ชายาเคียงหทัย - ตอนที่ 357-2 กำรค้ำขำยและกำรเกลี้ยกล่อม
ราชินีเห่อหลันกะพริบตา ยิ้มพลางเอ่ย “ข้าลืมไป เสียแล้วว่า ติ้งอ๋องก็อยู่ที่นี่ จะกังวลไปไยว่าทหาร เหล่านั้นจะแปรพักตร์” ราชินีเห่อหลันผู้ที่เดินทางไป เยือนทั้งต้าฉู่และเมืองหลีต่างรู้ดีว่าต าแหน่งและแรง ดึงดูดใจของต าหนักติ้งอ๋องในสายตาประชาชนชาวต้าฉู่ นั้นเป็นอย่างไร นี่ก็เป็นสาเหตุที่พวกเขาตอบรับข้อเสนอ ได้อย่างสบายใจ หากคิดจะแย่งแผ่นดินผืนนี้กับ ต าหนักติ้งอ๋อง พวกเขายังยิ่งใหญ่ไม่พอ
“พวกเราออกจากต้าฉู่แล้ว เช่นนั้นทหารและม้าที่ ถูกเหรินฉีหนิงน าไปจะท าอย่างไร” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ถาม
เยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาสบตากัน ก่อนม่อซิวเหยาจะ เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นี่ไม่ใช่ปัญหาที่พวกท่านควร ต้องพิจารณาหรือ” ชายหนุ่มหน้าเสีย ก่อนจะเอ่ย “หรือ
书 呆子
ว่าจะต้องยอมให้เหรินฉีหนิงน าคนจ านวนมากเช่นนั้นไป ใช้เป็นดินปืนจนหมดหรือ พวกเขาล้วนเป็นชายผู้กล้า ที่สุดแห่งเป่ยจิ้งของข้าทั้งนั้นเลยนะ”
ม่อซิวเหยาเอ่ยอย่างไม่เดือดร้อนว่า “เป็นข้าหรือที่ ต้องการให้พวกเจ้าตอบรับให้เหรินฉีหนิงไปออกศึก” พวกเจ้าสร้างปัญหาให้ข้า แล้วยังจะหวังให้ข้าน าก าลัง กลับมาคืนให้อีกหรือ เพียงนึกถึงว่ายามนี้ที่ด่านจื่อจิงมี ก าลังทหารล้อมรอบอยู่ ม่อซิวเหยาก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ติดหมัด ราชินีเห่อหลันดึงพี่ชายลูกพี่ลูกน้องที่ค่อนข้าง อารมณ์ร้อนของตนเอาไว้ ก่อนหันไปยิ้มพลางเอ่ยขอ โทษเยี่ยหลี “ติ้งอ๋อง พระชายา พวกเราต่างก็จนปัญญา กันแล้ว เหรินฉีหนิงยืนกรานที่จะน าก าลังไปออกศึก นอก เสียเราต้องเปลี่ยนเป็นศัตรูกับเขาในทันทีแล้ว เราจะท า เช่นไรได้อีก นี่พวกเราก็ถ่วงเวลาเขาอย่างเต็มที่แล้ว”
书 呆子
เยี่ยหลียิ้มบางๆ พร้อมทั้งดึงแขนเสื้อม่อซิวเหยา พลางส่ายหัว ม่อซิวเหยาจึงเก็บสีหน้าที่ไม่พอใจและไม่ เอ่ยอะไรอีก เยี่ยหลีครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “หากอยากให้เขา ปล่อยตัวเหล่าทหารกลับมาก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี เพียงแต่… ข้าไม่แน่ใจว่าจะพากลับมาได้สักเท่าไหร่ ท าได้แค่ค่อยๆ คิดวางแผนไป”
ราชินีเห่อหลันเอ่ยด้วยความยินดีว่า “ได้ยินมานาน แล้วว่าพระชายาช่างเปี่ยมไปด้วยความฉลาดหลักแหลม มากด้วยแผนการยุทธวิธี วันนี้ได้ประจักษ์แล้วว่าเป็น เช่นนั้นจริงๆ พระชายาเป็นคนตรงไปตรงมา พวกเราชาว เป่ยจิ้งเองก็ไม่ได้ใจแคบ ขอเพียงแต่พระชายาช่วยน ากอง ก าลังเป่ยจิ้งของเรากลับมาอย่างราบรื่น เห่อหลันเต็มใจที่ จะบอกเล่าถึงอ านาจมืดของเหรินฉีหนิง ตระกูลหลินนั้น สามารถซ่อนตัวในต้าฉู่ได้นานถึงสองร้อยปี และยังมี อ านาจบาตรใหญ่เพียงนี้ ติ้งอ๋องและพระชายาคงไม่
书 呆子
ปรารถนาที่จะให้พวกเขากลับมาได้อีกครั้งในอีกหลายสิบ ปีข้างหน้ากระมัง”
เยี่ยหลีมองราชินีเห่อหลันอย่างคาดไม่ถึง ราชินี เห่อหลันยิ้มพลางเอ่ย “พระชายาอย่าได้สงสัยไปเลย เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่พี่สาวข้ารวบรวมไว้ตอนมีชีวิตอยู่ นางสมรสกับเหรินฉีหนิงสิมาบกว่าปี ย่อมรู้อะไรดีกว่า พวกเรามากเป็นธรรมดา”
