี มาก เพียงไม่กี่วันก็ผูกสัมพันธ์กับผู้มีอ านาจในเมืองชาง ชิ่งไปจ านวนไม่น้อย เยี่ยหลีติดตามข่าวคราวในเมืองชาง ชิ่งจากสายสืบของต าหนักติ้งอ๋องที่ส่งข่าวเข้ามา ก็ทอด ถอนในอย่างอดไม่ได้ มิน่าเล่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถาน จี้จือถึงได้ปั่นหัวได้ทั้งม่อจิ่งหลี ม่อจิ่งฉีและซูม่านหลิน ธิดาเทพแห่งหนานเจียง เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายไม่น้อยเลย ทีเดียว แต่ติดที่วันเวลาไม่คอยเขา ซูม่านหลิน ม่อจิ่งฉีได้ เสียชีวิตไปก่อน ทั้งถูกม่อจิ่งหลีระแวงสงสัยจนถูกทอดทิ้ง แผนการทั้งหมดจึงพังลงก่อนที่จะส าเร็จเพียงนิดเดียว
แม้ว่าจะรู้ความสามารถของเยี่ยหลี แต่ม่อซิวเหยา ก็ยังเป็นห่วงความปลอดภัยของเยี่ยหลีอยู่ตลอด ดังนั้น ก่อนจะไปจึงได้ให้ฉินเฟิง จั๋วจิ้งและหลินหานที่อยู่ด้วยกัน กับเยี่ยหลีทุกวันนั้นอยู่เฝ้าด้วย และยังให้เหอซู่ องครักษ์
书 呆子
พิทักษ์ฉู่จิงย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย ในปีนั้นเยี่ยหลีมองไม่ผิด เมื่อเทียบกับจั๋วจิ้ง หลินหานและเว่ยลิ่นแล้ว เหอซู่เหมาะ กับน าทัพออกรบมากกว่า ในเวลาเพียงสิบปี เหอซู่ใช้ ความสามารถของตนจนได้รับสมญานามเป็นขุนพล อันดับหนึ่งแห่งต้าฉู่ ตอนแรกเขาใช้โอกาสที่ม่อจิ่งหลีย้าย เมืองหลวงไปทางใต้ ขยายอิทธิพลออกไปอย่างก าเริบ เสิบสาน จึงเกิดเหตุการณ์ที่ฉู่จิงถูกล้อม และเหอซู่ สามารถน าก าลังสองแสนนายเข้ามาช่วยได้ สิบปีมานี้ สามารถพูดได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการใช้ความสามารถของ ตัวเขาเองจนได้มาซึ่งต าแหน่งในปัจจุบัน เชื่อว่าในอีกสิบ ปีข้างหน้าเขาคงได้เป็นจางฉี่หลันและหลี่ว์จิ้นเสียนคนที่ สองเป็นแน่
เมื่อมีสี่คนนี้อยู่ ไม่ว่าแผนการรบหรือกลอุบายจะ ยอดเยี่ยมเพียงใด ม่อซิวเหยาก็จะวางใจในความ ปลอดภัยของเยี่ยหลีมากขึ้น
书 呆子
“พระชายา” เหอซู่รอรับค าสั่งจากเยี่ยหลิน ตรงหน้าโต๊ะหนังสือในห้องหนังสืออย่างนอบน้อม เยี่ยหลี มองหน้าเขา ครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ย “เหอซู่ เจ้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่คุมกองก าลังทหารและม้านับ หมื่นนายแล้ว ตอนนี้มาอยู่กับข้าอีกครั้ง มีสิ่งใดอยากจะ พูดหรือไม่” เหอซู่ค านับเยี่ยหลีอย่างนอบน้อม เอ่ยด้วย ท่าทางจริงจังว่า “ข้าน้อยมีทุกวันนี้ได้เพราะพระชายา ประทานให้ เพียงแต่เดิมทีข้าน้อยเป็นองครักษ์ของท่าน แต่ไม่เคยได้อุทิศตนรับใช้อย่างสุดชีวิตอย่างน้องรอง น้อง สามและน้องสี่ ซึ่งถือว่าข้าบกพร่องในหน้าที่โดยแท้ แต่ มาวันนี้ได้มาอยู่กับท่านอีกครั้ง และได้อยู่กับพวกน้องๆ จึงถือเป็นความสุขของข้าน้อยอย่างยิ่งยวดพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้ไม่มีกี่ปีมานี้เหอซู่ถือว่าประสบความส าเร็จ อย่างน่าอัศจรรย์ใจ แต่อย่างไรเสียก็ไต่เต้ามาจากคน ธรรมดา ใช้เวลาราวสิบปีจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่ แต่การ
书 呆子