เยี่ยหลีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าตกลง การใช้ประโยชน์จากเป่ยจิ้งของเหรินฉีหนิงในหลายปีนี้ บ่อนท าลายก าลังเป่ยจิ้งไปเยอะมาก แม้จะน าได้ก าลัง ราวสามแสนกลับไป พวกเขาก็ไม่อาจจะเทียบเท่า กองทัพตระกูลม่อได้ในระยะเวลาอันสั้นได้
ราชินีเห่อหลันโบกมือพลางกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ ขอขอบใจพระชายามาก”
书 呆子
“ท่านกับข้าล้วนมีผลประโยชน์ต่อกัน ราชินีอย่าได้ เกรงใจไป” หากจะรอให้เหรินฉีหนิงน าทัพใหญ่เข้าตี ด่านจื่อจิง และร่วมมือกับเป่ยหรงล้อมกองทัพตระกูลม่อ ไว้ สู้ลอบแทงมีดข้างหลังเหรินฉีหนิงเสียก่อนเลยจะดีกว่า หากหลังต าหนักเกิดเพลิงไหม้ขึ้นแล้ว ดูสิว่าเหรินฉีหนิง จะเอาอะไรไปต่อกรกับกองทัพตระกูลม่อได้
เมื่อครั้นส่งเสด็จราชินีเห่อหลันกลับไปเรียบร้อย แล้ว ม่อซิวเหยามองหน้าเยี่ยหลีเงียบๆ อยู่นาน เยี่ยหลี เผยรอยยิ้มจางๆ ที่พราวไปด้วยเสน่ห์และถามว่า “มี อะไรหรือ”
ม่อซิวเหยาคว้ามือนางมาประกบกลางฝ่ามือของ ตน เอ่ยเสียงเข้มว่า “ข้าจะต้องไปแล้ว” เยี่ยหลีพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “ข้ารู้ ข้าจะจัดการเรื่องทางเป่ยจิ้งให้เร็ว ที่สุด แล้วกลับไปเจอกับเจ้า” ณ ตอนนี้กองทัพตระกูล ม่อได้เปิดฉากสู้รบกับเป่ยหรงและเป่ยจิ้งแล้ว นี่ไม่
书 呆子
เหมือนกับศึกในปีก่อน ปีก่อนมีเป้าหมายเพื่อแย่งชิงฉู่จิง จะแย่งได้หรือไม่ก็ไม่สนว่าใครจะรอดหรือใครจะตาย แต่ ครั้งนี้ราวกับเป็นการสู้รบที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง เหตุการณ์เช่นนี้ผู้คุมอ านาจในต าหนักติ้งอ๋องทั้งสองจึงไม่ อาจจะอยู่ในพื้นที่เล็กๆ เช่นเป่ยจิ้งแห่งนี้ได้ แม้นจะเป็น เพียงการปลอบขวัญทหาร แต่อย่างไรเสียก็ต้องมีใครสัก คนหนึ่งไปปรากฏตัวในสนามรบ การที่ม่อซิวเหยาได้ร่วม เดินทางมายังเป่ยจิ้งกับเยี่ยหลี และยังพักที่นี่เป็น เวลานานก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
“ให้คนจับตาถานจี้จือไว้หน่อย อย่าไปเชื่อถืออะไร คนผู้นี้มากนัก หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ฆ่าทิ้งเสีย” ม่อซิวเหยาก าชับเสียงเบา เมื่อรู้ว่าเขาเป็นห่วงตนเอง เยี่ยหลีจึงเอ่ยเสียงเบาในอ้อมกอดของเขาพร้อมรอยยิ้ม ว่า “เจ้าก็รู้ว่าข้ารู้จักยับจั้งชั่งใจ รู้ว่าอะไรควรท าหรือไม่ ควรท า ไม่เอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายหรอก” ถ้าเป็น
书 呆子
เมื่อก่อนนางคงไม่สนใจเรื่องความเป็นความตาย แต่ ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว นางมีสามีที่รัก มีลูกที่ยังเล็ก อีกสามคน และยังมีญาติที่เป็นห่วงเป็นใย ไม่ว่าอย่างไรก็ จะต้องรักษาชีวิตตัวเองอย่างดีที่สุด
ม่อซิวเหยาเอ่ยอย่างกลุ้มใจว่า “จะไม่ให้เป็นห่วงได้ อย่างไร ข้าอยากจะหาที่ซ่อนตัวเจ้าไว้ ไม่ให้ใครมาพบ เจอได้ตลอดไป และไม่ให้เจ้าต้องไปเผชิญกับอันตราย ใดๆ อีกตลอดไปด้วย”