เปลี่ยนแปลงนี้เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ ของต าหนักติ้งอ๋องแล้ว ช่างเทียบกันไม่ได้เสียเลย ใน วันนี้ที่เหอซู่ถูกม่อซิวเหยาสั่งให้ย้ายมาอยู่กับเยี่ยหลีก็ใช่ ว่าจะมีความคิดที่ไม่ดีใดๆ อย่างไรเสียเมื่อเทียบกับคนอื่น ที่เคยเป็นองครักษ์ลับให้กับพระชายาติ้งอ๋องแล้ว เขา ย่อมเข้าใจในความสามารถของพระชายาและฐานะของ นางในสายตาท่านอ๋อง การได้มาติดตามพระชายา จึงถือ เป็นความสุขที่ต่อให้เรียกร้องก็อาจไม่ได้มา
เยี่ยหลียิ้มบางและพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี สาเหตุที่ท่าน อ๋องให้เจ้ามาอยู่กับข้า ก็เพราะตอนนี้ข้าต้องการคนที่น า ทัพได้ ไม่ได้จะลดทอนอ านาจทางการทหารของเจ้าแต่ อย่างใด ตอนแรกที่ข้าให้เจ้าเข้ากองทัพ ก็เพื่อพิสูจน์ว่า เจ้าเหมาะกับการท าหน้าที่ในกองทัพหรือไม่ และหลายปี มานี้เจ้าก็ไม่ได้ท าให้ข้าผิดหวังมาโดยตลอด เมื่อเรื่องนี้
书 呆子
ผ่านไป เจ้าก็จะได้กลับไปท าหน้าที่น าทัพเช่นเดิม หวังว่า เจ้าจะเข้าใจ”
เยี่ยหลีไม่ได้คิดว่าคนบนโลกนี้ควรจะต้องยอม สวามิภักดิ์อย่างไร้เงื่อนไขและไม่ปริปากบ่น ดังค ากล่าว ที่ว่านกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้ไว้พ านักนอน การให้แม่ทัพ ชั้นยอดมาเป็นองครักษ์นั้นช่างใช้คนไม่ถูกงานเอาเสียเลย แล้วยังจะให้เขายอมแต่โดยดีอีก ถือเป็นการคิดเข้าข้าง ตัวเองโดยแท้ ถึงแม้เหอซู่จะไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ าใจ แต่เยี่ยหลีคิดว่าควรต้องพูดกับเขาให้ชัดเจนเสียการ เพื่อ เลี่ยงการเข้าใจผิด และจะพาลท าให้ทุกคนไม่มีความสุข
“ข้าน้อยน้อมรับ ขอบพระคุณพระชายา” เหอซู่ รู้สึกซาบซึ้งใจต่อเยี่ยหลีจากใจจริง เดิมทีเขาเป็นองครักษ์ ลับประจ าต าหนักติ้งอ๋อง หากไม่ได้เยี่ยหลี ต่อให้เป็น องครักษ์ที่เจ้านายไว้วางใจเพียงใดก็ไม่อาจเป็นแม่ทัพได้
书 呆子
อีกทั้งเขายังเห็นว่าพระชายาคิดไม่ผิด เขาชอบรบราฆ่า ฟันบนสนามรบมากกว่าการเป็นองครักษ์
เยี่ยหลีพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าจงน าสิ่งของที่เป็น หลักประกันชิ้นนี้ไปหาราชินีเห่อหลัน ท่านคงช่วยให้เจ้า ได้ไปอยู่ในกองก าลังใหญ่ของเป่ยจิ้ง พอถึงเวลาเจ้าจะรู้ เองว่าควรท าเช่นไรต่อไป จริหรือไม่” เหอซู่ไตร่ตรองอยู่ ชั่วครู่ ก่อนจะเข้าใจความคิดของเยี่ยหลี จึงขมวดคิ้ว พร้อมถามว่า “นี่ท่านจะตลบหลังทหารจงหยวนที่อยู่ใน กองก าลังเป่ยจิ้งหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีพยักหน้าพร้อมยิ้มและพูดว่า “ถูกต้อง แต่ เรามีเวลาเพียงหนึ่งเดือนครึ่ง ดังนั้นภารกิจของเจ้าจึงมี ความยากพอสมควร เจ้าติดปัญหาที่ตรงใดหรือไม่”
เหอซู่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย “กองทหารเป่ ยจิ้งยึดครองพื้นที่ในต้าฉู่แค่เพียงไม่ถึงสองปี แต่กลับน า ทัพมามากเสียจนประชาชนไม่เป็นอันใช้ชีวิต ข้าน้อยคิด
书 呆子
ว่าแม่ทัพระดับกลางและล่างของกองทหารจงหยวนใน กองทัพเป่ยจิ้งนี้ไม่น่าจะจงรักภักดีต่อเป่ยจิ้งเพียงนั้น หากใช้ชื่อเสียงของต าหนักติ้งอ๋องด้วยคงจะเกลี้ยกล่อม พวกเขาได้ไม่ยาก”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เยี่ยหลีก็พยักหน้าอย่าง พอใจ และได้หยิบเอาเอกสารที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาพร้อม พูดว่า “นี่คือรายชื่อของแม่ทัพที่ไม่ไปได้ออกรบกับเหริน ฉีหนิง และยังมีข้อมูลภูมิหลังของพวกเขาด้วย เจ้าจงรับ ไปหาวิธีการต่อเอาเอง หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่มีฝีมือ เจ้า บอกกับพวกเขาไปว่า เพียงแค่กลับมาร่วมกับต าหนักติ้ง อ๋อง ข้าจะไม่ถือโทษโกรธเคืองในเรื่องที่พวกเขาติดตาม เหรินฉีหนิงไป ยศต าแหน่งจะยังคงเดิม หากมีความดี ความชอบ ต าหนักติ้งอ๋องจะตบรางวัลให้อย่างแน่นอน”