“โตจนป่านนี้แล้วยังท าตัวเป็นเด็กๆ ไปได้ ไม่อาย หรือ” เยี่ยหลีกลอกตามองบนอย่างจนปัญญา เอ่ยพลาง ยิ้ม พร้อมกับมองหน้าเขาด้วยความจริงจังว่า “ไม่มีทางที่ ข้าจะอยู่โดยไม่พบเจอใครเลย” ม่อซิวเหยาหน้าห่อเหี่ยว “ข้ารู้ เจ้าปล่อยวางคนตระกูลสวีเหล่านั้นไม่ได้ ยังมี เพื่อนของเจ้าและม่อตัวน้อยอีก!” เมื่อพูดถึงม่อตัวน้อย ม่อซิวเหยาก็กัดฟันด้วยความเคยชิน
书 呆子
เมื่อเยี่ยหลีเห็นสีหน้าถือโทษโกรธแค้นและริษยา ของเขา นางจึงยิ้มและประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของ เขาเบาๆ “เอาล่ะ ต่อไป หากท่านไม่ต้องมายุ่งเรื่อง ต าหนักติ้งอ๋องแล้ว แล้วท่านยังต้องการเช่นนี้ละก็ ข้าจะ เสียสละเพื่อความสุขของท่านเอง ท่านอยากไปที่ไหน พวกเราก็จะไปที่นั่น” ม่อซิวเหยาได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตา พลันเป็นประกาย “อาหลีพูดจริงหรือ”
เยี่ยหลีกระพริบตาเอ่ยว่า “จริงแท้แน่นอนอยู่ แล้ว”
“ได้ ไว้รอให้ข้ามอบต าแหน่งให้ม่อตัวน้อยแล้ว พวกเราก็จะไปอยู่ด้วยกันอย่างสันโดษ” ความกลัดกลุ้ม บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาพลันจางหายไป สีหน้าม่อ ซิวเหยาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข เมื่อเยี่ยหลีเห็น ท่าทางตื่นเต้นและกระตือรือร้นของเขา ก็อดเอือมระอา ขึ้นมาไม่ได้ “อย่าบอกนะว่าท่านวางแผนว่ากลับไปจะ
书 呆子
มอบต าแหน่งให้ม่อตัวน้อยทันทีเลย” นางเชื่อว่าม่อซิว เหยาสามารถท าเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจได้อย่างแน่นอน
ม่อซิวเหยาโอบกอดนาง เอ่ยอย่างรู้สึกเสียดายว่า “ตัวข้าก็อยากท าเช่นนั้น…” เมื่อมองเห็นเยี่ยหลีหรี่ตา อย่างไม่สบอารมณ์ จึงรีบเอ่ยต่อว่า “เพียงแต่น่าเสียดาย ม่อตัวน้อยยังอายุน้อยเกินไป อย่างน้อยก็ต้องรอให้เขาขี่ ม้าออกรบได้ก่อนถึงจะได้ใช่หรือไม่เล่า อืม…อายุสิบสี่ เป็นอย่างไร ข้าอายุยังไม่ถึงสิบสี่ก็ออกรบแล้ว” ม่อตัว น้อยปีนี้อายุแปดขวบ อีกหกปีก็จะอายุสิบสี่…ช่างเป็น เรื่องดีเหลือเกิน เมื่อถึงเวลานั้น สวีชิงเฉินก็ยังอยู่ ถ้าม่อ ตัวน้อยฉลาดสักหน่อย ก็ยังหลอกสวีชิงเฉินให้ท างาน ถวายชีวิตแทนเขาได้อีกหลายปี พอคิดเช่นนี้แล้ว ม่อซิว เหยาก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งได้ทันใดว่าสวรรค์ประทานแต่ละ สิ่งให้เขามาไม่น้อยเลย คงเป็นการชดเชยในสิ่งที่เขาขาด
书 呆子
หายในช่วงครึ่งชีวิตแรก ดังนั้นจึงมอบสิ่งต่างๆ ที่เขารอ คอยมาให้ในช่วงครึ่งชีวิตหลัง…
ครั้นเยี่ยหลีเห็นใบหน้าที่มีความสุขราวกับจะลอย ขึ้นฟ้าของคนตรงหน้า จึงผลักเขาให้เดินเข้าไปในห้อง อย่างเงียบๆ ม่อซิวเหยาเดินตามเข้าไปอย่างยอมจ านน ก่อนจะไป เขาเหลือบมองไปบนก าแพงทีหนึ่ง ก่อนแขน เสื้อปลิวไสวตามแรงลม แล้วมีบางสิ่งร่วงลงมาสู่พื้น พร้อมเสียงหึที่ดังขึ้นทีหนึ่ง
เมื่อส่งม่อซิวเหยาไปแล้ว เยี่ยหลีก็หันหลังเดินกลับ เข้าไป เข้าไปถึงก็เห็นถานจี้จือนั่งยิ้มให้ตนอยู่ภายในสวน ของเรือน แต่ท่าทางการนั่งของเขาดูแปลกประหลาด เล็กน้อย ทั้งยังยื่นมือไปจับไหล่พลางกัดฟันด้วยความ เจ็บปวดเป็นระยะๆ อีกด้วย
เยี่ยหลีเลิกคิ้วเบาๆ มองท่าทางแปลกๆ ของเขา พลางถามว่า “คุณชายถานเหตุใดถึงว่างมาที่นี่ได้”