เหอซู่ดีใจ หากทหารเหล่านี้ภักดีต่อเหรินฉีหนิงนั้น คงช่างตลกสิ้นดี แต่สิ่งที่คนเหล่านี้กังวลที่สุดคือกองทัพ
书 呆子
ตระกูลม่อจะคิดบัญชีจากการที่พวกเขาไปเข้าร่วมกับเห รินฉีหนิงเพื่อเข้าโจมตีต้าฉู่ ตอนนี้เมื่อได้ยินค าสัญญาจาก ปากพระชายาติ้งอ๋องแล้วยึงไม่มีอะไรต้องกังวลอีก อย่างไรเสียเมื่อเทียบกับเหรินฉีหนิงแล้ว ใครๆ ต่างก็รู้สึก ว่าต าหนักติ้งอ่องนั้นน่าเชื่อถือกว่า
เมื่อเหอซู่เก็บเอกสารนั้นไว้แล้ว ก็พูดอย่างนอบ น้อมว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยขอตัวก่อน”
“ไปเถิด ข้าจะส่งหลินหานและหน่วยกิเลนไปลอบ ช่วยเจ้าด้วย เมื่อถึงยามจ าเป็นค่อยใช้วิธีการขั้นสูงสุด แต่ อย่างไร…เราต้องแข่งกับเวลา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ในเมืองชางชิ่ง ดูจากเบื้องหน้าแล้วก็ไม่ต่างอะไร กับเมื่อก่อน แต่ในที่ลับๆ หลายแห่งมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ ยังคุกรุ่นอยู่…แต่ไม่มีใครรู้ ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
书 呆子
สาเหตุก็มาจากสตรีที่อ่อนโยนนางนั้นที่อยู่ในเรือนหลัง เล็กที่ดูจะแสนธรรมดาตรงใจกลางเมือง
ภายในจวนมหาเสนาบดี มหาเสนาบดีเป่ยจิ้งของ ราชวงศ์ปัจจุบันมองคนสองสามคนที่อยู่ตรงหน้าด้วย ความงุนงง สุดท้ายแล้วก็พุ่งเป้าไปยังสตรีสวมชุดขาวที่ อยู่ข้างถานจี้จือ เขามองนางด้วยสายตาหลากหลาย ความรู้สึก “คุณชายถาน สตรีนางนี้คือผู้ใดกัน”
ไม่ทันรอให้ถานจี้จือตอบ สตรีนางนั้นก็ชิงตอบขึ้น ก่อนว่า “มหาเสนาบดีอวิ๋น ข้ามีแซ่ว่าตงฟาง”
“ตงฟางหรือ แห่งภูเขาซางหมางน่ะหรือ เป็นไปได้ อย่างไร!” มหาเสนาบดียืนจ้องและพูดกับสตรีนางนั้น ด้วยความตกใจ ถานจี้จือกระตุกยิ้ม พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ต่อมหาเสนาบดีว่า “แล้วจะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร”
มหาเสนาบดีพูดต่อ “คุณชายถานคงแก่จนเลอะ เลือนไปแล้ว ภูเขาซางหมางตกเป็นของหลีอ๋องไปตั้งนาน
书 呆子
แล้ว สตรีนางนี้จะเป็นผู้สืบทอดแห่งภูเขาซางหมางได้ อย่างไรกัน คุณชายถานคิดว่าเป่ยจิ้งของเราอยู่ห่างไกล จนไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ”
ถานจี้จือยักไหล่มองสตรีนางนี้ที่อยู่ตรงหน้า สตรีที่ อยู่ในชุดขาวยิ้มอย่างเรียบเฉยและพูดว่า “ใครบอกว่า ภูเขาซางหมางมีผู้สืบทอดเพียงคนเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น …ชื่อเสียงตงฟางโยวในเมืองหลีก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว ยังจะ เป็นผู้สืบทอดแห่งภูเขาซางหมางได้อีกหรือ”
“นี่มัน…” แม้จะอยู่ในชางชิ่งตลอดมา แต่เรื่องที่ ควรรู้ท่านมหาเสนาบดีก็รู้ และจะต้องรู้ด้วยว่าชื่อเสียง ป่นปี้ตามที่เยี่ยหลีบอกหมายถึงอะไร ขมวดคิ้วคิดๆ ดู แล้วว่า “หรือว่า…ภูเขาซางหมางซานคิดจะใช้กลยุทธ ลอบขุดอุโมงค์ลับไว้ไปโจมตีโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัวหรือ?”